ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่1043 ข่มเหงเศษเดน ตบหน้าฉาด เสพติด (1)
เพียงแต่ เมื่อเวินลั่วฉิงมาถึงด้านนอกโรงแรม กลับถูกคนขวางเอาไว้ เวินลั่วฉิงมองไปทางคนที่ขวางเธอ มุมปากก็ยิ้มขึ้นเล็กน้อย ดูแล้ววันนี้น่าจะมีคนสร้างเรื่องอะไรมากมาย พลางรอเธอมาอยู่
ผู้หญิงสองคนที่ขวางเธอเอาไว้ เธอไม่รู้จักทั้งสองคนนั้นเลย ทางเมืองจิ๋นนั้นเธอเองก็ไม่ได้รู้จักใครมากมาย
ในเมื่อเธอไม่รู้จักสองคนนี้ ถ้าอย่างนั้นความเป็นไปได้ที่ทั้งสองคนจะรู้จักเธอก็ไม่มากเหมือนกัน ถึงจะรู้จักแต่ก็น่าจะรู้จักจากข่าวลือต่างๆ มากกว่า
เวินลั่วฉิงรู้ ว่าหลังจากที่คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ทะเลาะกัน ถึงหลังจากนั้นจะเปิดโปงว่าคุณปู่เย่ไม่ได้บาดเจ็บจริงๆ แต่ว่าบนอินเทอร์เน็ตก็ยังมีความเห็นไม่ดีต่อเธอมาตลอด
แน่นอน ว่าเวินลั่วฉิงเองก็รู้ ว่าบนงานสังสรรค์มากมายนั้น เธอกลายเป็นขี้ปากชาวบ้านไปแล้ว โดยเฉพาะตอนที่คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่อยู่ในงานสังสรรค์ด้วย
แต่ว่า ที่นี่คือเมืองจิ๋น เป็นงานสร้างสรรค์ของเว้ยคัง คนที่ไม่รู้จักทั้งสองคนนี้จะกล้ามาขวางเธองั้นเหรอ?
จะบอกว่าไม่มีใครชี้นำมาก่อนหรือไง?
กลัวว่าจะไม่มีใครเชื่อ
เวินลั่วฉิงหยุดเดิน พลางมองไปที่หญิงสองคน หญิงสองคนนั้นเย่อหยิ่งจนเคยชิน น่าจะมีตัวตนในสังคมไทย จะพูดให้ถูกคือเบื้องหลังของครอบครัวของพวกเธอน่าจะมีตัวตนไม่น้อยเลย
ผู้หญิงทั้งสองคนเองก็ไม่เหมือนคนที่ไม่มีสมองเลย ดังนั้น พวกเธอน่าจะยินยอมที่จะถูกใช้ หรือบางทีอาจจะทำเพื่อใครบางคนก็ได้
เมื่อเป็นแบบนี้ คนที่ใช้พวกเธอน่าจะไม่ง่ายเลย
เวินลั่วฉิงแอบหัวเราะในใจ แต่ไม่ได้พูดอะไร
ฉู่หลิงเอ๋อมากับเวินลั่วฉิง ฉู่หลิงเอ๋อเห็นคนที่จะมาขวางเวินลั่วฉิง เลยอึ้งไปก่อน จากนั้นก็ยิ้มขึ้นมา
มีคนกล้ามาขวางฉิงฉิงอย่างไม่กลัวตายเลยงั้นเหรอ?อีกอย่างยังมาอยู่ในงานเลี้ยงของเว้ยคังอีกด้วย?
