ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1703 หลินจื่อปรากฏตัว
น่าเสียดาย มู่เฉิงไม่ได้เจอหลินจื่อตามที่หวัง ในตอนที่เขาคิดอยากจะตามหาคนคนนี้เขาพึ่งค้นพบว่า เขาไม่มีเบาะแสของหลินจื่อเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าจะให้คนขององค์กรโกสต์ซิตี้ไปตามหา ก็ไม่มีข่าวคราว หลินจื่อเหมือนหายตัวไปเลย มู่เฉิงไม่ตายใจ ให้ถังจื่อซีถามตำแหน่งที่ตั้งของหลินจื่อ หลินจื่อไม่ได้บอกตรงๆ แค่บอกว่ายังอยู่ในเมืองนี้ มู่เฉิงให้คนตามหาต่อ ก็ยังไม่มีข่าวคราว
มู่เฉิงรู้สึกสงสัยฐานะตัวตนของหลินจื่อเล็กน้อย ต้องมีความพิเศษถึงได้ไม่มีข่าวคราวอะไรเลย อีกอย่าง มู่เฉิงส่งคนไปเฝ้าดูที่ ‘เยว่เตอะซิงซิง’ ก็ไม่มีข่าวอะไรเลย หลินจื่อคนนี้ เหมือนว่าไม่เคยออกมาก่อน
มู่เฉิงยิ่งรู้สึกสนใจยิ่งขึ้น หลินจื่อโม่ฉือตระกูลโม่ดูเหมือนว่า ต้องเก็บมาใส่ใจแล้วจริงๆ มู่เฉิงรู้สึกว่า นานมากแล้วที่ตนเองไม่ได้พบเจอเรื่องราวที่น่าสนุกขนาดนี้ อีกอย่าง คนอย่างหลินจื่อ ก็ต้องน่าสนุกแน่ๆ
“ฉือเย่ฉาง” จัดขึ้นตามเวลาที่กำหนด เพราะว่าหลิวหยิงอารมณ์ไม่ดี เวินลั่วฉิงจึงอยากพาเธอออกไปผ่อนคลาย จึงพาหลิวหยิงไปร่วมงานด้วย
ทุกครั้งที่ “ฉือเย่ฉาง” จัดงานขึ้น ก็จะเกิดความครื้นเครง ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน งานในยามค่ำคืนพึ่งมาถึง แสงไฟสว่างเจิดจ้า คนในงาน “ฉือเย่ฉาง” มาได้พอประมาณแล้ว ไม่ได้มีการเชิญชวนเป็นพิเศษ คนที่อยากร่วมงานมีมากมาย ทว่าไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเข้าไปได้
เวินลั่วฉิงเข้าไปในฐานะของคนตระกูลถัง กับหลิวหยิง และถังจื่อซีพร้อมกัน เย่ซือเฉินพาถังจื่อโม่เข้าไปด้วยกัน มู่เฉิงตัวคนเดียว ที่นั่งในงานนั่งได้ตามอิสระ ทว่ามู่เฉิงมาถึงปุ้บก็นั่งไปที่ตำแหน่งตรงกลางของแถวสอง ไม่มีความเกรงใจใดๆ เย่ซือเฉินและเวินลั่วฉิงไม่ได้ใส่ใจ นั่งอยู่ด้วยกันคล้อยตามธรรมชาติ
คุณชายสี่จี้และเห้อถงถงก็มาแล้ว ในตอนที่เห้อถงถงเจอเวินลั่วฉิง ทันใดนั้นดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นทันที นานมากแล้วที่พวกเขาไม่ได้เจอกัน ครั้งนี้ได้เจอกับเวินลั่วฉิง ดีใจมากๆ จูงมือคุณชายสี่จี้เดินตรงไปทางเวินลั่วฉิงเลย
“ฉิงฉิง!” เห้อถงถงตะโกนเรียกอย่างดีใจ อยากจะรีบเดินไป ถูกคุณชายสี่จี้โอบเอว เดินไปอย่างช้าๆ เห้อถงถงเหลือกตาขาวใส่เขา นี่ยังต้องหึงอีกเหรอ?
