ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1642 ปล่อยไปเช่นนั้น
เธอรักษาบาดแผลอย่างเงียบสงบมาโดยตลอด ทำเรื่องของตัวเองอย่างเงียบๆ…
แต่ว่าหลินหว่านตายแล้ว บาดแผลของเธอไม่ดีขึ้นเลย ทรุดลงอย่างฉับพลันโดยไม่ทันได้เตรียมตัว หมอเลือกใช้มารตการเร่งด่วน ส่งคนมาถามฉันว่าใช้ยาที่มีสรรพคุณพิเศษได้ไหม ตอนนั้นฉันถูกเรื่องของฉิ้นเอ๋อรบกวนใจ ไม่ว่าใครก็ไม่อยากพบ คนที่ส่งมาถามฉันว่าใช้ยาได้ไหมถูกฉันไล่ไปทันที รอจนพวกเขามาถามอีกครั้ง ตอนที่ฉันตอบตกลง หลินหว่าน เพราะยามาช้าไป จึงช่วยไว้ไม่ได้ ตอนที่ซ่างกวนหงพูดเรื่องนี้อารมณ์ที่แสดงออกบนสีหน้าล้วนเปลี่ยนแปลงไป บนโลกนี้ มีเรื่องกี่มากน้อยที่ตอนนั้นตัดสินใจลงไป โดยไม่รู้ว่าจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ใดในภายหลัง? บางทีเรื่องที่ไม่ได้สำคัญมากนักเรื่องหนึ่ง แต่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้กลับพลั้งพลาดไป ในใจมักยากจะให้อภัย
ตอนนั้น องค์กรโกสต์ซิตี้มีตัวยาแล้ว สามารถรักษาหลินหว่านได้ แต่ตอนนั้นไม่ได้ปล่อยยาออกไป หมอก็ไม่กล้าใช้ยาโดยพลการ ทางฝั่งหลินหว่าน ฉันก็ไม่ได้สั่งกำชับเป็นพิเศษ เพราะสาเหตุนี้ หลินหว่านจึงไม่ได้ยารักษา เรื่องนี้เป็นไฟสุมขอนในใจซ่างกวนหงมาโดยตลอด หลินหว่านเดิมทีไม่ต้องตาย กลับจับพลัดจับผลูมาตายเพราะตน ถ้าหากว่าตอนนั้นตนเองสั่งกำชับเพิ่มสักประโยค ถ้าตอนครั้งแรกที่มาเขาไม่ได้ปฏิเสธ เรื่องราวก็จะต่างไปโดยสิ้นเชิง แต่ว่าเขาไม่มีโอกาสอีกครั้งหนึ่งแล้ว
มู่เฉิงฟังเงียบๆ ถ้าเป็นเพียงคนไม่สำคัญคนหนึ่ง ความผิดพลาดเช่นนี้ ก็สามารถทำให้คนสะอื้นไห้ได้ แล้วถ้ายิ่งเป็นเพื่อนคนหนึ่งล่ะ? ตายเพราะตัวเอง ภายในใจคงจะเศร้าโศก ต่อให้เป็นซ่างกวนหงก็ไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่ว่า มู่เฉิงยังรู้สึกว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ ถ้าหากว่าหลินฉือกับหลินหว่านเป็นแม่ลูกกัน ถ้าหากว่า…หลินฉือ หลินจื่อและหลินเนี่ยนมีความสัมพันธ์กัน เช่นนั้น…ทำไมการตายในเวลานั้นของหลินหว่านถึงได้สงบเงียบเช่นนั้นล่ะ?
