ทดลองรัก ชีวิตแต่งงาน100วัน - บทที่1045 ข่มเหงเศษเดน ตบหน้าฉาด เสพติด (3)
ดังนั้นเมื่อพูดอย่างจริงจัง คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ก็พูดถูก!!
เวินลั่วฉิงรู้ว่าคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่เองก็เคยได้เจอถังจื่อซี คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่จะต้องได้รู้เรื่องจากถังจื่อซีแน่นอน จากนั้นก็เอาความจริงที่มีนั้นออก ก่อนจะตั้งใจเปิดการแถลงต่อนักข่าว
แต่ว่า เวลาในตอนนี้มันเหมาะสมมาก จนทำให้เธออดสงสัยไม่ได้
เวินลั่วฉิงรู้ว่าเหตผลที่ท่านปู่เย่กับคุณย่าเย่นั้นไม่อยากให้เธอคบกับเย่ซือเฉินมากที่สุดก็เพราะว่าเธอไม่สามารถมีลูกได้ แต่ว่าตอนนี้พวกเขาเข้าใจเรื่องของถังจื่อซี ถึงถังจื่อซีจะเป็นผู้หญิง แต่พวกเขาก็อาจจะไม่พอใจมาก แต่ว่าก็น่าจะมีความกัลวลอยู่ไม่มากก็น้อย
แต่ก่อนหน้านี้ คุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ก็ไม่ได้พูดอะไรที่โหดร้ายขนาดนั้น
ดังนั้น เรื่องในวันนี้จะต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล และเกรงว่าจะมีคนจัดฉากอยู่เบื้องหลังด้วย
ถ้าเกิดเธอเดาไม่ผิด น่าจะมีคนหาคุณปู่เย่เจอ แต่คุณปู่เย่เองก็มีความคิดแบบนี้พอดี ดังนั้นเลยร่วมมือกัน แล้วก็มีรายงานนี้ออกมา
ดังนั้น คนที่อยู่เบื้องหลังคนนี้ต้องเข้าใจคนแก่ของตระกูลเย่สองคนมาก แถมยังเข้าใจเรื่องของเธอมากด้วย
เวินลั่วฉิงรู้ ว่าคนที่หาคุณปู่เย่เจอในตอนนี้ต้องอยู่ในงานเลี้ยงของเว้ยคังด้วย เป้าหมายของคนคนนั้นก็คืออยากให้เธอไม่มีที่ยืน แล้วก็ขายขี้หน้าอย่างแน่นอน
เวินลั่วฉิงก็ยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย ถ้าเกิดเธอเดาไม่ผิด คนคนนั้นไม่เพียงอยากทำให้เธอไม่มีที่ยืนในวันนี้ แต่ต่อจากนี้คนนั้นจะต้องมีแผนการอื่นๆ อีกอย่างแน่นอน งานสังสรรค์ในวันนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เพียงแต่ ตอนนี้เวินลั่วฉิงยังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกันแน่?
ไม่รู้ว่าคนที่จะต่อกรกับเธอคือใครกันแน่?!
แต่เชื่อได้ว่าอีกไม่นานจะรู้เอง
“ให้ตายเถอะ ที่แท้นี่ก็คือความจริงนี่เอง เวินลั่วฉิงใช้วิธีเลวๆ เพื่อเข้าหาคุณชายสามเย่ คุณชายสามเย่เลยต้องแต่งงานกับเธองั้นเหรอ?”
“หน้าตาน่าเกลียดขนาดนี้กล้าไปขึ้นเตียงกับคุณชายสามเย่งั้นเหรอ?หน้าไม่อายขนาดไหน?”
