ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1639 ขอคำชม
ถังจื่อโม่ไม่เข้าใจ เขามองหน้ามู่เฉิง มู่เฉิงก็รู้สึกได้ถึงสายตาของเขา ได้ถอนหายใจแล้วถามถังจื่อโม่ว่า: นายคิดว่าเพราะนาย อากับหม่ามี๊นายถึงได้มีความขัดแย้งกัน หม่ามี๊นายถึงรีบร้อนที่จะรับพวกนายกลับไปใช่มั้ย?
ถังจื่อโม่ส่ายหัวเสร็จก็ได้พยักหน้าอีก เขาพูดว่า: หม่ามี๊รับพวกผมกลับไป เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกเรา เพราะคุณอาปรากฎถึงเป็นห่วง ที่สำคัญคือ เป็นเพราะคุณอาพูดจาเกินไปกับหม่ามี๊ ให้หม่ามี๊สงสัยว่าพวกผมเจออันตราย แต่ว่า ถ้าไม่ใช่เพราะพวกผม คุณอาก็จะไม่พูดจาแบบนี้ นี่ต่างหากที่เป็นความคิดของถังจื่อโม่ เขารู้สึกสาเหตุเริ่มแรกสุดคือเพราะมู่เฉิงแกล้งพูดกับเวินลั่วฉิงว่าถังจื่อซีกับถังจื่อโม่อยู่ข้างกายเขา เวินลั่วฉิงถึงสงสัยว่ามู่เฉิงมีเจตนาไม่ดีแอบแฝง ที่จริง ก่อนหน้านี้ทั้งสองไม่ได้มีความขัดแย้งกัน
มู่เฉิงยิ้ม ถังจื่อโม่ฉลาดจริงๆ ไม่จำเป็นต้องพูดเยอะก็สามารถคิดความเกี่ยวโยงของในนั้นได้อย่างชัดเจน แต่ยังไงก็คิดมากเกินไป
เขาพยักหน้า: ถูก นี่ต่างหากเป็นสิ่งที่หม่ามี๊นายเป็นห่วงที่สุด ที่จริง ในเรื่องที่นายพูด นายไม่ได้ทำให้เกิดผลอะไรเลย หม่ามี๊นายเป็นห่วงพวกนาย แค่เพราะอาคนเดียว แต่ไม่ใช่เพราะอาพูดคำพูดที่เลยเถิด
ถังจื่อโม่ไม่เข้าใจ มู่เฉิงได้พูดต่อ: ถ้าแดดี๊นายพูดแบบนี้กับหม่ามี๊นาย หม่ามี๊นายเดาได้ว่าเป็นนายสองคน จะเป็นห่วงหรือเปล่า?
ถังจื่อโม่ส่ายหัว แดดดี๊ไม่ทำร้ายพวกเขาหรอก หม่ามี๊ไม่ต้องเป็นห่วงเลย แม้กระทั่งยังจะหยอกเล่นหลายคำด้วยซ้ำ
เพราะฉะนั้น การที่หม่ามี๊นายเป็นห่วง ไม่ได้เพราะคำพูดเหล่านั้น แต่เป็นเพราะอยู่ในใจของหม่ามี๊นาย เดมทีอาก็เป็นบุคคลที่อันตรายอยู่แล้ว หม่ามี๊นายคิดไม่ถึงเลยด้วยซ้ำว่าอาจะอยู่กับพวกนาย ความสงสัยนี้ ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามคำพูดที่แฝงด้วยเจตนาร้ายเล็กน้อยของอา กลายเป็นความหวาดกลัว สืบสาวราวเรื่องให้ถึงที่สุด เป็นเพราะการดำรงอยู่ของอา สำหรับพวกนายแล้วเป็นสิ่งที่ไม่ปลอดภัย เป็นสิ่งที่อันตราย หรือว่าคลุมเครือไม่ชัดเจน หม่ามี๊นายไม่สามารถแน่ใจได้ ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าเสี่ยง ถ้าอากับหม่ามี๊นายซี้กัน แถมเชื่อใจกันและกัน ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ มู่เฉิงคอยพูดอย่างชัดเจน
ถังจื่อโม่เข้าใจ แต่เขาได้กระทบความสัมพันธ์ของหม่ามี๊กับคุณอาจริงหรือเปล่า?