ดังคาด ซ่างกวนหงนิ่งงันไปพักหนึ่งเล่าต่อว่า หลังจากที่หลินหว่านตาย ประเทศ Z ได้ส่งคนมา ตอนนั้นพวกเขามาเพื่อรับหลินหว่านกลับไป หลังจากตรวจสอบจึงพบว่า คนที่หลินหว่านแต่งงานด้วย คือโม่เยี่ยนหนึ่งในทายาทของ VG กรุป ที่พิเศษคือแม่ของเขา เป็นเจ้าหญิงหนึ่งเดียวในราชวงศ์แห่งประเทศ Z ประเทศ Z มีอำนาจมากมายมหาศาล ครองตำแหน่งสำคัญในโลก อิทธิพลของ VG กรุปก็แผ่คลุมไปทั่วโลก ถ้าหากตอนนั้นขัดแย้งกันขึ้นมา แม้องค์กรโกสต์ซิตี้จะไม่กลัว ก็อาจจะเจ็บหนัก เวลานั้น เป็นช่วงเวลาที่ตึงเครียดที่สุดขององค์กรโกสต์ซิตี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นประเทศ Z หรือ VG กรุป ต่างก็ไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ซ่างกวนหงคิดถึงเวลานั้นขึ้นมา ยังรู้สึกว่าผ่านพ้นไปอย่างผ่อนคลายเกินไป เขาไม่เคยคิดเลยว่า คุณนายน้อยแห่ง VG กรุปจะตกตายที่องค์กรโกสต์ซิตี้ VG กรุปกับ ประเทศ Z ไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย ความกังวลของเขาเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่กลับได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง
เวลานั้น พวกเราต่างก็คิดว่า VG กรุปกับ ประเทศ Z จะต้องไม่ปล่อยองค์กรโกสต์ซิตี้ไปง่ายๆแน่ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ว่าไม่ทำอะไรเลย เพียงแต่ว่า เรื่องราวจบลงแล้วจริงๆ ฉันคิดว่า ช่วงเวลาที่หลินหว่านยังมีชีวิตอยู่นั้น คงมีลางสังหรณ์ไม่ดีอยู่ตลอด เธออาจจะเดาได้แต่แรกว่าตัวเองอาจจะตาย ดังนั้นจึงส่งข่าวให้โม่เยี่ยนเอาไว้ก่อนแล้ว ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาคุยกันอย่างไรบ้าง แต่ VG กรุปกับ ประเทศ Z ไม่ได้สืบสวนการตายของหลินหว่าน หลังจากนั้น VG กรุป กับองค์กรโกสต์ซิตี้ก็ไม่มีการติดต่อใดๆกันอีก ซ่างกวนหงพูด องค์กรโกสต์ซิตี้แข็งแกร่งมาก แต่เวลานั้น ถ้าหากว่า VG กรุปกับ ประเทศ Z ทุ่มกำลังทั้งหมดจัดการกับองค์กรโกสต์ซิตี้ จากสภาพของเขาในตอนนั้น ยังไม่แน่ว่าจะรับมือได้ทั้งหมด ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือพ่ายแพ้บอบช้ำกันทั้งสองฝ่าย ดังนั้นแล้ว จากมุมนี้ ซ่างกวนหงยิ่งซาบซึ้งใจหลินหว่านขึ้นไปอีก
เรื่องที่ซ่างกวนหงสนใจมีน้อยมาก ถังฉิ้นเอ๋อในตอนนั้น มู่เฉิงกับเวินลั่วฉิงในปัจจุบัน ยังมีถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ มากสุดก็เพิ่มผู้ดูแลจ้งไปอีกคน นอกจากคนเหล่านี้ ก็แทบไม่มีใครแล้ว และสิ่งเดียวที่ซ่างกวนหงสนใจ ก็เหลือแค่องค์กรโกสต์ซิตี้ สำหรับหลินหว่านที่ตบตาปกป้ององค์กรโกสต์ซิตี้ นอกจากความซาบซึ้งใจ ที่มากกว่าก็คือความละอาย และความละอายใจนี้ เมื่ออยู่ในยามที่ความรู้สึกเขาผ่อนคลายลงก็เปลี่ยนเป็นมากมายยิ่งขึ้น
