ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局 - ตอนที่ 86 มีบางอย่างผิดปกติกับเจ้านี่ !
- Home
- ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局
- ตอนที่ 86 มีบางอย่างผิดปกติกับเจ้านี่ !
บทที่ 86: มีบางอย่างผิดปกติกับเจ้านี่ !
“ฝ่าบาทวิกตอเรีย ข้ามีสหายคนหนึ่งชื่อว่าโรเอล แอสคาร์ด เขาเป็นเด็กชายที่มีผมสีดำ ตาสีทอง อายุใกล้เคียงกับข้า เขาเป็น… บุคคลที่สำคัญมากสำหรับข้า ได้โปรด ท่านต้องตามหาเขาให้พบ !”
“อ่า… เด็กน้อย พวกเรากำลังอยู่ท่ามกลางสนามรบ ถึงจะเป็นข้าก็เถอะ… เดี๋ยวก่อนนะ เจ้าพูดว่าแอสคาร์ด งั้นเหรอ?”
วิกตอเรียได้ยินอะไรที่ฟังดูผิดปกติในคำขอของนอร่า ทันทีที่เธอได้ยินวลีสำคัญนั้น สายตาขององค์หญิงก็พุ่งตรงไปที่พอนเต้ในทันที
ระหว่างที่จอมเวทกำลังรวบรวมพลังเวทเพื่อร่ายคาถาอีกครั้ง เขาก็ได้ยินคำพูดของเด็กสาวพลันต้องหันกลับไปมองอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“ท่านอาจารย์ มีคนเช่นนั้นในตระกูลของท่านงั้นเหรอ?”
“ไม่ ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน”
แม้จะพูดอย่างนั้น แต่พอนเต้ก็ยังคงจ้องมองมาที่นอร่า พยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่เธอเพิ่งพูดไป เพราะเขารู้สึกว่ามีบางสิ่งที่สำคัญที่เขาจะต้องนึกให้ออก แต่พอนเต้ก็นึกไม่ออกเสียที
อีกด้านหนึ่ง หลังจากได้ยินการพูดคุยระหว่างวิกตอเรียกับพอนเต้ นอร่าก็รู้ได้ในทันทีว่าเขาเป็นใคร เธอจึงรีบหันไปขอความช่วยเหลือจากเขา
“ท่านคือ มาร์ควิสพอนเต้ใช่ไหม? ท่านต้องหาวิธีช่วยโรเอลสิ เขาเป็นลูกหลานของตระกูลแอสคาร์ด! ข้าเชื่อว่าเขาน่าจะถูกทหารของศัตรูจับตัวไป!”
คำพูดเว้าวอนอันสิ้นหวังของนอร่าได้สั่นคลอนเจตจำนงของพอนเต้ การไหลเวียนของพลังเวทไปยังอัญมณีหลากสีในมือของเขาถูกหยุดลง จอมเวทเริ่มลังเลระหว่างการตัดสินใจสองตัวเลือกที่แตกต่างกัน
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเด็กที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายมีสายเลือดของตระกูลแอสคาร์ดหัวใจของพอนเต้ก็เริ่มลังเล
เขาควรจะทำอย่างไรดี? ยิ่งด้วยเหตุที่ว่าตระกูลแอสคาร์ดนั้นมีปัญหาด้านการสืบลูกหลาน!
ตระกูลแอสคาร์ด ค่อนข้างเจริญรุ่งเรืองในช่วงสองสามชั่วอายุคนที่ผ่านมา แต่คงจะดีกว่านี้ถ้าหากไม่มีปัญหาอย่างหนึ่งเกี่ยวกับตระกูลของพวกเขา
ด้วยเหตุผลบางประการ ผู้นำตระกูลทุกชั่วอายุคนของตระกูลแอสคาร์ดมักจะเป็นลูกคนเดียว มีเพียงไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่มีพี่น้องหลายคน
ด้วยเหตุนี้ตระกูลแอสคาร์ดจึงให้ความสำคัญกับสมาชิกทุกคนในครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง แตกต่างจากตระกูลขุนนางทั่ว ๆ ไปที่มีผู้สืบทอดจำนวนมากและมักจะแข่งขันแก่งแย่งชิงดีกัน
“สาวน้อย แน่ใจเหรอว่าคนสำคัญของเจ้าเป็นหนึ่งในตระกูลของข้า”
“ข้าแน่ใจ ข้าขอสาบานด้วยสายเลือดของข้าเลยว่ามันเป็นความจริง ได้โปรด ท่านต้องหาวิธีที่จะช่วยเขาให้ได้นะ!”
