ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่ 1726 สองคน
เธอ… ถังจื่อโม่พูดถามอย่างกล้าหาญ มือของเด็กหญิงนุ่มมาก ฝ่ามืออุ่นร้อน ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแห่งนี้ ในกลางคืนที่หนาวเหน็บได้ให้ความอบอุ่นแก่ถังจื่อโม่
อย่าพูด เสียงของเด็กหญิงไม่ได้เย็นชาเหมือนเมื่อครู่ ตอนที่พูดเบาๆ มีความรู้สึกนุ่มนิ่มอยู่เล็กน้อย แผ่นหลังของเธอตรงแน่ว คล้ายกำลังระมัดระวังอะไรอยู่ ถังจื่อโม่ไม่พูดอะไรอีกอย่างเชื่อฟัง เขารู้ อยู่ที่นี่ คนที่เขาสามารถพึ่งพาได้เล็กน้อยชั่วคราว มีเพียงเด็กหญิงที่อยู่ข้างหน้าเท่านั้น
รอบๆมืดสนิท มีเพียงดวงดาวไม่กี่ดวงประดับอยู่บนท้องฟ้า พวกเขาเดินอยู่บนทางที่แคบมากเส้นทางหนึ่ง สองฝั่งคล้ายถูกอะไรกั้นไว้ ถังจื่อโม่มองไม่ชัด ความสนใจทั้งหมดอยู่ที่ทางเดินใต้เท้า รวมถึงร่างของเด็กหญิงที่อยู่ข้างหน้า
ทัศนวิสัยเปลี่ยนเป็นกว้างขึ้น มองเห็นแสงไฟได้รางๆ ผลักประตูเข้าไปแล้ว เด็กหญิงถึงผ่อนคลายลง
นายนั่งได้ตามสบาย พักสักหน่อย เด็กหญิงหยิบแส้บนตัวลงมา เสื้อผ้าที่อยู่บนตัวก็ถอดออกเช่นกัน ถังจื่อโม่อยากจะหันหน้าหลบเล็กน้อยตามจิตใต้สำนึก เสื้อผ้าของเด็กหญิงที่อยู่ข้างหน้าได้ปลดออกแล้ว โยนลงบนพื้นเสียงฟึ่บฟั่บๆ ถังจื่อโม่ถึงได้สังเกตเห็นว่า เด็กหญิงยังสวมกระโปรงตัวหนึ่งไว้ด้านใน ดูคล้ายชุดนอนอยู่เล็กน้อย
ถังจื่อโม่ไม่รู้สึกเขินอายอีกต่อไปสามารถมองเด็กสาวได้อย่างปกติ แสงไฟสาดใส่เด็กหญิงจนขาวสว่าง ราวกับเปล่งแสงได้ เด็กหญิงปล่อยผมออก แผ่กระจายอยู่ด้านหลัง ก่อนจะหมุนตัวมามองถังจื่อโม่
นายชื่ออะไร? มาวันนี้เหรอ? เด็กหญิงถาม สายตาของถังจื่อโม่กลับถูกดึงดูดไป เมื่อครู่ตึงเครียดเกินไป ทั้งยังหวาดกลัว ไม่ได้มองรูปร่างหน้าตาของเด็กหญิงชัดๆ ตอนนี้ดูแล้ว คิ้วตาราวกับวาด ยังมีความจ้ำม่ำของเด็กน้อยอยู่บ้าง ยังไม่โต ไม่รู้ว่าเป็นเพราะชุดสีดำหรือเปล่า ถึงได้ดูข่าวผ่องเป็นพิเศษ
นายมาวันนี้เหรอ? เด็กหญิงไม่ได้ยินคำตอบของถังจื่อโม่ ก็ขมวดคิ้วถาม ก่อนเดินมาข้างหน้าก้าวหนึ่งอย่างร้อนใจ
ฉันตื่นขึ้นมาก็อยู่ที่นี่แล้ว ถังจื่อโม่ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไร น่าจะมาถึงวันนี้แหละ
นายชื่ออะไร เด็กหญิงขมวดคิ้วอยู่ตลอด คล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ เธอจ้องมองถังจื่อโม่อย่างร้อนรุ่มกลุ้มใจ
