ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局 - บทที่ 239 หน่วยกิตวิชาการ ไม่ ไม่ ต้องถอนเดธแฟล็กให้ได้ก่อน
- Home
- ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局
- บทที่ 239 หน่วยกิตวิชาการ ไม่ ไม่ ต้องถอนเดธแฟล็กให้ได้ก่อน
บทที่ 239: หน่วยกิตวิชาการ? ไม่ ไม่ ต้องถอนเดธแฟล็กให้ได้ก่อน
“มีคนวัยเดียวกันกับพวกเราเต็มไปหมดเลย!”
ระหว่างที่พวกเขาเดินไปบนสนามหญ้าขนาดใหญ่ พอล แอคเคอร์มันน์ มองดูทุกสิ่งรอบตัวด้วยความสงสัยและความหวาดระแวง ด้วยที่เขาเติบโตขึ้นมาในหมู่บ้านอันห่างไกล เด็กหนุ่มจึงต้องพยายามทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมใหม่นี้
ทางฝั่งโรเอลที่อยู่ข้าง ๆ ก็ได้เผยรอยยิ้มจาง ๆ ออกมา ขณะประเมินสภาพแวดล้อม แม้แต่เขาเองก็ยังกังวลเล็กน้อยเมื่อมาถึงสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ด้วยผู้คนจำนวนมากที่รวมตัวกันในพื้นที่ และความยิ่งใหญ่โอ่อ่าของสถาปัตยกรรมโดยรอบ
สนามหญ้าที่พวกเขายืนอยู่ อย่างน้อย ๆ ก็มีขนาดเท่ากับสนามฟุตบอลหลาย ๆ แห่งรวมกันราวกับไม่มีที่สิ้นสุด โดยมีรูปปั้นสถาปัตยกรรมของเหล่าอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ตั้งตระหง่านอยู่รอบข้าง สง่างามแบบนั้นมาตลอดนับพันปี
ประติมากรรมของอาจารย์ใหญ่ แอนโตนิโอ รองอาจารย์ใหญ่ แคมป์เบลล์ หัวหน้าแผนก และอาจารย์นักปราชญ์ผู้เลื่องชื่ออีกหลายคน
‘อาจารย์ผู้รอบรู้’ เป็นคำที่ใช้เฉพาะในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า และมันหมายถึงอาจารย์ผู้ได้หล่อเลี้ยงนักเรียนชั้นยอดจนสำเร็จการศึกษามามากกว่าร้อยคน ข้อกำหนดนี้อาจจะฟังดูง่าย แต่จริง ๆ แล้วเป็นอะไรที่ยากมาก ด้วยที่ระบบของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าที่ลงทะเบียนได้ง่าย แต่ยากที่จะสำเร็จการศึกษา
อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการลงทะเบียนเข้าเรียนในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า คือค่าธรรมเนียมที่สูงลิ่ว ซึ่งตราบใดที่สามารถเอาชนะอุปสรรคนั้นได้ สิ่งอื่น ๆ ก็จะไม่เป็นปัญหาอีก อย่างไรก็ตามการสำเร็จการศึกษานั้นเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง มีนักเรียนไม่น้อยที่ถูกไล่ออก หรือต้องซ้ำชั้นติดอยู่ในระดับเดิมเนื่องจากหน่วยกิตไม่พอ
นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างระหว่าง ‘นักเรียนทั่วไป’ และ ‘นักเรียนชั้นยอด’ อีกด้วย นักเรียนชั้นยอดมักจะได้รับความคาดหวังว่าจะต้องเชี่ยวชาญในด้านการต่อสู้และวิชาการเป็นพิเศษ และหน่วยกิตของพวกเขาเองก็จะต้องติดอยู่ในร้อยอันดับแรกอีกด้วย