มู่เฉิงเศร้าโศกยิ่ง ระหว่างซ่างกวนหงกับหลินหว่าน ไม่มีความรัก หรือ ความรู้สึกที่ซ่างกวนหงมีต่อหลินหว่าน ถึงตอนนี้ก็พูดได้ว่าไม่มีความรู้สึกใดๆ แต่การมีอยู่ของเรื่องราวเหล่านั้น ไม่อาจมองข้ามได้ ความละอายใจที่ซ่างกวนหงมีต่อหลินหว่าน จะไม่สูญสลายไปตลอดกาล ความซาบซึ้งก่อนหน้านี้อาจค่อยๆจางหายไปได้ แต่ความละอายเป็นดั่งเงาตามตัว ยิ่งไปกว่านั้น…ถ้าเป็นความละอายใจต่อคนตายคนหนึ่งล่ะ? คนคนนี้จะไม่มีโอกาสขจัดความละอายใจนี้ได้ตลอดไป เป็นไปได้ว่า ยามปกติซ่างกวนหงเย็นชา ไม่คิดถึงหลินหว่าน แต่ตอนที่คิดถึงนั้น ความรู้สึกทั้งหมดจะกรูกันขึ้นมา เธอปกป้องซ่างกวนหงไปหนึ่งครั้ง ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ปกป้ององค์กรโกสต์ซิตี้ไปหนึ่งครั้ง ความรู้สึกนี้จะไม่มีทางวางลงได้
ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่รับฟังอย่างเงียบเชียบ เคยได้ยินประโยคหนึ่ง คนเป็นยากจะเอาชนะคนตาย แต่ก็เหมือนกัน คนที่ตายไปแล้ว ถ้าหากถูกจดจำได้ ก็จะไม่สามารถลืมเลือนได้โดยง่าย หลินหว่านคิดอย่างไรกับซ่างกวนหง พวกเขาไม่เข้าใจ แต่พวกเขามั่นใจได้เล็กน้อย ซ่างกวนหงไม่ได้มีความรักต่อหลินหว่าน ตอนที่เขาพูดถึงหลินหว่าน สีหน้าเรียบเฉยอยู่ตลอด ที่มากกว่าคือความละอายกับความเสียใจที่ไม่อาจชดเชยได้
แล้ว…ทำไมถึงเกี่ยวข้องกับเครื่องประดับชุดนี้เหรอคะ? ถังจื่อซีเดิมทีดีใจมาก ตอนที่รู้เรื่องนี้ ก็รู้สึกว่าเครื่องประดับที่อยู่บนตัวเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งขึ้นมาเป็นพิเศษ ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง
เพราะว่าเครื่องประดับชุดนี้ เป็นสิ่งที่ภรรยาของผู้นำตระกูลโม่ผู้คุมอำนาจ VG กรุปเคยออกแบบไว้ ตอนนั้นเคยจัดนิทรรศการไปครั้งหนึ่ง ราคาเกินสิบล้าน คนที่กล้าแตะต้องเครื่องประดับชุดนี้ มีเพียงคนตระกูลโม่เท่านั้น ซ่างกวนหงพูดอย่างมั่นใจ ตอนนี้คนจำนวนมากต่างรู้ว่าประธาน VG กรุปคือหลินจื่อ มีน้องสาวชื่อหลินเนี่ยน แต่ที่เหมือนกันก็คือ คนที่มีฐานะมากพอต่างก็รู้กันดี ชื่อนี้เป็นเพียงชื่อเรียกภายนอกของพวกเขาเท่านั้น ชื่อที่แท้จริงคือโม่จื่อ โม่เนี่ยน ส่วนหลินฉือ ก็น่าจะเป็นโม่ฉือ โม่จื่อกับโม่เนี่ยนเป็นลูกของโม่เฉินพี่ชายของโม่เยี่ยน โม่ฉือ น่าจะเป็นลูกของโม่เยี่ยน ซึ่งก็คือลูกสาวของหลินหว่าน
ถังจื่อซีที่ตอนนี้ใส่เครื่องประดับชุดนี้ จะสวมใส่ไว้ก็ไม่ถูก จะรับไว้ก็ไม่ได้ รู้สึกหนักหนานัก ซ่างกวนหงพูดปลอบ จื่อซีไม่ต้องกังวลใจ หลินฉือต้องไม่รู้ฐานะของเธอแน่ๆ เขามอบให้เธอ ก็เพียงเพราะชอบเธอเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นหลินฉือหรือว่าโม่ฉือก็น้อยนักที่จะได้ยินถึง แม้แต่ในตระกูลโม่ ก็ราวกับไม่มีคนผู้นี้ เขาเคยคิดว่าโม่เยี่ยนกับลูกสาวของเขาได้ออกจากตระกูลโม่ไปแล้ว ตอนนี้ดูแล้ว พวกเขาเพียงปกปิดตัวเองไว้โดยสมบูรณ์เท่านั้น แต่โม่ฉืออยู่ที่ตระกูลโม่ เกรงว่าจะได้รับความชื่นชอบเป็นอย่างมาก เพียงออกมือก็เป็นเครื่องประดับดอกทานตะวันชุดนี้แล้ว