มู่เฉิงเห็นถังจื่อโม่ไม่พูดจา ได้พูดเสริมต่ออีก: ที่จริง นี่ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลย ก่อนหน้านี้หม่ามี๊นายมีแต่จะปฏิเสธอา ตอนนี้สามารถอนุญาตให้อาพาพวกนายกลับไปอยู่ต่ออีกหน่อย ก็ถือว่ายากมากแล้ว นี่พิสูจน์ให้เห็นว่าหม่ามี๊นานเริ่มเชื่ออาแล้ว ถือว่าได้ช่วยอานะ มู่เฉิงส่ายหัว นี่ถือว่าจับผลัดจับผลูตีถูกหรือเปล่า?
ถังจื่อโม่สบายใจขึ้นแล้ว ขอแค่เขาไม่
กระทบความสัมพันธ์ของหม่ามี๊กับคุณอาก็พอ
มู่เฉิงคิดแล้วได้ค่อยๆพูดว่า: เรื่องของวันนี้ แล้วเราสองคนว่าจะบอกปู่ซ่างกวนหรือเปล่า? มู่เฉิงอยากพูดโดยตรง แต่เขากลัวซ่างกวนหงจะผิดหวัง และเขาเองก็คิดว่าเด็กสองคนมีความคิดของตัวเอง ได้ถามเรื่อยเปื่อยคำนึง
ไม่ต้องบอกค่ะ
บอกโดยตรงเลยครับ
ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่เปิดปากพูดพร้อมกัน คำพูดที่พูดออกมากลับแตกต่างกันสิ้นเชิง ทั้งสองต่างก็มองอีกฝ่ายด้วยสายตาอึ้งที่แฝงด้วยความผิดหวังและความรังเกียจ
ถังจื่อซีฮื้อทีนึง และเป็นคนพูดก่อนว่า: หม่ามี๊มารับพวกเราเป็นเรื่องปกติ ทำไมดันจะต้องพูดให้ได้ล่ะ? ถังจื่อซีรู้สึกมีเรื่องน้อยก็ทุกข์น้อย อีกอย่างไม่ใช่เรื่องดีอะไร เธออยู่มาหลายวันแล้ว กลับไปตอนนี้ไม่ถือว่าแปลก ทำไมต้องพูดให้ชัดเจนล่ะ?ที่จริง ถังจื่อซียังคำนึงถึงอีกหนึ่งสาเหตุ ถ้าตอนนี้ซ่างกวนหงรู้ว่าเวินลั่วฉิงเป็นคนยืนหยัดที่จะให้พวกเขากลับไป เขาจะคิดมาก จะเสียใจ จะรู้สึกว่าหม่ามี๊ไม่ยอมให้พวกเขาใกล้ชิดเขา เพราะฉะนั้น เธออยากให้เรื่องผ่านไปอย่างปลอดภัยหายห่วง ถ้าวันข้างหน้ารู้ว่าซ่างกวนหงกับหม่ามี๊มีความสัมพันธ์เป็นพ่อลูกกัน ทั้งสองก็จะไม่มีช่องว่างเพราะเรื่องนี้
ถังจื่อโม่คิดได้เรียบง่ายมาก ความจริงก็คือความจริง ไม่จำเป็นต้องปิดบัง หม่ามี๊รับพวกเขากลับไปอย่างเร่งด่วนขนาดนี้ ซ่างกวนหงจะต้องสงสัยแน่นอน แทนที่หาเหตุผลที่ไม่เหมาะสม สู้คุยกันอย่างเปิดเผยโดยตรงดีกว่า ยิ่งไปกว่านั้น เหมือนที่คุณอามู่เฉิงพูด เรื่องนี้เพราะหม่ามี๊ไม่เชื่อใจคุณอามู่เฉิง หม่ามี๊ก็ไม่เชื่อใจปู่ซ่างกวนหงเหมือนกัน แทนที่จะอ้อมค้อม สู้พูดตรงๆจะดีกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่ได้มีความแค้นใหญ่หลวงอะไรกันสักหน่อย ไม่กล้าพูด จะต้องคำนึงมากเกินไป เพียงเพราะว่าในความเป็นจริงไม่สนิทกัน ถึงไม่ไว้วางใจ
แต่ตอนนี้ เป็นเวลาที่รู้จักกันพอดี จริงใจต่อกันไม่ดีหรือไง?