“ไม่น่าล่ะคุณปู่เย่กับคุณย่าเย่ถึงได้ไม่ยินยอมขนาดนี้ ผู้หญิงแบบนี้ใครจะไปกล้าเอาล่ะ เธอสามารถขึ้นเตียงของคุณชายสามเย่ไปได้ แล้วจากนี้ไม่แน่ว่าอาจจะไป……”
คนมากมายต่างพูดคุยไปต่างๆ นานา และก็ยิ่งโหดร้ายมากขึ้นด้วย
“ฉันว่า พวกคุณต่อว่ากันขนาดนี้ อย่าคิดว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าพวกคุณคิดอะไรอยู่ พวกคุณไม่ได้อิจฉาหรอกเหรอ?คุณชายสามเย่เป็นใคร?เตียงของเขามันขึ้นง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?เขาหลอกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?เขาแต่งงานกับใครก็ได้หรือไง?” ฉู่หลิงเอ๋อทนฟังต่อไปไม่ได้แล้ว เธอเข้าใจฉิงฉิงดี ฉิงฉิงไม่อยากจะสนใจเรื่องนี้ตั้งแต่แรก ฉิงฉิงไม่อยากจะอยู่เพื่อทะเลาะกับพวกเขา อีกอย่างนี่เป็นงานเลี้ยงของเว้ยคัง ก่อเรื่องวุ่นวายมันก็ไม่ดี แต่ว่าเธอก็ทนต่อไปไม่ได้แล้ว
“คุณเวิน คุณบอกพวกเราหน่อยได้ไหมว่ามันเกิดมันอะไรขึ้นกันแน่?คุณบอกพวกเราหน่อยว่าคุณขึ้นเตียงของคุณชายสามเย่ไปได้อย่างไร?คุณบังคับให้คุณชายสามเย่แต่งงานกับคุณได้อย่างไร?” นักข่าวรีบวิ่งมาหาเวินลั่วฉิงโดยเร็ว ก่อนจะถามออกมาตรงๆ นักข่าวพูดตามไปกับสิ่งที่คุณปู่เย่พูดเมื่อครู่ โดยที่มั่นใจแล้วว่าเวินลั่วฉิงหาวิธีเพื่อขึ้นเตียงของคุณชายสามเย่
ถึงแม้ว่าบางทีการแถลงต่อนักข่าวจะทำเพื่อดึงความสนใจ เลยตั้งใจปล่อยข่าวปลอมๆ ออกมา แต่ว่านักข่าวเองก็พูดตรง และชัดเจนเกินไป
เวินลั่วฉิงมองไปทางนักข่าวคนนั้น พลางยิ้มเบาๆ : “พวกคุณไปถามคุณชายสามเย่ดีกว่า ฉันว่าเขาน่าจะรู้ดีกว่าใคร ฉันว่าคงไม่มีใครพูดได้น่าเชื่อถือมากกว่าเขาแล้ว”
เมื่อเวินลั่วฉิงพูดคำนี้ออกไป ทุกคนต่างพากันอึ้งไป เพราะคิดไม่ถึงว่าเวินลั่วฉิงจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา และคิดไม่ถึงว่าในสถานการณ์แบบนี้เวินลั่วฉิงจะทำท่าทีสบายอารมณ์ได้ขนาดนี้
ในตอนนั้น เสียงของการพูดคุยก็หยุดลง เหมือนจะเดาได้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น?
เวินลั่วฉิงกล้าพูดออกมาขนาดนี้ เวินลั่วฉิงให้นักข่าวไปถามคุณชายสามเย่ด้วยตัวเอง นั่นก็หมายความว่าความสัมพันธ์ของเธอกับคุณชายสามเย่ไม่ได้เหมือนกับที่คุณปู่เย่พูดงั้นเหรอ?
หรืออาจจะมีเรื่องลึกลับบางอย่างซ่อนอยู่?
“คุณชายสามเย่มาแล้วเหรอ?” มีคนที่มีสติขึ้นมาอดไม่ได้ที่จะถาม
“ในรายชื่อแขกนั้นมีคุณชายสามเย่ แต่ว่าเหมือนกับว่ายังไม่มา แต่ก็น่าจะใกล้ถึงแล้ว งานสังสรรค์เองก็ใกล้จะเริ่มแล้วล่ะ” มีคนที่อยู่วงในพูดขึ้นมา
เมื่อได้ยินคำพูดของคนนั้นทุกคนก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อไปแล้ว ถึงอย่างไรคุณชายสามเย่ก็ใกล้จะถึงแล้ว เดี๋ยวนักข่าวก็คงจะไปถามคุณชายสามเย่จริงๆ
เวินลั่วฉิงกล้ามาพูดในสถานการณ์แบบนี้ มันทำให้คนคิดไปต่างๆ นานา……
“ฉันได้ข่าวมา ว่าคุณชายสามเย่ติดธุระ มาไม่ได้แล้ว” คุณหลิวมองเวินลั่วฉิง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ : “คุณหนูใหญ่เวิน ไม่ใช่ว่าคุณรู้ว่าคุณชายสามเย่มาไม่ได้ ดังนั้นเลยตั้งใจกล้าพูดอะไรแบบนี้ออกมานะ?”