จะรนหาที่ตายก็รีบร้อนเกินไปนี่หน่า
แต่ฉู่หลิงเอ๋อชอบดูความสนุกสนานท้าทายมากที่สุด เรื่องแบบนี้ ฉิงฉิงของเธอหลับตาลงก็สามารถแก้ปัญหาได้แล้ว โดยที่เธอไม่ต้องลงมือเอง ดังนั้นเธอเลยมาดูความสนุกสนานก็พอ
ไป๋หยูหนิงที่ตามมาข้างหลังเลิกคิ้วขึ้น แต่ก็ไม่ได้ขึ้นมาทำอะไร ดูเป็นท่าทีที่รอดูความสนุกอย่างเห็นได้ชัด
คุณฟู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ไป๋หยูหนิงนั้นทำเหมือนไม่เห็นเรื่องอื่นๆ เลย เพราะในสายตาเขามีเพียงไป๋หยูหนิง
“คนนี้คือใครเหรอ หน้าตาแบบนี้ก็อย่าออกมาให้ใครตกใจสิ?คุณออกมาแบบนี้ เด็กคงตกใจจนร้องไห้ คนขี้ขลาดคงฝันร้ายเลยล่ะ” ผู้หญิงสองคนที่ขวางเวินลั่วฉิงเริ่ม ‘แสดง’ กับพวกเธอ
ทั้งสองคนเห็นคนที่มากับเวินลั่วฉิงกำลังดูความสนุกอยู่ บนใบหน้าก็มีความเสียดสีไม่น้อย ขนาดคนที่มากับเวินลั่วฉิงยังไม่ช่วยเวินลั่วฉิงเลย เพราะงั้นน่าจะมีคนอื่นมาช่วยเวินลั่วฉิง
ดังนั้น ถ้าต้องมาต่อกรกับหญิงที่โง่และน่าเกลียดแบบนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“ทำไม?คุณไม่รู้จักเธอเหรอ?เธอดังมากนะ คุณหนูใหญ่เวินของบริษัทเวินซื่อของกรุ้ปเมือง Aน่ะ มีชื่อมากเลยล่ะสิ” คุณเจ้าอธิบายด้วยรอยยิ้ม แต่ว่าคำพูดนั้นมีท่าทีเสียดสีอย่างเห็นได้ชัด
“คุณหนูใหญ่ตระกูลเวินงั้นเหรอ?เป็นใครกันนะ?โด่งดังมากเลยเหรอ?” คุณหลิวนั้นพูดต่ออย่างเข้ากัน คุณหลิวพูดด้วยเสียงที่สูงขึ้นอย่างชัดเจน
ตอนแรกเป็นเวลาที่แขกต้องรีบมา จากนั้นก็มีคนมากมายยืนคุยกันอย่างสนุกสนานด้านนอก แต่เพราะว่าเสียงของคุณหลิวนั้นดังมาก คุณหนูใหญ่กับเหล่าคุณนายมากมายเลยมาร่วมดูด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น
“พี่หลิง คุณไม่รู้จริงๆ เหรอ?คุณหนูใหญ่เวินที่โด่งดังอยู่บนอินเทอร์เน็ตก่อนหน้านั้นน่ะ ได้ยินว่าคุณหนูใหญ่เวินคนนี้ไม่รู้ว่าทำอย่างไรกับคุณชายสามเย่ แต่จากนั้นก็ถูกตระกูลเย่เปิดโปง ก็ถูกตระกูลเย่ออกมา แต่ว่าคุณเวินคนนี้ไม่สนใจเท่าไหร่อ้อมค้อม แถมยังอยู่กับคุณชายสามเย่อย่างไร้ยางอาย จนเกือบจะทำให้คุณปู่เย่กับคุณหญิงตระกูลเย่โกรธเจียนตาย” คุณเจ้าเองก็พูดเสียงดังขึ้นมา พลางอธิบายอย่างมากเกินความจริง และแน่นอน ว่าคุณเจ้านั้นพูดทุกอย่างที่ไม่เป็นผลดีกับเวินลั่วฉิง
สิ่งที่คุณเจ้าพูดนั้นน่าจะเป็นเรื่องที่คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ก่อเรื่องที่จะกระโดดตึก แต่เรื่องนี้เคลียร์ไปนานแล้ว คุณชายสามเย่เองก็แถลงต่อนักข่าวเอง ส่วนคุณเจ้าเองก็ตั้งใจที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก
ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือเมืองจิ๋น ไม่ใช่เมือง A ส่วนบริษัทเวินซื่อกรุ้ปนั้นก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่ในเมือง A แต่ว่าถ้าเป็นในระดับประเทศ บริษัทเวินซื่อกรุ้ปนั้นไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก ในสถานการณ์แบบนี้บริษัทเวินซื่อกรุ้ปยังไม่มีหนทางมากนัก ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้เย่ซือเฉินลงทุนไป เกรงว่าบริษัทเวินซื่อกรุ้ปคงจะต้องประกาศว่าล้มละลายไปนานแล้ว
ถึงแม้ว่าเรื่องของเวินลั่วฉิงจะแพร่ไปทั่วเมือง Aในตอนแรก แต่ว่าเมืองจิ๋นนั้นกลับไม่ได้รู้เรื่องนี้ลึกมาก เมื่อคุณเจ้าพูดแบบนี้ คนมากมายเลยเชื่อไปก่อน
“เธอแต่งงานกับใครเหรอ?คุณชายสามเย่งั้นเหรอ?ประธานของบริษัทตระกูลเย่กรุ้ปในเมือง Aอย่างคุณชายสามเย่หรือเปล่า?ผู้หญิงแบบนี้ได้มาแต่งงานกับคุณชายสามเย่งั้นเหรอ?ให้ตายเถอะ นี่มันไม่ใช่การดูถูกคุณชายสามเย่งั้นเหรอ?”
