ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1645 การยอมถอยของคุณชายสามเย่
เวินลั่วฉิงพูด ถังไป๋เชียนไม่มีการเคลื่อนไหวมาโดยตลอด ฉันรู้สึกไม่สบายใจ มักรู้สึกเหมือนถูกคนจ้องมองอยู่ตลอดเวลา
เย่ซือเฉินเข้าใจความรู้สึกเช่นนี้ เขาจูบปลอบเวินลั่วฉิง เขาไม่มีทางให้ถังไป๋เชียนได้มีโอกาสทำร้ายเวินลั่ว ฉิงอีกแน่
เวินลั่วฉิงเชื่อเย่ซือเฉิน เหมือนกับที่เชื่อตัวเอง
ใช่แล้ว จื่อซีกับจื่อโม่ พวกเขาอยู่ที่องค์กรโกสต์ซิตี้ของหัวหน้าที่นั่น เวิ่นลั่วฉิงพูดขึ้นอย่างกะทันหัน เย่ซือเฉินในฐานะที่เป็นพ่อของถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ เขามีสิทธิที่จะรู้ว่าพวกเขาอยู่ไหน อีกอย่าง ที่องค์กรโกสต์ซิตี้ก็ค่อนข้างจะพิเศษ ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยคิดถึงสิ่งเหล่านี้ ตอนนี้รู้แล้ว ก็พูดกับเย่ซือเฉินไว้ล่วงหน้าสักหน่อย หากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จะได้ไม่ถึงกับไม่รู้อะไรเลย
เย่ซือเฉินพยักหน้า เวินลั่วฉิงเห็นเขาไม่มีปฏิกิริยามากนัก จึงพูดต่อว่า ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่รู้จักกับมู่เฉิงหัวหน้าน้อยแห่งโกสต์ซิตี้แล้ว เรียกเขาว่าคุณลุง ส่วนหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้ พวกเขาเรียกว่าคุณปู่ ดูแล้วความสัมพันธ์สนิทสนมกันมาก
เย่ซือเฉินยังคงพยักหน้า เวินลั่วฉีแปลกใจ คนคนนี้ ทำไมถึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย? เย็นชาขนาดนี้เชียวหรือ?
อันที่จริงเย่ซือเฉินไม่ได้คิดจะเกี่ยวข้องกับองค์กรโกสต์ซิตี้สักเท่าไหร่ เรื่องก่อนหน้านี้ก็นับว่าจบไปแล้ว ตอนนี้ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับองค์กรโกสต์ซิตี้ เขาจำเป็นต้องไปเยี่ยมเยียนสักหน่อยแล้ว
เย่ซือเฉิงมองแววตากังวลของเวินลั่วฉิง กดจูบที่มุมปากของเธอ ไม่ต้องกังวล จื่อซีกับจื่อโม่ปกป้องตัวเองได้ แต่ฉันคิดว่าอีกสองวันจะไปเยี่ยมเยียนหัวหน้าองค์กรโกสต์ซิตี้สักหน่อย ฟังเธอพูดแล้ว พวกเขาทั้งสองคงไม่ตัดขาดการติดต่อกับองค์กรโกสต์ซิตี้ง่ายๆ ฉันก็ไม่อยากบังคับจื่อซีกับจื่อโม่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมไม่ช่วยพวกเขาดูแลเรื่องอื่นๆให้ดีล่ะ? เย่ซือเฉินเชื่อมั่นในตัวถังจื่อโม่มาก เฝ้ารอเขามีอนาคตที่สดใส ไม่คิดให้ถังจื่อโม่ถูกเขาปกป้องอยู่ใต้อาณัติเขาไปตลอด ยิ่งอยากให้เขามีท้องฟ้าที่กว้างขวางยิ่งกว่า ดังนั้น ไม่ว่าคนที่จื่อโม่คบหาจะเป็นใคร ขอเพียงถังจื่อโม่ยอมรับ เขาก็เต็มใจจะช่วยเหลือ ยินดีเป็นผู้สนับสนุนอยู่ข้างหลังอย่างแข็งแกร่งให้เขา