“ไม่มาแล้วเหรอ?คุณชายสามเย่ไม่มาแล้วเหรอ?ไม่มาจริงๆ เหรอ?” มีคนสงสัย
“ใช่ ฉันรับประกันได้ว่านี่มันคือข่าวจริง ส่วนคุณเวินเองก็มาจากเมือง A คุณเวินเองก็น่าจะรู้แต่แรกว่าคุณชายสามเย่มาไม่ได้ คุณชายสามเย่ไม่มา เรื่องของคุณเวินก็ไม่มีหลักฐานแล้ว คุณเวินเลยวางแผนมาก่อนตั้งแต่แรกแล้วอย่าแน่นอน” คุณหลิวมีน้ำเสียงแน่วแน่ เหมือนไม่ได้โกหกอย่างแน่นอน
ทุกคนต่างมองไปทางเวินลั่วฉิงอีกครั้ง คราวนี้แววตาเปลี่ยนไป เหมือนกับที่คุณหลิวพูด ว่าวันนี้คุณชายสามเย่มาไม่ได้แล้ว เวินลั่วฉิงเลยไม่มีหลักฐานกับคำพูดนั้นแล้ว
เวินลั่วฉิงเลิกคิ้วขึ้น วันนี้เย่ซือเฉินมาไม่ได้แล้วเหรอ?เย่ซือเฉินไม่เคยบอกเธอมาก่อน
แต่ก่อนหน้านี้เย่ซือเฉินออกจากตระกูลถังมา แล้วเย่ซือเฉินก็ไม่ได้ติดต่อเธออีกเลย ดังนั้น เย่ซือเฉินจะมาหรือไม่นั้นเวินลั่วฉิงไม่แน่ใจจริงๆ
“คุณเวินนี่ยังขายขี้หน้าไม่พออีกเหรอ”
“นั่นสิ เคยเจอคนไร้ยางอายแต่ก็ยังไม่หนักเท่านี้เลย”
“ว่ากันว่าคนเรามักจะรักษาหน้าของตัวเอง แต่คนนี้ไร้ยางอายอย่างไม่อายฟ้าอายดินเลย”
“พวกคุณว่าเธอหน้าด้านขนาดไหนเหรอ?”
“ทำไมเธอยังมีหน้ามาร่วมงานสังสรรค์ ถ้าเป็นฉัน คงไม่มีหน้ามาเจอใครแล้ว”
“หน้าด้านจริงๆ เลย!!”
เสียงถกเถียงที่ไม่น่าฟังเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง แถมยังไม่น่าฟังมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย
“คุณเวิน วันนี้คุณมาเข้าร่วมงานเลี้ยงของเว้ยคังในฐานะอะไร” คุณหลิวได้ยินทุกคนพูดคุยกันแบบนั้น ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดแน่นอน ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ ยังมีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจอยู่อีก
“นั่นสิ คุณเวินมาร่วมงานเลี้ยงของเว้ยคังในฐานะอะไร ประธานบริษัทเวินซื่อกรุ้ปหรือเปล่า?ได้ยินว่าบริษัทเวินซื่อกรุ้ปจะล้มละลายแล้ว แต่คุณชายสามเย่ซื้อหุ้นของบริษัทเวินซื่อกรุ้ปเอาไว้ ดังนั้นบริษัทเวินซื่อกรุ้ปเลยไม่ใช่ของตระกูลเวินตั้งนานแล้วใช่ไหม?ดังนั้นคุณเวินน่าจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งประธานแล้วใช่ไหม?” คุณเจ้ารีบถามเสริมคำของคุณหลิว คำถามเสียดสีนั้นมันเห็นได้ชัดมาก
“จะให้ถูก ถึงบริษัทเวินซื่อกรุ้ปจะเป็นของตระกูลเวิน คุณเวินยังเป็นประธานของบริษัทเวินซื่อกรุ้ป เกรงว่าจะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมงานเลี้ยงของเว้ยคัง คุณคิดว่างานเลี้ยงของเว้ยคังใครๆ ก็จะมาเข้าร่วมได้เหรอ?คุณเวินต้องสำเหนียกให้ดีๆ ……” คุณหลิวสะใจเป็นอย่างมาก เป้าหมายของเธอก็คือทำให้เวินลั่วฉิงลำบากใจ ให้เวินลั่วฉิงลำบากใจเท่าไหร่ยิ่งดี
“ถ้าเธอไม่มีสิทธิ์เข้าร่วม ก็ไม่มีใครมีสิทธิ์เข้าร่วมแล้ว” เพียงแต่ คุณหลิวยังพูดไม่ทันจบ ก็มีเสียงชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา ด้วยความดุดันเป็นอย่างมาก