ถังจื่อโม่
นายแซ่ถัง? นายไม่ได้แซ่โม่หรือ? เด็กหญิงมองถังจื่อโม่ ประกายสว่างนัยน์ตาจางหายไปเล็กน้อย
ถังจื่อโม่คิดเดา ชื่อนี้ หรือแซ่ อาจจะมีความหมายอะไรกับเธอเป็นพิเศษ แต่เขาไม่ได้เอ่ยถามไปตรงๆ เพียงพยักหน้าอย่างคล้อยตาม
เธอชื่ออะไร ถังจื่อโม่ถาม อยู่ที่นี่ อาลั่วพึ่งพาไม่ได้ จากการพูดคุยเมื่อครู่ เขาฟังออกว่าฐานะของเด็กหญิงไม่ต่ำต้อย ท่านยายของเธอ อาจจะเป็นคนที่มีฐานะสูงสุดบนเกาะแห่งนี้ ดังนั้น ถ้าหากเด็กหญิงคนนี้ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อเขา เขาก็จะพยายามรั้งอยู่ข้างกายเด็กหญิง
อะหลิง ชื่อของฉันคืออะหลิง เด็กหญิงก็ไม่ได้รู้สึกโกรธ มีความเป็นมิตรต่อถังจื่อโม่มาก
สิ่งนี้ทำให้ถังจื่อโม่รู้สึกสบายใจ
นายรู้จักคนตระกูลโม่ไหม? หรือแบบว่า มีตระกูลโม่อยู่จริงๆหรือเปล่า? อะหลิงมองเสื้อผ้าบนตัวถังจื่อโม่ มันเลอะเทอะสกปรก เธออยากหาเสื้อผ้าให้เขาสองสามตัว ก่อนคิดขึ้นได้ว่าที่นี่มีตัวเองอยู่คนเดียว ไม่มีเสื้อผ้าให้เขาเลย
ถังจื่อโม่มองอะหลิง เด็กหญิงดูเหมือนไม่ได้มีแผนการอะไรสักนิด ถามเรื่องราวเขาอย่างใสซื่อ ที่บังเอิญก็คือ เขารู้จักคนตระกูลโม่ พี่สาวหลินฉือ คือคนตระกูลโม่ บังเอิญขนาดนี้เลยหรือ? หรือเป็นเพราะว่า ความจริงเรื่องนี้ ไม่ได้พุ่งมาที่เขา แต่พุ่งเป้าไปที่ตระกูลโม่ แต่ว่าเขากับตระกูลโม่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันแม้แต่น้อย
ถังจื่อโม่สังเกตท่าทีของอะหลิง ตอนพูดถึงตระกูลโม่ มันแฝงไปด้วยความหวัง ถ้าหากเป็นไปได้ อะหลิงต้องหวังอย่างแน่นอนว่าคนที่อยู่ข้างหน้าตนคือคนตระกูลโม่ ดังนั้นถังจื่อโม่จึงเอ่ยปากช้าๆ ฉันไม่ใช่คนตระกูลโม่ แต่ฉันรู้จักคนตระกูลโม่ พี่สาวโม่ฉือ
อย่างนั้นก็ดี! อะหลิงคล้ายจะวางใจลงทันที เดินมาข้างกายถังจื่อโม่แล้วนั่งลง ที่นี่ไม่มีเสื้อผ้าให้นายใส่ พรุ่งนี้ฉันจะพานายไปซื้อเสื้อผ้า
ถังจื่อโม่เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าบนตัวเขาเละเทะไม่ไหว ตนเองในเวลานี้ดูย่ำแย่มาก แต่อะหลิงเหมือนไม่สังเกตเห็นทั้งสิ้น นั่งลงใกล้ๆตัวเอง ทั้งยังไม่จงใจเว้นระยะห่างด้วย
อาลั่วเขา… เนื่องจากการกระทำของอะหลิง ความไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อยนั่นของถังจื่อโม่จึงวางลงได้ คิดถึงอาลั่วเมื่อครู่นี้ขึ้นมา ก็รู้สึกว่าผิดปกติ