นอร่าพูดพร้อมก้มลงกราบ
สถานการณ์ปัจจุบันทำให้เด็กสาวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องละทิ้งความภาคภูมิของตน นอร่าไม่มีทางทนได้แน่หากโรเอลเป็นอะไรไป ทั้งสองคนผ่านอะไรด้วยกันมามากในพื้นที่อาณาเขตคฤหาสน์เขาวงกต เธอจะไม่ยอมให้ทุกอย่างต้องจบลงแบบนี้!
“วิกตอเรีย ปล่อยเรื่องนี้ให้ข้าจัดการเถอะ ข้าจะลองออกไปหารอบ ๆ สักหน่อย”
“แต่พวกเรากำลังอยู่ในสนามรบนะ! การจะหาใครสักคนที่นี่มัน…”
“ตระกูลแอสคาร์ดของข้ามีลูกหลานอยู่ไม่มาก แม้ว่าเขาจะมาจากครอบครัวข้างเคียง ข้าไม่อาจปล่อยให้เขาตายโดยที่ไม่ทำอะไรเลยได้หรอก ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะเปิดใช้งานเขาวงกตให้ทัน ก่อนที่เวตจะล้อมพวกเราเอาไว้ได้ทั้งหมด!”
หลักจากทิ้งคำพูดเหล่านั้นไว้เป็นหลักประกัน ชายผมดำก็พุ่งเข้าไปในสนามรบที่เต็มไปด้วยทหาร แล้วเริ่มมองค้นหาไปรอบ ๆ
…
ขณะเดียวกัน ณ จุดกึ่งกลางของสนามรบ โรเอลกำลังพยายามหาทางมุ่งหน้าไปทางฝั่งของวิกตอเรีย
จากภายในท่อระบายน้ำ เด็กชายได้เตะขึ้นไปกระแทก ‘กล่องดวงใจ’ ของทหารจากตระกูลเอลริกอย่างแม่นยำ เขาอยากสร้างความเสียหายให้สูงที่สุดด้วยความพยายามเพียงเล็กน้อย
โชคร้ายสำหรับทหารคนนั้น ขณะที่เขากำลังกลิ้งไปรอบ ๆ ท่อระบายด้วยความเจ็บปวด ทหารคนหนึ่งของฝั่งวิกตอเรียก็วิ่งเข้ามาหาและจบชีวิตของเขาลง
หลังจากจัดการกับศัตรูได้แล้วโรเอลก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อกลั้นหายใจ เขาไม่ได้ว่างพอที่จะมาจัดการกับทหารระหว่างทางได้ เพราะตอนนี้การต่อสู้รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เสียจนท่อระบายน้ำไม่ใช่ที่หลบภัยสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว
ความตั้งใจแรกของโรเอล ก็คือการวิ่งไปตามทางในท่อระบายน้ำจนกว่าเขาจะไปถึงฝั่งที่ฝ่ายวิกตอเรียและพอนเต้อยู่ ทว่าแผนดังกล่าวก็ได้ถูกทำลายลง เมื่อทั้งสองฝ่ายปะทะกันเป็นเวลานาน ด้วยกลุ่มคนที่หลากหลาย จึงมีบางส่วนลงเอยด้วยการหนีลงมาในท่อระบายน้ำ ทั้งคนเป็น คนตาย และคนครึ่งตาย
ยกตัวอย่างเช่น ทหารที่โรเอลจัดการไปก่อนหน้านี้ เขากลิ้งลงมาในท่อระบายน้ำพร้อมกับทหารอีกคนหนึ่งจากฝ่ายวิกตอเรียก่อนจะขึ้นมาอย่างมีชัย น่าเสียดายที่ชัยชนะนั้นเป็นเพียงแค่ความสุขชั่วคราว เพราะไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับโรเอล ด้วยท่าพิฆาตกล่องดวงใจ
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงมีเด็กอยู่ในสนามรบได้?”
“ก่อนหน้านี้เขาช่วยข้าไว้! ข้าคิดว่าเขาอยู่ฝ่ายเรา!”