เวินลั่วฉิงรู้สึกชินแล้วจึงไม่ได้แปลกใจ รอให้เห้อถงถงเดินมา พอมาถึงตรงหน้า เห้อถงถงพูดคุยกับเวินลั่วฉิง คุณชายสี่จี้ไปหาเย่ซือเฉิน คุยไปสองสามประโยค คุณชายสี่จี้ก็พาเห้อถงถงไปยังที่นั่งอื่น
ซือถูมู่หรงเองก็มาแล้ว ในตอนที่หลิวหยิงเห็นซือถูมู่หรง ก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันที กลัวว่าซือถูมู่หรงจะเดินมาทางเธอ เวินลั่วฉิงนั่งอยู่ข้างๆ หลิวหยิง จับมือของเธอ ให้เธอสบายใจ หลิวหยิงฝืนยิ้มไปทางเวินลั่วฉิง เธอตื่นเต้นมากที่ซือถูมู่หรงเดินไปทางเธอ แล้วรู้สึกว่าหากซือถูมู่หรงไม่เดินมา เธอจะผิดหวัง อารมณ์ที่ซับซ้อนนี้ ให้เธอรู้สึกผิด ทว่าเธอก็ยังหวังว่า ซือถูมู่หรงอย่าเดินมา เธอไม่อยากเกิดความขัดแย้งกับเขาต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้
ยังดีที่ ซือถูมู่หรงเดินมา ก็ไม่ได้นั่งข้างๆ หลิวหยิง ช่องระยะห่างที่ไกล นัยน์ตาหยุดอยู่บนตัวของหลิวหยิงเพียงแค่ครู่เดียว
หลิวหยิงค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลง ทว่าก็รู้สึกว่า มีเรื่องบางอย่างคาอยู่ที่ใจ ความเครียดที่พูดไม่ออก และมีความน้อยใจแฝงอยู่เล็กน้อย เวินลั่วฉิงนั่งอยู่ข้างๆ หลิวหยิงเก็บอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดไว้ภายในตา ครั้งนี้ ความรู้สึกที่หลิวหยิงให้กับเธอเปลี่ยนไปอีกแล้ว ก่อนหน้านี้มีความต่อต้านซือถูมู่หรงทั้งตัวและใจ ตอนนี้ หลิวหยิงไม่ได้มีความต่อต้านซือถูมู่หรงขนาดนั้นแล้ว อีกอย่าง มีความรู้สึกอ่อนๆ เหมือนว่าอยากจะเข้าใกล้ ทว่าก็ไม่กล้าเข้าใกล้ ความรู้สึกเหมือนกำลังลองใจ
เวินลั่วฉิงได้เห็นช่วงระยะเวลาที่หลิวหยิงและซือถูมู่หรงอยู่ด้วยกัน ห้าปี เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีความรู้สึก ระหว่างนั้นเวลาที่หลิวหยิงมีดีใจและมีความสุข ก็ใช่ว่าจะไม่มี หากไม่ใช่เพราะระหว่างทั้งสองผิดขั้นผิดตอนไป ก็คงจะไม่เดินมาถึงขั้นนี้ ทว่าไม่ว่าอย่างไร เวินลั่วฉิงรู้ ตนเองจะเคารพการตัดสินใจของหลิวหยิง และสนับสนุนการตัดสินใจของเธอ
งานประมูลเริ่มขึ้นเมื่อเวลาเก้านาฬิกา เมื่อเข้าใกล้เก้านาฬิกา ผู้คนนั่งเต็มแล้ว ทว่าคนของฉือเย่ฉาง ยังไม่ปรากฏตัวสักคน บรรยากาศมีความงุ่นง่านเล็กน้อย
เวินลั่วฉิงและเย่ซือเฉินยังคงรออยู่เหมือนเดิม ฉือเย่ฉางไม่มีทางผิดนัดแน่นอน รออย่างมีความอดทนก็พอแล้ว ทว่าสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคิดคือ เข้าใกล้เก้านาฬิกาแล้ว กลับยังมีคนมาอยู่ และคนคนนี้ ยังเป็นคนที่พวกเขานึกไม่ถึง——หลินจื่อ สวมชุดสีแดงยาว เหยียบรองเท้าส้นสูง ในตอนที่เดินเข้ามาเกิดความครื้นเครงขึ้นไม่น้อยเลย ใบหน้าที่ใหม่เอี่ยมทั้งหมด ทำให้คนที่อยู่ในนี้มีความสนใจและความสงสัยเพิ่มมากขึ้น
มู่เฉิงเห็นหลินจื่อเข้ามา ยักคิ้ว ย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลย (ตายไม่เจอ พอเลิกหาเลิกสนใจ กลับได้มาง่ายๆ) หากรู้ว่าวันนี้จะสามารถเจอหลินจื่อตั้งแต่แรก ก่อนหน้านี้เขาจะไปเสียเวลาตามหาเธอขนาดนั้นทำไม?