เมื่อครู่ที่นายเห็นก่อนที่ฉันจะไป ไม่ใช่อาลั่ว คืออาเฉา พี่ชายของอาลั่ว หลังจากที่ฉันไปแล้ว ที่ตื่นขึ้นมาถึงจะเป็นอาลั่ว เด็กหญิงกอดขา วางหัวลงบนเข่า เอียงหน้ามองถังจื่อโม่ อย่างที่คิดจริงๆ หน้าตาน่ามองมากๆ มิน่าถึงถูกอาลั่วจับจ้อง ถ้าหากว่าวันนี้ตนไม่ไปละก็ เกรงว่าตอนนี้จะเป็นศพหนึ่งศพแล้ว น่าเสียดายโดยแท้
อะไรนะ? ถังจื่อโม่รู้สึกว่าสมองไม่พอใช้ขึ้นมา อะไรที่เรียกว่า ก่อนหน้าคืออาเฉา ภายหลังคืออาลั่ว พวกเขาไม่ใช่ว่าควรเป็นคนเดียวกันหรือ? ต่อให้จิตวิญญาณแตกแยก นั่นก็เป็นคนคนหนึ่ง! ถังจื่อโม่รู้สึกถึงความหวาดกลัว เกาะซื่อหลี สรุปว่าคือสถานที่เช่นไรกันแน่ อะหลิงเป็นเด็กหญิงอายุไม่เกินห้าหกปี พูดเรื่องนี้ขึ้นมา เพียงรู้สึกบางเบาเป็นปกติ เช่นนั้นแล้ว เกาะซื่อหลีมีคนกับเรื่องประหลาดมากน้อยเพียงไรกันแน่? นั่นใช่เรื่องที่คนจะรับได้จริงๆหรือ?
อืม… อะหลิงในตอนนี้เพิ่งจะรู้สึกตัวขึ้นมา คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่ใช่คนของเกาะซื่อหลี เขาไม่รู้จักเกาะซื่อหลีแม้แต่น้อย เป็นไปได้ว่าไม่มีทางรับเรื่องราวบนเกาะซื่อหลีได้
นายอยากจะฟังไหม? ถ้าอยากฟังฉันจะเล่าให้นายฟัง แต่ตัวนายไม่แน่ว่าจะรับได้ อะหลิงพูดอย่างจริงจัง สายตาเธอมองไปที่ใบหน้าของถังจื่อโม่ตลอด ราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบประณีตงดงาม สัมผัสเพียงแผ่วเบา ก็จะแตกสลายอย่างไรอย่างนั้น
ถังจื่อโม่เตรียมใจพร้อมแล้ว เขาพยักหน้าแรงๆ
เรื่องราวของพวกเขาฉันก็ไม่ได้รู้ทั้งหมด แต่ว่านั่นไม่ใช่คนคนเดียวกันจริงๆ ตอนกลางวันคืออาลั่ว ตอนกลางคืนเป็นอาเฉา อะหลิงครุ่นคิด พยายามใช้คำพูดอธิบายอย่างสุดความสามารถ
แม้จะเป็นเช่นนี้ ถังจื่อโม่ก็รู้สึกยากจะเข้าใจอยู่ดี แต่เขาก็ไม่ได้ขัด ฟังเงียบๆ อะหลิงเห็นสีหน้าถังจื่อโม่ยังนับว่าปกติ จึงพูดเล่าต่อไป
ได้ยินมาว่า ตอนที่แม่ของพวกเขาตั้งครรภ์ เป็นเด็กฝาแฝด แต่ว่าคลอดยาก เด็กทั้งสองเกือบจะรักษาไว้ไม่รอด แม่ของพวกเขาไม่ยอมปล่อยคนใดคนหนึ่งไป จึงมาขอร้องท่านยาย ท่านยายก็เลยผูกชีวิตทั้งสองคนไว้ด้วยกัน กลางวันกับกลางคืน เป็นคนสองคน อะหลิงบอกสิ่งที่ตัวเองรู้ทั้งหมดกับถังจื่อโม่ ถังจื่อโม่มองอะหลิงอย่างอึ้งๆ อย่างที่คิดไม่มีผิด เป็นสิ่งที่ตนไม่อาจเข้าใจและรับได้ อีกอย่าง เขาฟังแล้วรู้สึกเพียงเหลือเชื่อเท่านั้น