ดวงตาเวินลั่วฉิงวูบวาบ เธอไม่ได้คิดมากมายขนาดนี้ ในใจเธอมีการต่อต้านองค์กรโกสต์ซิตี้อย่างอธิบายไม่ถูก ตอนที่ตัดสินใจจะรับถังจื่อซีกับถังจื่อโม่กลับมา ก็มีความแข็งกร้าวอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่า…เย่ซือเฉินจะยอมไปเยี่ยมเยียนองค์กรโกสต์ซิตี้เพื่อถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ เวินลั่วฉิงรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ชายคนนี้ พึ่งพาได้จริงๆ สามารถพึ่งพาเขา อยู่ข้างกายเขา ตนแอบอู้ได้ โดยไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น
อย่างนั้น วันมะรืนเราไปด้วยกัน ถ้าเย่ซือเฉินสามารถเดินก้าวแรกได้ เวินลั่วฉิงก็ต้องไปเป็นเพื่อนเขา อย่าว่าแต่องค์กรโกสต์ซิตี้ ต่อให้เปฌนที่ที่ไม่เคยไปเหยียบมาก่อน เวินลั่วฉิงก็ยินดีไปด้วย
ได้ เย่ซือเฉินพยักหน้า เวินลั่วฉิงมองใบหน้าสงบเงียบของเขา ยื่นมือออกไปลูบแก้มเขาอย่างอดไม่ได้ เธอไม่เคยคิดมาก่อน ระหว่างเธอกับเย่ซือเฉินจะมีวันที่จิตใจสอดประสานกันถึงเพียงนี้ เย่ซือเฉินให้ความน่าเชื่อถือกับเธอมากพอ ถึงขั้นยอมเปลี่ยนแปลงการใช้อำนาจบาตรใหญ่ที่เคยไม่สนใจทุกอย่างเพื่อเธอ ยอมให้เธอ ให้ลูก ทำเรื่องที่ในอดีตไม่เคยทำมาก่อน
ชายคนหนึ่ง ค้ำฟ้าทั้งผืนเพื่อลูกเมีย เวินลั่วฉิงรู้มาโดยตลอดว่าเย่ซือเฉินทำได้ แต่การสามารถงอหลังได้ชั่วคราว เป็นสิ่งที่เวินลั่วฉิงไม่เคยคิดมาก่อน และเป็นสิ่งที่เย่ซือเฉินก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำเช่นกัน เพียงแต่…เมื่อยอมรับแล้ว ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ยากเย็นขนาดนั้น เขาเพียงคิดว่า นี่คือการถอยให้ ไม่ใช่การประนีประนอม เขาจะไม่ทำให้ชีวิตของถังจื่อซีกับถังจื่อโม่เกิดเงาดำขึ้นเพราะเขา
เวินลั่วฉิงบอกเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้กับเย่ซือเฉินแล้ว เธอบอกคำพูดของมู่เฉิงไปด้วยเช่นกัน เย่ซือเฉินฟังอย่างเงียบสงบ เขาไปยืนพิจารณาในมุมของถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ทีละนิดๆ เขารู้สึกได้ว่า ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ชอบซ่างกวนหงกับมู่เฉิงมากจริงๆ ความชื่นชอบนี้ เหมือนดั่งครอบครัว แฝงไปด้วยการพึ่งพาอาศัย และเวินลั่วฉิงก็เข้าใจอย่างชัดเจน ภายในใจของเย่ซือเฉินตัดสินใจอย่างแน่วแน่ยิ่งขึ้น จะต้องทำให้ซ่างกวนหงยอมรับตนเองให้ได้ ทำให้ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ แล้วก็เวินลั่วฉิงไม่ต้องพะว้าพะวังกับการคบหากับคนขององค์กรโกสต์ซิตี้
เย่ซือเฉิงคิดจนเข้าใจ ความรู้สึก เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ไม่อาจตัดใจได้ง่ายๆ ความรู้สึกของลูกๆ ไม่มีดีชั่ว มีเพียงความชอบอันบริสุทธิ์ ไม่ควรเปลี่ยนไปเพราะความขัดแย้งระหว่างผู้ใหญ่ ถังจื่อซีกับถังจื่อโม่ยังเด็ก เขาไม่อยากให้พวกเขาต้องเปลี่ยนไปเพราะมีสาเหตุมาจากตน
เธอว่า ฉันเอาของขวัญอะไรไปดี? เย่ซือเฉินพูด ดูเหมือนจะพูดเองคนเดียวเสียมากกว่า ฐานะของหัวหน้าและหัวหน้าน้อยองค์กรโกสต์ซิตี้ พวกเขาไม่ขาดอะไรทั้งนั้น แล้วอะไรจะทำให้พวกเขาประทับใจได้ล่ะ?