หลินจื่อเดินเข้ามากวาดสายตาไปรอบๆ เหมือนว่าตรงมุมข้างยังมีที่ว่าง ยกเท้ากำลังจะเดินไป มู่เฉิงโบกมือ ตะโกนเรียกหลินจื่อ “ทางนี้!” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเย่ซือเฉินหรือว่าเวินลั่วฉิง ทางนี้มีที่ว่างหลายที่มากที่ไม่มีคนนั่ง ดังนั้นมู่เฉิงจึงเรียกหลินจื่อไปอย่างไม่มีความกดดัน มู่เฉิงไม่เคยคิดมาก่อนเลยเหรอว่า ข้างๆ นี้ไม่มีคนนั่ง ก็มีสาเหตุส่วนหนึ่งเพราะเขา?
หลินจื่อเหลือกตาขาวใส่เขา พวกเขาสนิทกันมากเหรอ? ทว่าที่นั่งนั้นไม่เลวเลยจริงๆ ถือว่าเป็นตำแหน่งตรงกลางพอดี แต่ว่า เธอไม่ค่อยอยากนั่งข้างๆ มู่เฉิง ทว่ายิ่งไม่อยากนั่งตรงมุมข้าง ลังเลไปสักพัก หลินจื่อก็เดินไปทางมู่เฉิง ถือว่าเห็นแก่ถังจื่อซี ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับมู่เฉิง
คนรอบๆ ข้างต่างก็ตกใจกันไปหมด มู่เฉิง พวกเขารู้ หัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้ ลึกลับมาโดยตลอด ปรากฏตัวที่นี่ในวันนี้ ก็ทำให้ผู้คนตกใจอยู่แล้วแต่แรก ตอนนี้กลับเชิญผู้หญิงมานั่งข้างๆ เขา ผู้หญิงคนนี้มีฐานะตัวตนอะไร มีคนไม่น้อยแล้วที่ทำเรื่องบ้าๆ เพื่อสร้างความเกี่ยวข้องกับองค์กรโกสต์ซิตี้
เวินลั่วฉิงกุมหัว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน มู่เฉิงก็จะเป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้คนเหรอ? ถึงแม้ว่าจะไม่ดึงดูดผู้คน เขาก็ยังจะหาโอกาสเอง ให้แววตาของผู้คนอยู่บนตัวเขา นั่งอยู่ข้างๆ เขา ไม่สามารถเลี่ยงการถูกคนจับตาดูได้เลย น่ารำคาญจริงๆ เวินลั่วฉิงกวาดสายตาไปยังคนรอบๆ ข้างด้วยสายตาที่อ่อนโยน นัยน์ตาที่เร่าร้อนของพวกเขาได้จางหายไป
“คุณหลินแสนสวยครับ ผมขอเพิ่มวีแชทคุณหน่อยได้ไหมครับ?” มู่เฉิงพูดออกมาตรงๆ คนที่เงียบสงบในเมื่อกี้ ทันใดนั้นก็หันสายตามายังบนตัวของมู่เฉิงอีกครั้ง แม้กระทั่งหลินจื่อก็ถูกจับตามองไปด้วย มีทั้งอิจฉา ยิ่งไปกว่านั้นคือริษยา
หลินจื่อเผยรอยยิ้มออกไป ทำให้มู่เฉิงมีความมึนงง ทว่าคำพูดของหลินจื่อยังคงโหดร้ายเหมือนเดิม “ไม่ได้นะคะ”
มือที่จับโทรศัพท์ของมู่เฉิงแข็งทื่อไปสักพัก คนมากมายขนาดนั้น หลินจื่อกลับปฏิเสธตรงๆ แบบนี้เลย ไม่เหลือโอกาสให้โต้กลับเลย อย่างน้อยเขาก็เป็นหัวหน้าน้อยขององค์กรโกสต์ซิตี้ ไม่ขายหน้าเหรอ?