อย่างนั้น เมื่อครู่ หลังจากที่เธอมาแล้ว เปลี่ยนอาเฉาให้เป็นอาลั่วเหรอ? ถังจื่อโม่ถามอย่างยากลำบาก ทั้งสองให้ความรู้สึกที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงกับเขา ดังนั้น เขายินยอมที่จะเชื่อเรื่องนี้ เพียงแต่คิดอย่างไรก็ประหลาด
ใช่ ตอนที่ฉันเพิ่งจะเข้าไป กระดิ่งบนตัวไม่ใช่ว่าดังขึ้นหรือ? เป็นเสียงกระดิ่งนี้แหละที่ควบคุมเขาไว้ จากนั้นความเจ็บปวดก็ทำให้เข้าตื่นขึ้นมา อะหลิงพูดอธิบาย พูดตามปกติ อาลั่วจะปรากฏเพียงตอนกลางวัน อาเฉาจะปรากฏแค่ตอนกลางคืน แต่ว่าความเจ็บปวดรวมกับการชักนำอย่างตั้งใจเล็กน้อย สามารถเปลี่ยนเขาได้
ถังจื่อโม่พยักหน้า เขารู้ ตนไม่อาจอาศัยอยู่ที่นี่ต่อไป นี่มันเป็นสถานที่ที่คนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิงแห่งหนึ่งโดยแท้ อยู่ต่อไปสำหรับเขามีแต่โทษไม่มีประโยชน์ เพียงแต่เขาไม่เข้าใจ อะหลิง ทำไมถึงปกป้องเขา
ทำไมเธอถึงช่วยฉัน? ถังจื่อโม่ถาม เขากลัวว่าตนหลบพ้นจากอาลั่วกับอาเฉาแล้ว จะตกไปอยู่ในมือคนอื่นอีก
เพราะว่านายสามารถช่วยฉันได้ อะหลิงพูดอย่างคลุมเครือ ดังนั้น นายจะต้องมีชีวิตอยู่ให้ดี ฉันสามารถปกป้องนายได้ มีเพียงนายมีชีวิตอยู่เท่านั้น เรื่องที่ฉันอยากทำถึงจะสำเร็จได้ อะหลิงพูดอย่างตั้งใจ ดวงตาจ้องมองถังจื่อโม่ไม่ขยับ ความแน่วแน่และความจริงใจนั่น ทำให้ถังจื่อโม่สีหน้าเปลี่ยนแปลงไป
เพียงเท่านี้เหรอ? ถังจื่อโม่ไม่เข้าใจ ตนเป็นเพียงคนนอกเกาะซื่อหลีคนหนึ่ง จะช่วยอะไรเธอได้ อีกอย่าง เขาไม่รู้จักเกาะซื่อหลีเลยสักนิด เรื่องราวที่นี่ พูดอย่างจริงใจเลยว่า เขาไม่มีทางรับได้ อย่างนั้นแล้ว เขาจะช่วยอะไรอะหลิงได้? หรือว่า อะหลิงเพียงแค่ทำให้เขาสบายใจเท่านั้น? แต่ว่าท่าทางของเธอ เห็นชัดว่าไม่ใช่แบบนี้ มันแฝงไปด้วยการเว้าวอน ยังมีความคาดหวังอีกด้วย
นายว่าไงล่ะ? อะหลิงถามกลับ ความเจ้าเล่ห์บนใบหน้าปรากฏขึ้นวูบหนึ่งก่อนหายไป ถังจื่อโม่รู้สึกว่าตนคล้ายจะยอมรับในสิ่งที่ได้เห็นได้ยินแล้ว เพราะเด็กหญิงคนนี้ปกป้องเขาไว้ เพราะเด็กหญิงคนนี้ปรากฏตัวในตอนที่เขาอ่อนแอที่สุด ดังนั้น ตนจึงประเมินเธอต่ำไป เห็นเธอเป็นเด็กหญิงเรียบง่ายอ่อนโยนคนหนึ่ง
จะเป็นไปได้อย่างไร? คนที่เมื่อครู่กล้าปรากฏตัวในเวลาอันตรายเช่นนั้น พาตนเองมาโดยไม่สนใจใดๆ จะเพียงแค่เรียบง่ายอบอุ่นได้อย่างไร?