เวินลั่วฉิงรู้ว่าเย่ซือเฉินตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองแล้ว จึงไม่รบกวนเขา ครุ่นคิดเหมือนกันว่าจะมอบอะไรดี อะไรพิเศษ? เวิลลั่วฉิงรู้ดีอยู่ในใจ ถ้าหากซ่างกวนหงกับมู่เฉิงชอบถังจื่อซีกับถังจื่อโม่จริงๆ เช่นนั้นพวกเขาจะมอบอะไร ก็ล้วนเป็นการเสริมสิ่งดีงามให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เพียงแต่อยากจะมอบของที่พิเศษสักหน่อย
อ้อ? มีแล้ว! เวินลั่วฉิงคิดถึงของขวัญชิ้นหนึ่ง ไม่นับว่าเป็นของล้ำค่าสูงส่ง แต่ชนะตรงที่หายาก สามารถลองดูได้
เช้าวันที่สอง เวินลั่วฉิงถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์ เมื่อคืนคิดไว้แล้วว่าจะมอบของขวัญอะไร เย่ซือเฉินกับเวินลั่วฉิงมีเรื่องในใจลดน้อยไปเรื่องหนึ่งเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย ไม่มีสิ่งกวนใจ ดังนั้นเวินลั่วฉิงจึงตื่นสาย ได้ยินเสียงโทรศัพท์อารมณ์จึงไม่ดีนัก หยิบมาดูเห็นว่าเป็นหลิวหยิง
หัวใจเวินลั่วฉิงกระตุกขึ้นมาในพริบตา ปกติหลิวหยิงไม่โทรหาเธอตอนเช้าๆ หรือจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น? เธอรีบรับโทรศัพท์ เสียงนุ่มนวลของหลิวหยิงดังขึ้นมา ฉิงฉิง วันนี้มีเวลาไหม? ไปรับแม่เป็นเพื่อนฉันหน่อยได้หรือเปล่า?
เวินลั่วฉิงคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ เธอคาดเดา หลิวหยิงคงไม่อยากให้แม่ของเธอกังวลใจ ดังนั้นจึงตอบกลับไปว่าได้
เครื่องบินตอนบ่ายสองโมง อีกเดี๋ยวฉันไปรับเธอแล้วไปด้วยกัน หลิวหยิงพูดต่อ เวินลั่วฉิงนิ่งอึ้ง อีกเดี๋ยว? ตอนนี้ไม่ใช่ว่าเป็นเช้าตรู่หรอกหรือ มองดูเวลาแวบหนึ่ง สิบเอ็ดโมงแล้ว!
เวินลั่วฉิงมองดูอีกครั้งอย่างไม่อยากจะเชื่อ จนมั่นใจว่าสิบเอ็ดโมงกว่าแล้ว มิน่าหลิวหยิงถึงได้โทรมา เวลานี้ ปกติตนตื่นนานแล้ว! เวินลั่วฉิงลอบด่าเย่ซือเฉินในใจ ไม่ควบคุมเลยสักนิด แต่ว่าตัวเองก็ไม่เคยได้สบายใจอย่างนี้มาก่อน ไม่คิดอะไรทั้งนั้นนอนจนถึงป่านนี้ ลุกขึ้นมาก็ไม่มีความตึงเครียดมากมาย เปลี่ยนไปแล้วจริงหรือ? อยู่ข้างกายเย่ซือเฉิน รู้สึกว่าเขาสามารถปกป้องตนได้ ดังนั้นจึงได้ประมาทไปมาก?
จากเรียบง่ายสู่ฟุ้งเฟ้อนั้นง่ายดาย จากฟุ้งเฟ้อสู่มัธยัสถ์นั้นแสนยาก นำไปใช้กับเรื่องอื่นๆได้เหมือนกัน คุ้นเคยกับความปลอดภัย ใช้ชีวิตตามลมตามน้ำ มีความล้มเหลวเล็กน้อยก็รู้สึกร้ายแรง ความรู้สึกที่เคยชินกับการถูกปกป้อง เมื่อตนต้องกังวลใจอยู่ทุกเวลาอีกครั้ง ก็รู้สึกยากลำบาก เวินลั่วฉิงยังไม่ถึงขั้นนี้ แต่ในใจลอบด่าตัวเองไปแล้ว ทำไมถึงไม่มีไหวพริบเลยสักนิด?