การปรากฏตัวของโรเอลในท่อระบายน้ำนั้นโดดเด่นอย่างไม่น่าเชื่อในหมู่ทหาร โชคดีที่ทหารที่จัดการทหารจากตระกูลเอลริกก่อนหน้านี้ออกมารับรองให้กับเขา เมื่อสัมผัสได้ถึงโอกาสนี้ โรเอลจึงรีบกระโดดออกจากท่อระบายน้ำแล้วประกาศอย่างยิ่งใหญ่
“สหายร่วมรบ โปรดพาฉันไปหาองค์หญิงวิกตอเรียที!”
ขณะที่พูด เขาก็ดึงเอสเซนด์วิงออกมาชูขึ้นสู่ท้องฟ้า ดาบศักดิ์สิทธิ์ส่องแสงระยิบระยับดึงดูดความสนใจของทุกคนอย่างรวดเร็ว
“นี่คือสัญลักษณ์ที่ฝ่าบาททรงฝากไว้กับฉัน มันคือดาบแห่งนักบุญ 12 ปีก ซึ่งเป็นสมบัติของตระกูลเซไซต์! ฉันต้องการความช่วยเหลือจากพวกท่านเพื่อพาฉันไปหาฝ่าบาท!”
เพื่อป้องกันทหารที่มีคาถาเวทจับเท็จ โรเอลจึงระมัดระวังคำพูดของเขาเป็นพิเศษ เพื่อให้แน่ใจว่าเรื่องเกี่ยวกับ เอสเซนด์วิง ยังคงเป็นความจริงทุกคำ
โดยเขาได้ใช้เพียงคำว่า ‘ฝ่าบาท’ สำหรับ ‘ฝ่าบาทนอร่า’ แทนที่จะเป็น ‘ฝ่าบาทวิกตอเรีย’ มันจึงไม่ใช่ความผิดของเขาหากพวกทหารจะตีความความหมายของคำพูดนี้ผิดกันไปเอง
เมื่อพวกทหารได้ยินคำวิงวอนของเด็กชายแล้วมองไปยังดาบศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถระบุความน่าเชื่อถือของโรเอลได้ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะลังเล เพราะเป้าหมายของพวกเขาคือการล่าถอยและมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่จะพาเด็กกลับไปด้วย
“คำสั่งใหม่! ส่งสัญญาณไปยังพันธมิตรของพวกเรา ถอยทัพ!”
นายทหารผู้บังคับบัญชาออกคำสั่ง ทำให้กองทัพเริ่มถอยกลับไปยังตำแหน่งของวิกตอเรียในทันที ทว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ได้ต้องตาอันแหลมคมคู่หนึ่งเข้า
“เด็กประหลาดคนนั้น…”
องค์ชายเวตผู้อยู่ในระหว่างการร่ายคาถาเวท เพื่อตัดม่านหมอกของคฤหาสน์เขาวงกตออกไปให้นานที่สุด สังเกตเห็นโรเอลที่แต่งตัวไม่เข้ากันกับสถานการณ์ในสนามรบได้อย่างง่ายดาย เขานึกถึงความสงสัยทั้งหมดในใจหลังจากที่ตนได้พบกับนอร่า จากนั้นแววตาคมกริบก็ฉายแววขึ้นมา
สัญชาตญาณของเวตบอกว่าเขาไม่ควรปล่อยให้เด็กคนนั้นหนีไปได้
“มีบางอย่างแปลก ๆ เกี่ยวกับเด็กคนนั้น จับเขาไว้ให้ได้!”