มู่เฉิงรู้สึกโมโหในใจ ทว่าพอคิดดู เขาและหลินจื่อไม่ได้สนิทกันจริงๆ จะไม่เพิ่มเพื่อนกันก็เป็นเรื่องปกติ อีกอย่างสถานการณ์แบบนี้ เป็นการบีบบังคับให้คนอื่นทำในสิ่งที่ไม่อยากทำจริงๆ หลินจื่อจะไม่ไว้หน้า ก็เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่ายังไงแล้ว ในสายตาของหลินจื่อ เขาก็น่าจะหน้าด้านจริงๆ
ตอนแรกหลินจื่ออยากจะเห็นมู่เฉิงระเบิดแตก ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่เป็นไรอยู่แล้ว คิดไม่ถึงว่ามู่เฉิงไม่ได้พูดอะไร สีหน้ากลับเงียบสงบเหมือนเดิม ไม่มีท่าทีจะโกรธ
หลินจื่อสามารถมองออกอย่างง่ายดายเลยว่า คนคนหนึ่งโมโหจริงๆ หรือว่าเงียบสงบ ถึงแม้ว่าจะโกรธอย่างเงียบๆ เธอก็สามารถมองออก มู่เฉิงในตอนนี้เงียบสงบ เฉยชา เหมือนว่าเมื่อกี้ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเลย มีความแปลก……เล็กน้อยจริงๆ หรือว่า เมื่อกี้ เขาแค่เล่นๆ?
หลินจื่อไม่ค่อยเข้าใจความหมายของมู่เฉิง ทว่า เขาไม่โกรธถือว่าดีแล้ว เดี๋ยวงานประมูลจะเริ่มขึ้นแล้ว ข้างๆ มีคนที่โกรธนั่งอยู่ ก็ส่งผลกระทบต่ออารมณ์จริงๆ
ถังจื่อซีเดินมาจากข้างๆ นั่งอยู่ข้างกายของหลินจื่อ พูดด้วยความอ้อน “พี่หลินจื่อคะ เราไม่เจอกันนานมากเลย”
หลินจื่อบีบหน้าของถังจื่อซี นุ่มและสบายมาก นี่คือการกระทำที่เขาทำก่อนหน้านี้โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่กลับชอบเข้าแล้ว
“ใช่แล้ว ฉันก็คิดถึงจื่อซีแล้วเหมือนกัน” หลินจื่อไม่ปกปิดความชอบของตนเอง มู่เฉิงที่อยู่ข้างๆ รู้สึกได้ถึงความแตกต่าง เบ้ปาก หลินจื่อคนนี้ๆ เหมือนว่าแค่แวบเดียวก็สามารถเข้าใจ ได้ทว่าในตอนที่อยากจะทำความรู้จักเพิ่มขึ้น คนคนนี้ กลับไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย
ก็เหมือนกับหนังสือเล่มหนึ่ง ในตอนที่เห็นรู้สึกบางมาก น่าจะอ่านจบในเร็วๆ นี้ ทว่าหลังจากที่เปิดอ่านแล้ว ปรากฏว่าตัวหนังสือข้างใน รู้จักทุกตัวเลย ทว่าพอเชื่อมกันแล้ว กลับเข้าใจยากมาก ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเลย ทำให้รู้สึกเครียดมากจริงๆ เกาหัวอย่างงุนงง ไม่เข้าใจจริงๆ คุณอยากจะเข้าใกล้เธอทำความรู้จักอยากละเอียดอ่อน เธออนุญาตให้คุณเข้าใกล้ ทว่าไม่ให้การอธิบายใดๆ กับคุณ คุณต้องค้นหาด้วยตนเอง ความรู้สึกที่ตีนถีบปากกัดนี้ ช่างไม่สบายใจจริงๆ
มู่เฉิงยังเคยเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อน เธอดื้อดึง อิสระ เขาเข้าใจดี คนแบบนี้ปกติแล้วจะมีความมั่นใจที่เพียงพอ ยังไงแล้วเขาก็เป็นเช่นกัน ไม่ได้รู้สึกอะไร ทว่า เธอสะอาด ใสซื่อ นี่คือสิ่งที่เขาสูญเสียไปนานมากแล้ว อีกอย่าง ตามหากลับมาไม่ได้อีกแล้ว