เดิมทีมู่เฉิงคิดว่าพวกเขาให้ไอเดียเรื่อยเปื่อย ก็ตามที่พวกเขาพูด คิดไม่ถึงว่าความคิดของเด็กทั้งสองจะไม่เหมือนกัน ทีนี้ดีแล้วหนิ รอให้พวกเขาค่อยๆคิดก็แล้วกัน
มู่เฉิงได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าเรื่องจะต้องพูดมาโดยตรง แต่แค่ อยากเห็นเด็กสองคนพูดโน้มน้าวซึ่งกันและกัน
หลังจากถังจื่อซีพูดจบ เธอได้มองหน้าถังจื่อโม่แล้วถามว่า: ทำไมไม่พูดล่ะ?คุณปู่กับหม่ามี๊จะต้องเจอหน้ากันแน่นอน เรากลับไปตอนนี้ ก็เพราะทั้งสองไม่สนิทกัน บวกกับอามู่เฉิง ทุกคนต่างก็ไม่เชื่อใจกัน ตอนนี้ทั้งสองมีโอกาสทำความรู้จักกับฝ่ายตรงข้าม ก็แฮปปี้ดีไม่ใช่เหรอ?
ถังจื่อซีคิดๆแล้วก็ใช่ เพราะก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร จึงได้เห็นด้วย
มู่เฉิงคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องจะคลี่คลายได้ไวขนาดนี้ เขาถอนหายใจทีนึง ละครสนุกที่อยากจะดูก็ไม่ได้ดูแล้ว
ตอนที่กลับไป ซ่างกวนหงได้รออยู่ที่ห้องรับแขก ได้ยินเสียงผลักประตู ใบหน้าของเขาก็ได้ประดับด้วยรอยยิ้มแล้ว ไม่ได้เจอหน้ามาหนึ่งวัน เขาชักจะคิดถึงพวกเขาแล้ว ยังดีที่กลับมาแล้ว
ผู้ดูแลจ้งพาถังจื่อซีกับถังจื่อโม่เข้ามาด้านในด้วยรอยยิ้ม ส่วนมู่เฉิง ผู้ดูแลจ้งแค่มองแวบเดียวก็ไม่ได้สนใจเขาอีก
มู่เฉิงกล้ำกลืนจะแย่อยู่แล้ว ตัวเองต่างหากที่เป็นหัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้ ทำไมถึงมีความรู้สึกที่ไร้ตัวตนขนาดนี้?อีกอย่างท่าทีของผู้ดูแลจ้งหมายความว่ายังไง ราวกับเขาไม่มีตัวตนอยู่อย่างไงอย่างงั้น มีจื่อซีกับจื่อโม่ เขาก็ไม่ใช่คนที่ถูกเอ็นดูแล้วเหรอ?ยิ่งไปกว่านั้น ในมือตัวเองหิ้วของไว้เยอะขนาดนี้ มีทั้งถุงเล็กถุงใหญ่!ผู้ดูแลจ้งไม่เห็นหรือไง?ถึงกับไม่ช่วยตัวเองถือเลย
ผู้ดูแลจ้งไม่สนใจพวกนี้เลย แวบแรกเขาก็ถูกชุดใหม่ของถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ดึงดูดไปแล้ว
สวยจนตาค้างมาก!
จื่อซีเหมือนสาวม้งที่สามารถร้องเพลงเต้นรำได้ แค่กระโดดโลดเต้นก็ยังเหมือนกำลังเต้นรำอยู่ แม้แต่อารมณ์ก็อดเบิกบานขึ้นมาไม่ได้
แต่ถังจื่อโม่กลับกันพอดีใจเย็นและสงบ มีความรู้สึกที่ไม่สามารถเข้าใกล้อย่างนึง ความรู้สึกทั้งสองอย่างที่ไม่เหมือนกันเลย แตกต่างกันเกินไป
จื่อซีกับจื่อโม่ ทั้งสองคนสวยจังเลยครับ! ผู้ดูแลจ้งชื่นชมจากใจจริง นาที่นี้ถังจื่อซีได้กระโดดโลดเต้นไปที่ข้างกายของซ่างกวนหงแล้ว เธอได้หมุนตัวรอบนึง รอคำชมจากซ่างกวนหง ถังจื่อโม่เดินไปแล้วนั่งอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ สีหน้าแววตาบนใบหน้ามีความสุขจนไม่ปกปิดเลย