เพื่อตอบสนองต่อคำสั่งของเวต เฟลเดอร์จึงรีบตรวจสอบสนามรบอย่างรวดเร็วก่อนที่จะจ้องไปที่เป้าหมาย
โรเอลรู้สึกได้ถึงสายตามาดร้ายทิ่มแทงมาที่ข้างหลังของเขา กระดูกสันหลังของเขาสั่นสะท้านด้วยความกลัวจนต้องหันกลับไปมอง ทำให้เด็กชายสังเกตเห็นเฟลเดอร์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกโลหิตอันน่าสะพรึงกลัวกำลังมุ่งหน้ามาหาเขา
‘พายุหมอกโลหิต’
มันคือคาถาเวทที่จะส่งพลังเวทภายในเลือดออกมายังภายนอก ห่อหุ้มร่างกายของผู้ใช้ด้วยหมอกเลือด เพื่อป้องกันการโจมตีและเสริมคาถาเวทที่ยิงออกไป ความแรงของคาถาขึ้นอยู่กับศักยภาพของผู้ใช้แต่ละคน บางคนสามารถใช้มันเพื่อหักเหลูกธนู ในขณะที่คนอื่น ๆ อาจทำได้เพียงแค่ทำให้ธนูช้าลงเท่านั้น
ทว่าหากเป็นเฟลเดอร์แล้วล่ะก็ พายุหมอกโลหิต สามารถทำให้เขากลายเป็นเทพสงครามในสนามรบได้เลยทีเดียว แทนที่จะเรียกมันว่าพายุหมอกเลือด น่าจะเรียกว่าร่างอวตารปีศาจสีแดงเข้มเสียมากกว่า พลังเวทมหาศาลที่ล้อมรอบตัวเขาเพิ่มคุณสมบัติทั้งหมดทั้งการโจมตีและป้องกันของอัศวินหนุ่มเป็นอย่างมาก
นี่เป็นครั้งแรกที่โรเอลได้เห็นกับตา ว่าเฟลเดอร์ที่เสริมความแข็งแกร่งนั้นทรงพลังเพียงใด
เฟลเดอร์กระโดดขึ้นไปบนฟ้า ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นราวกับกระสุนปืนใหญ่ระเบิด เงาสีแดงเข้มทอดยาวข้ามท้องฟ้า ก่อนจะตกลงมายังกองทหารฝั่งวิกตอเรียราวกับอุกกาบาต
โรเอลตกตะลึงอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นสถานการณ์นี้ ทหารคนอื่น ๆ เองก็ตระหนักได้ในทันที ว่าวิกฤตกำลังจะเกิดขึ้นกับพวกเขาแล้ว
“อ๊าา! นั่นมันมาร์ควิส เอลริก!”
“ตั้งแนวป้องกันเร็ว!”
เหล่าทหารต่างยกเกราะป้องกันอันหนักหน่วงขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพื่อสกัดกั้นเฟลเดอร์ แต่มันก็แทบจะไม่เป็นผลเมื่อเฟลเดอร์ร่อนลงมาถึงพื้นดิน อัศวินพุ่งไปข้างหน้าเพียงไม่กี่ก้าวก่อนจะมาถึงตัวโรเอลและทหารที่คุ้มกันเขา พร้อมเหวี่ยงดาบไปในแนวนอนปล่อยคลื่นสีแดงเข้มกระจายออกไปรอบ ๆ ตัว
ฉัวะ!
ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แนวโล่ของกองทหารก็แตกกระจายออกไป และทหารกว่าหนึ่งโหลก็ถูกกระแทกลอยขึ้นไปในอากาศ แม้แต่โรเอลเองก็ยังถูกกระแทกไปด้วยจากคลื่นกระแทกนั้น จนกลิ้งไปข้างหลังอย่างควบคุมไม่ได้เหมือนขนนกท่ามกลางพายุอันทรงพลัง
ทว่าโรเอลนั้นยังไม่ได้หมดสติลงไป หลังจากที่เขาได้เห็นความแข็งแกร่งของเฟลเดอร์ เด็กชายก็รีบคิดอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับไพ่ตายที่เขาจะนำมาใช้จัดการกับเฟลเดอร์
จนถึงตอนนี้ โรเอลมีไพ่ตายอยู่สามใบ
สองอย่างแรกคือ จี้สีม่วงที่มีข้อเสีย คือจะทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ และเอสเซนด์วิงที่สามารถพาเขาเคลื่อนย้ายได้เป็นระยะ 50 เมตร ซึ่งเป็นระยะทางที่เฟลเดอร์สามารถครอบคลุมได้ในพริบตา
เนื่องจากมันเป็นไปไม่ได้ที่โรเอลจะสลัดหนีเฟลเดอร์ได้สำเร็จ ตัวเลือกเดียวที่เหลืออยู่ จึงมีเพียงการเสี่ยงชีวิตสู้กับเฟลเดอร์
ถ้าเด็กชายแพ้แล้วต้องยอมจำนนในตอนนี้ละก็ ชะตากรรมของเขาจะต้องตกอยู่ในกำมือขององค์ชายเวต และสูญเสียสิทธิ์การควบคุมสถานการณ์ของตัวเองไปโดยสิ้นเชิง แต่หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี โรเอลก็อาจจะสามารถซื้อเวลาได้เพียงพอสำหรับการหลบหนีเช่นกัน
ความสำคัญของการวางแผน มักจะเผยให้เห็นในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพียงไม่กี่วินาทีโรเอลก็สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและตอบสนองไปตามนั้น
【คาถาเวท ‘คำมั่นสัญญากับกรันด้า’ ได้ถูกเปิดใช้งานแล้ว】
【เริ่มนับถอยหลัง. 30… 29… 28…】
เสียงอันคุ้นเคยดังก้องในหูของโรเอลอีกครั้ง
ช่วงเวลานี้ โรเอลมองเห็นที่ราบรกร้างใต้แสงแดด และ ดวงตาของโครงกระดูกมหึมากรันด้าจ้องมองมาที่เขาอยู่ลาง ๆ ราวกับกำลังจะบอกว่าให้เขาตอบคำถามในวันนั้น
ภาพหลอนนี้กินเวลาเพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่โรเอลจะลุกขึ้นได้อย่างรวดเร็ว พลังเวทของเขาพลุ่งพล่านขึ้นราวกับกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก เด็กชายยกดาบขึ้นแล้วฟาดฟันไปที่เฟลเดอร์อย่างไม่เกรงกลัว
ตูม!
เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับคลื่นกระแทก ทว่าคราวนี้มันไม่ได้มาจากเฟลเดอร์ แต่มาจากโรเอลราวกับว่ามีร่างอวตารยืนอยู่เหนือเขา มองลงมายังสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่อยู่เบื้องล่าง สายตานี้ทำให้หัวใจของเฟลเดอร์สั่นคลอน
ดาบสองเล่มชนกัน แต่ที่น่าตกใจก็คือ มาร์ควิสเอลริกผู้โด่งดังกลับเป็นฝ่ายถูกผลักให้ถอยกลับไป
“เจ้าเป็นพวกลัทธินอกรีตงั้นเหรอ?!”
เฟลเดอร์คำรามด้วยความโกรธ เขามั่นใจว่าร่างอวตารที่ยืนอยู่เหนือเด็กชายผมดำนั้นไม่ใช่ภาพหลอนอย่างแน่นอน แม้ว่าอัศวินจะไม่แน่ใจเกี่ยวกับที่มา แต่เขาก็ยังเชื่อว่ามันเป็น เทพเจ้าแห่งลัทธินอกรีต มีเพียงเทพเจ้าโบราณเท่านั้นที่จะสามารถทำให้ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 3 เช่นเขาตัวแข็งทื่อด้วยการชำเลืองมองเพียงครั้งเดียวได้
ในเมื่อเด็กชายผมดำคนนี้เป็นคนในลัทธินอกรีต แล้วทำไมเขาถึงเลือกเข้าข้างฝั่งวิกตอเรียล่ะ?
เฟลเดอร์ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขารู้แน่ชัดก็คือ เด็กชายตรงหน้าเขาเป็นบุคคลที่อันตรายอย่างยิ่ง ถ้าหากเฟลเดอร์ไม่สามารถบังคับเด็กคนนี้ให้ยอมจำนนได้ เขาจะต้องเป็นภัยคุกคามอันใหญ่หลวงต่อพระประสงค์ขององค์ชายเวตในอนาคตแน่
จิตสังหารที่รุนแรงและโหมกระหน่ำปรากฏขึ้นในดวงตาของเฟลเดอร์ เขายกดาบขึ้นพร้อมพุ่งออกไปอีกครั้ง แม้ว่ามันอาจจะทำให้เขาถูกต่อว่าในภายหลัง แต่อัศวินก็ตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะกำจัดตัวแปรอันตรายเบื้องหน้านี้ทิ้งไป
อีกด้านหนึ่ง โรเอลรู้ดีว่าเขาสามารถเป็นอมตะคงกระพันได้เพียง 30 วินาทีเท่านั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเด็กชายถึงพยายามใช้โอกาสนี้อย่างเต็มที่เพื่อทำทุกอย่าง
ณ ใจกลางสนามรบระหว่างทั้งสองฝ่าย ชายผมสีทองและเด็กชายผมดำคำรามอย่างดุเดือด ก่อนจะเข้าต่อสู้ห้ำหั่นกันอย่างน่าสะพรึงกลัว ดาบสั้นสีเงินปะทะเข้ากับดาบสีขาวครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เกิดคลื่นกระแทกอันทรงพลัง
แต่ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือดนี้ ระบบยังคงเดินหน้านับถอยหลังต่อไปอย่างไร้ความปรานีราวกับกำลังนับถอยหลังวินาทีสู่ความตายของโรเอล
【6… 5… 4…】
Related