แต่เวินลั่วฉิงก็ไม่ได้ยุ่งอยู่กับปัญหานี้ เธอพูดกับหลิวหยิง ได้ อีกเดี๋ยวเจอกัน
หลิวหยิงตอบรับหนึ่งคำ ก็วางสาย เวินลั่วฉิงลุกขึ้นจัดการตัวเอง กินข้าวกลางวันเสร็จพักผ่อนครู่หนึ่ง หลิวหยิงก็มาแล้ว
ตอนที่เวินลั่วฉิงเห็นหลิวหยิง รู้สึกเหมือนเธอจะซีดเซียวยิ่งขึ้น วันนี้หลิวหยิงแต่งหน้าประณีตมาก ปกปิดความอ่อนเพลียและความเหน็ดเหนื่อยทั้งหมดบนใบหน้า มองไกลๆก็ดูสวยมาก พอมองใกล้ๆถึงพบว่าสายตาไม่สดใสเหมือนแต่ก่อนอย่างชัดเจน ตอนนี้มีเพียงความเย็นชา เวินลั่วฉิงประหลาดใจเล็กน้อย หลิวหยิงในตอนนี้ เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเลย เธอใจเย็นและไร้อารมณ์ แต่ตอนที่มองเห็นตนนั้น ยังคงยิ้มอยู่เล็กน้อย เวินลั่วฉิงจึงรู้ว่า หลิวหยิงก็ยังเป็นหลิวหยิง เพียงแต่ถูกเรื่องซือถูมู่หรงก่อกวนใจ ไม่อาจปล่อยวางได้
ระหว่างซือถูมู่หรงกับหลิวหยิง เวินลั่วฉิงตัดสินใจไม่เข้าไปแทรกแซง ความรู้สึกเหมือนดื่มน้ำ จะเย็นหรืออุ่นตัวเองรู้ดี ไม่ควรพูดกับคนนอก หลิวหยิงไม่พูด เธอก็ไม่ถาม เพียงเสนอความช่วยเหลือตอนหลิวหยิงต้องการความช่วยเหลือเท่านั้น
หลิวหยิงไว้ใจเวินลั่วฉิง ตอนเห็นเวินลั่วฉิงก็พรูลมหายใจเฮือกหนึ่ง วันนี้เธอไปรับแม่ กังวลว่าจะถูกเธอดูออก จึงอยากพาเวินลั่วฉิงไปด้วย ไม่ให้แม่ต้องกังวลใจมากนัก เวินลั่วฉิงก็คงเดาได้แล้ว เธอพูดยิ้มๆกับหลิวหยิง ไม่เป็นไร คุณป้ามาแล้วก็พักอยู่ที่นั่น ต้องการความช่วยเหลือก็บอกได้เลย
หลิวหยิงพยักหน้า ฉันกลัวว่าแม่ของฉันจะกังวลจนเกินไป มีเธออยู่ อย่างน้อยแม่จะได้สบายใจ แล้วก็ เรื่องซือถูมู่หรง อย่าพูดมันขึ้นมาต่อหน้าแม่ฉันนะ ฉันกลัวว่าแม่ฉันจะคิดมาก
เวินลั่วฉิงพยักหน้า เธอรู้ เรื่องของซือถูมู่หรงมีเพียงอีกฝ่ายเท่านั้นที่จะคิดได้ ใครก็ไม่อาจช่วยเธอได้ จึงไม่ได้พูดโน้มน้าวอีก หวังเพียงว่าหลังจากที่แม่ของหลิวหยิงมาแล้วหลิวหยิงจะดีขึ้น
ตอนที่มาถึงสนามบินก็ร้อนพอดี เวินลั่วฉิงกับหลิวหยิงรออยู่ที่ร้านสตาร์บัคส์ข้างๆ เวินลั่วฉิงตั้งใจจะถามเธอว่าอาศัยอยู่ที่นั่นคุ้นชินหรือไม่ กลับพบว่าหลิวหยิงจ้องโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จึงไม่ได้รบกวนเธอ