ทางด้านวิชาการ ระบบการศึกษาหน่วยกิตต่าง ๆ ของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าค่อนข้างคล้ายคลึงกับมหาวิทยาลัยในอดีตชาติของโรเอล เพียงแต่ว่ามีวิชาเสริมของชนชั้นสูงเข้ามาเพิ่มเติม เช่น ‘วิชามารยาท’ เพื่อที่จะสำเร็จการศึกษา นักเรียนของที่นี่จะต้องผ่านวิชาเหล่านี้อย่างน้อยยี่สิบหน่วยกิต
สำหรับบทเรียนเกี่ยวกับการต่อสู้ โดยพื้นฐานแล้วจะเกี่ยวกับการพัฒนาพลังเหนือธรรมชาติของนักเรียน ซึ่งมีวิธีเก็บหน่วยกิตที่ยืดหยุ่นกว่าฝั่งวิชาการมาก โดยสามารถแบ่งออกเป็นสองแบบ
หนึ่งคือการเก็บผ่านการแข่งขันจัดอันดับ โดยการท้าทายนักเรียนคนอื่น ๆ ดวลเพื่อไต่อันดับ ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดจำนวนหน่วยกิตที่จะได้รับในภายหลัง การดวลกันด้วยวิธีนี้อยู่ภายใต้การดูแลของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า จึงไม่มีภัยคุกคามถึงความตาย อย่างไรก็ตามวิธีนี้ไม่ได้เป็นที่นิยมเท่าไหร่นัก เนื่องจากการจะได้หน่วยกิตจากระบบนี้ค่อนข้างยาก
เหตุผลหลักเป็นเพราะระบบการจัดอันดับไม่ได้ยุติธรรมเท่าที่ควร แทนที่ระบบจะแบ่งนักเรียนออกตามชั้นปี แต่กลับจัดอันดับรวมทุกชั้นปีไว้ในระบบเดียว ครอบคลุมประชากรนักศึกษาทั้งหมด ทำให้นักเรียนในระดับชั้นปีที่สูงกว่ามีความได้เปรียบกว่ามาก เห็นได้ชัดจากการที่ 100 อันดับแรกในการจัดอันดับส่วนใหญ่มักจะเป็นนักเรียนในชั้นปีที่ 3 และชั้นปีที่ 4
ส่วนสาเหตุที่ระบบได้รับการจัดการออกมาในลักษณะดังกล่าว… โรเอลเดาว่าเป็นเพราะทางสถาบันต้องการให้นักเรียนที่ใกล้จะสำเร็จการศึกษา มีโอกาสรับหน่วยกิตการศึกษาที่พวกเขายังขาดอยู่ไปได้ง่ายยิ่งขึ้น
อาจารย์ของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ไม่ใช่ปีศาจที่มีเป้าหมายในชีวิตที่จะขัดขวางไม่ให้นักเรียนจบการศึกษา และมันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่นักเรียนบางคนจะขาดความถนัดในฐานะผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ จนไม่สามารถรับภารกิจต่าง ๆ ได้ การจัดอันดับนี้มีบทบาทสำคัญสำหรับพวกเขา
เมื่อถึงช่วงท้ายภาคเรียน เหล่ารุ่นน้องเองก็เต็มใจที่จะมอบอันดับให้กับรุ่นพี่เพื่อที่พวกเขาจะได้มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์และสำเร็จการศึกษาได้ ถึงการ ‘ข้องแวะ’ กับอันดับที่สูงกว่าจะทำได้ยาก เนื่องจากมีกระดานที่คอยแสดงการเปลี่ยนแปลงอันดับยี่สิบอันดับแรกอยู่ตลอดเวลาก็ตามที
การต่อสู้ของเหล่าผู้ที่อยู่ใน 20 อันดับแรก มักจะรวบรวมฝูงชนจำนวนมากอยู่เสมอ ๆ ทำให้เกิดกระแสฮือฮาครึกครื้นขึ้นภายในสถาบัน
การติดอยู่ใน 20 อันดับแรก ถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการยกระดับชื่อเสียง มันจึงกลายเป็นเป้าหมายหลักของเหล่าวัยรุ่นเลือดร้อน
ต้องการจะเป็นผู้มีอิทธิพลในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่างั้นเหรอ? ยกแขนขึ้นแล้วไปท้าดวลชิงอันดับสิ!