แต่ ฉันกลัว ถ้าพี่สาวรู้ความสัมพันธ์ของฉันกับปู่…แล้วจะไม่ชอบจื่อซี ถังจื่อซีไม่ได้กังวลเลยว่าเครื่องประดับชุดนี้จะถูกเอากลับไป เธอแค่รู้สึกว่า ถ้าหากหลินฉือเป็นลูกสาวของหลินหว่านจริงๆ เกรงว่าจะมีความแค้นเคืองต่อซ่างกวนหง แล้วจะไม่ชอบเธอ
ซ่างกวนหงถอนหายใจ เรื่องบุญคุณความแค้นเฉกเช่นนี้ ไม่มีวันสะสางให้เอี่ยมอ่องได้ ระหว่างเขากับหลินหว่านก็เป็นเช่นนี้ ตอนนั้นเขามอบความอบอุ่นเล็กน้อยที่แม้แต่เขายังไม่รู้ให้กับหลินหว่าน ทำให้หลินหว่านตอบแทนเขาด้วยชีวิต เป็นเขาที่ติดค้างหลินหว่านหรือ? ไม่รู้ ไม่มีใครรู้ว่าความอบอุ่นในวันนั้นมีความหมายลึกซึ้งใดต่อหลินหว่าน เขารู้เพียงว่า ความละอายใจที่สุดของเขาก็คือไม่ได้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้ เรื่องราวนมนานในอดีตสืบเจาะลึกลงไป อารมณ์ความรู้สึกของเขาในตอนนี้กับในอดีต ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
มู่เฉิงนิ่งเงียบไม่พูดจา เรื่องราวมากมาย ไม่ได้ประสบพบเจอด้วยตัวเอง ก็ไม่มีสิทธิจะพูด ก็เหมือนกับตอนนี้ เขาไม่รู้ว่าควรให้ความเห็นเรื่องในอดีตนี้อย่างไร ระหว่างทั้งสอง ไม่มีความรัก ถึงขั้นว่าไม่มีความผูกพันธ์ มิตรภาพหรือ? ก็อาจจะไม่มี แต่ก็มีความพัวพันกันเช่นนี้ไปแล้ว
ความรู้สึกในอดีตของซ่างกวนหงกับหลินหว่าน มู่เฉิงไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร สำหรับซ่างกวนหงแล้ว หลินหว่านเคยเป็นเพียงคนที่รู้ความ เฉลียวฉลาดคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ตอแยให้เขาโมโห จนถึงตอนนี้ก็ใช่ อย่างเดียวที่เพิ่มขึ้นมา คือบุญคุณที่ช่วยชีวิตกับความละอายใจ สำหรับหลินหว่าน ถ้าไม่มีความช่วยเหลือครั้งหนึ่งในตอนเด็ก สำหรับเธอแล้วซ่างกวนหงเกรงว่าคงไม่มีความสำคัญเท่าไรนัก เพื่อนเล่น? กระทั่งว่า…เป็นแค่เจ้าของบ้านที่อาศัยเท่านั้น หรือไม่ก็เป็นนายจ้างของสถานที่ที่ช้าเร็วเธอก็ต้องจากไปหรือได้จากไปแล้วอยู่ดี ไม่อาจขัดขวางเรื่องราวใดๆของเธอ แล้วต่อมาล่ะ? หลินหว่านคิดอย่างไรถึงได้ช่วยซ่างกวนหง? มู่เฉิงไม่อาจไปเสาะถามได้แล้ว แต่เขารู้สึกว่า ไม่ใช่ความรัก ไม่มีใครทนได้หรอก คนที่รักอยู่ใกล้ตนขนาดนั้น แต่กลับไม่คิดอยากไปหาสักนิด กระทั่งว่าหลังจากช่วยซ่างกวนหงแล้ว ก็ไม่มีมีความตั้งใจที่จะเข้าใกล้ ใกล้ชิดเขา ในตอนที่ความรักกับคุณธรรมยืนอยู่สองด้าน คุณอาจจะเลือกคุณธรรมไปแล้ว แต่ว่าความรักน่ะ…ไม่อาจเก็บซ่อนได้หรอก จากข้อนี้แล้ว มู่เฉิงจึงมั่นใจแน่นอนว่า หลินหว่านไม่ได้รักซ่างกวนหง