“ใครก็รู้ว่าใครวิธีสกปรกอะไร ไม่ใช่ว่าถูกตระกูลเย่ไล่ออกมาแล้วเหรอ?”
“เธอเองใช้วิธีสกปรกเพื่อแต่งเข้าไปอยู่ในตระกูลเย่ เมื่อถูกตระกูลเย่เปิดโปงและไล่ออกมา แต่ก็ยังไม่ชัดเจน แถมยังอยากจะบังคับให้คุณปู่เย่กับคุณนายตระกูลเย่ตายอีกงั้นเหรอ?ทำไมไร้ยางอายขนาดนี้ ทำไมถึงได้ร้ายขนาดนี้?”
“หน้าตาแบบนี้ มีหน้ามาแต่งงานกับคุณชายสามเย่ได้อย่างไรกัน?”
การฟังเรื่องชาวบ้านนั้นเป็นนิสัยของคนอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องภายในของพวกคุณหนูคุณนาย ยิ่งสนุกปากเข้าไปใหญ่
เมื่อฉู่หลิงเอ๋อได้ยินคนคุยกันแบบนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ฉู่หลิงเอ๋อกำลังจะพูดกลับไป แต่เมื่อเห็นท่าทีของเวินลั่วฉิงที่ไม่สนใจ เลยทนเอาไว้ เพราะเธอเชื่อฉิงฉิงของเธอ
เรื่องเล็กขนาดนี้ ฉิงฉิงของเธอคงจะจัดการได้สบายมาก
เวินลั่วฉิงมองไปทางคุณเจ้า ก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน คนแบบนี้ เธอไม่อยากจะสนใจ เพราะมันน่าเบื่อมาก
“ให้ตายเถอะ หน้าด้านมากเลยนะ ถูกด่าขนาดนั้นแล้ว ยังจะเข้าไปอีก?”
มีคนที่ตกใจกับการกระทำของเวินลั่วฉิง
“ผู้หญิงอย่างเธอไร้ยางอายอยู่แล้วล่ะ”
“ฉันเคยเห็นข่าวในอินเทอร์เน็ตนะ แต่ไม่ได้เหมือนกับที่คุณเจ้าพูด คุณเวินไม่ได้บังคับให้คุณปู่เย่กระโดดตึก แต่คุณปู่เย่แกล้งป่วย อีกอย่างคุณชายสามเย่เองก็เคยแถลงต่อนักข่าวไปแล้ว บอกว่าเขายินดีจะแต่งงานกับคุณเวินเอง ดังนั้นพวกคุณพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ”
เด็กสาวราวๆ สิบแปดสิบเก้าปีทนดูต่อไปไม่ไหว เลยอธิบายแทนเวินลั่วฉิง เห็นได้ชัดเลย ว่าเธอรู้เรื่องนี้ดี
เมื่อได้ยินเด็กน้อยพูดแบบนั้นทุกคนก็อึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่เด็กน้อยคนนั้นพร้อมๆ กัน
เวินลั่วฉิงเองก็หันไปมองเด็กน้อยคนนั้นเช่นกัน เด็กน้อยคนนี้ใบหน้ากลมเหมือนตุ๊กตา ดูน่ารักเป็นอย่างมาก แล้วก็ใสซื่ออีกด้วย!