สวยมาก เหมาะกับหนูมาก ของจื่อโม่ก็ดูเท่ห์มาก! ซ่างกวนหงก็พยักหน้าอย่างชื่นชม พูดชมสองคำ คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กทั้งสองจะเปลี่ยนแปลงได้เยอะขนาดนี้ เขามองมู่เฉิงอย่างเห็นดีเห็นชอบ ไว้ใจได้จริงๆด้วย
ถังจื่อซีเย้คำนึง จากนั้นได้นั่งลงที่ข้างกายของซ่างกวนหงอย่างพึงพอใจ แล้วเล่าเรื่องของวันนี้อย่างไม่หยุด
มู่เฉิงทิ้งของในมือลง พร้อมมองพวกเขาด้วยความเคียดแค้น วันนี้ตัวเองตะลอนกับพวกเขามาทั้งวัน ไม่มีคุณงามความดีก็ได้ทุ่มเทแรงกายทำงานอย่างหนักอยู่ ทำไมไม่มีคำถามไถ่เขาสักคำเลย?ยิ่งไปกว่านั้น แถมเสื้อผ้าพวกนี้เขายังเป็นคนซื้อเอง ทำไมไม่มีคนชมเขาเลย?สีหน้าของมู่เฉิงไม่สบอารมณ์
ผู้ดูแลจ้งดูออก เขาได้พูดอย่างยิ้มแฉ่ง: วันนี้หัวหน้าน้อยก็ลำบากแล้วครับ พาจื่อซีกับจื่อโม่ซื้อของไปเยอะขนาดนี้ แถมยังตาถึงมากด้วย! ผู้ดูแลจ้งรู้ว่ามู่เฉิงเป็นคนตาถึง แต่เรื่องพาเด็กๆไปช้อปปิ้งเป็นเรื่องที่ไม่เคยทำมาก่อน แถมยังกลัวทำได้ไม่ดี คิดไม่ถึงว่าไม่ต้องเป็นห่วงเลย
เดิมทีใบหน้ามู่เฉิงเต็มไปรอยยิ้ม ตอนที่ได้ยินว่าสายตาดีมาก ได้ยักคิ้วทีนึง เสื้อผ้าของจื่อโม่เขาเป็นคนเลือกเอง แต่ของจื่อซี……เขาไม่ค่อยได้ช่วยเลือกสักเท่าไหร่ แต่เขาเลือกที่จะไม่พูด
ถังจื่อซีกลับไม่สนใจพวกนี้ ได้แชร์อย่างมีความสุขเรียบร้อยแล้ว: วันนี้พวกเราเจอพี่สาวคนนึง เธอบอกว่าเธอชื่อหลินฉือ เสื้อผ้าที่หนูใส่พี่สาวคนนี้เป็นคนเลือกให้หมดค่ะ!และเครื่องประดับที่จื่อซีใส่อยู่ ก็พี่สาวคนนั้นมอบให้เหมือนกันค่ะ
ซ่างกวนหงคอยฟังด้วยรอยยิ้ม เดิมทีไม่มีความคิดอะไร แต่พอดูเครื่องประดับบนตัวถังจื่อซีอย่างละเอียดแล้วได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ถังจื่อซีไม่ได้สังเกตเห็น เธอได้พูดต่อว่า เสื้อผ้าของพี่ชาย พี่สาวคนนั้นก็ได้เลือกให้เหมือนกันค่ะ รู้สึกเท่ห์ทุกตัวเลย!
มู่เฉิงได้ยินเธอละเลยเขาอีกแล้ว ได้ส่งเสียงฮื้ออย่างไม่พอใจเบาๆ ถังจื่อซีรีบพูดทันทีว่า คุณอาก็ได้ช่วยพวกหนูเลือกไปไม่น้อยเหมือนกันค่ะ!เสื้อผ้าของพี่ชาย และเครื่องประดับที่เลือกทีหลัง คุณอาเป็นคนเลือกหมด สวยมากเลยค่ะ
ทีนี้ถึงมู่เฉิงถึงพึงพอใจ เขานั่งจิบชาอยู่ข้างๆ คอยฟังเด็กสองคนพูดคุยกับซ่างกวนหง แน่นอนว่าส่วนใหญ่จื่อซีเป็นคนพูด คนอื่นพูดคำสองคำเป็นครั้งคราว ไม่นึกเลยว่าความรู้สึกนี้จะสงบจนน่าแปลกใจ
ซ่างกวนหงหัวเราะดังลั่น ทำไมรู้สึกมู่เฉิงว่าถูกรังเกียจเลย?
ดูท่าวันนี้ออกไป มู่เฉิงยังไม่ได้น่ารักน่าชังเท่าคนอื่นเลย
เขามองมู่เฉิงด้วยสายตาหยอกล้อ