นอกเหนือจากผู้ที่ใฝ่ฝันถึงชื่อเสียงแล้ว ก็ยังมีกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องได้ตำแหน่งสูง ๆ ในการจัดอันดับ ซึ่งก็คือเหล่าผู้ถือแหวนนั่นเอง
แม้ว่าผู้ถือแหวนจะมีอิทธิพลอย่างมากในฐานะผู้มีอำนาจตัดสินใจของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า แต่พวกเขาก็ต้องพิสูจน์ว่าตนเองมีความแข็งแกร่งที่คู่ควรกับตำแหน่งนั้น อันที่จริง สามอันดับแรกของสถาบันในตอนนี้ก็คือผู้ถือครองแหวนทั้งสามคนที่มีอยู่ภายในสถาบัน
ถึงพวกเขาจะไม่ได้ต้องการหน่วยกิตจากการจัดอันดับ แต่ด้วยที่การจัดอันดับเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาอำนาจของพวกเขาไว้ ไม่ให้ใครมาต่อต้าน มันจึงไม่แปลกอะไรที่ผู้ถือครองแหวนจะต้องคว้ามันไว้
วิธีที่สองในการรับหน่วยกิตด้านวิชาการต่อสู้ก็คือการทำภารกิจนอกสถาบันการศึกษา
สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่ามีความต้องการวัสดุเวทมนตร์สูงอยู่เสมอ เนื่องจากที่นี่เป็นสถานที่อันเต็มไปด้วยภาคีแห่งปัญญามากมาย บางครั้งอาจารย์วิชาโบราณคดี จึงมักจะจัดคณะออกสำรวจซากปรักหักพังและโบราณสถานต่าง ๆ หรือบางทีอาณาจักรใกล้เคียงก็อาจจะส่งคำร้องขอความช่วยเหลือเป็นครั้งคราวมาที่โบรเนล
ไม่ว่าในกรณีใด ทางสถาบันนั้นมีภารกิจมากมายให้นักเรียนเลือกทำ และหน่วยกิตที่เสนอเองก็อยู่ในระดับที่สูง คุ้มค่าการทำงาน
ถ้าเทียบกับการต่อสู้ชิงอันดับแล้ว การทำภารกิจนั้นอันตรายกว่ามาก แม้ว่าอาจารย์ผู้สอนประจำภารกิจจะทำทุกวิถีทางสุดความสามารถ เพื่อรับรองความปลอดภัยของนักเรียน แต่เหตุสุดวิสัยก็มักจะเกิดขึ้นในทุก ๆ ทศวรรษ
หากมองจากแง่มุมนี้ มันก็อาจจะดูไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ที่จะเลือกทำภารกิจออกไปเสี่ยงอันตรายเพียงเพื่อให้ได้หน่วยกิตมา แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนส่วนใหญ่ที่เลือกทำภารกิจนั้น ไม่ได้ออกไปทำภารกิจเพื่อหน่วยกิต แต่เป็นเพื่อพัฒนาพลังเหนือธรรมชาติของพวกเขา
วิธีที่เร็วที่สุดในการพัฒนาพลังเหนือธรรมชาติคือการนำไปใช้จริง และการออกไปทำภารกิจก็เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดวิธีหนึ่งในการท้าทายขีดจำกัดของตัวเอง ขุนนางส่วนใหญ่ไม่ได้มีอภิสิทธิ์มากพอที่จะมีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูงคอยดูแลแนะนำ มีเพียงแค่การไปทำภารกิจกับทางสถาบันการศึกษาเท่านั้นที่จะช่วยให้พวกเขาได้รับโอกาสอันล้ำค่าเช่นนี้
นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก ทั้งการได้พูดคุยกับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูง และสังเกตรูปแบบการต่อสู้ของพวกเขาอย่างใกล้ชิด ล้วนเป็นประสบการณ์ที่จะช่วยให้พวกเขาสามารถพัฒนาอนาคตของตนเองไปได้ไกลยิ่งขึ้น ฉะนั้นสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาพลังของตนเองแล้ว นี่ถือเป็นโอกาสที่มีความเสี่ยงสูงที่มาพร้อมกับผลตอบแทนที่สูง
นอกเหนือจากการได้เดินทางไปพร้อมกับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูงในภารกิจแล้ว นักเรียนยังสามารถเลือกที่จะติดตามผู้ถือครองแหวนได้อีกด้วย สิทธิพิเศษอย่างหนึ่งของผู้ถือแหวนก็คือสิทธิ์ในการจัดตั้งทีมของตนเองเพื่อไปทำภารกิจ
หากทีมดังกล่าวประสบความสำเร็จในภารกิจโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากสถาบัน หน่วยกิตที่สมาชิกในทีมได้รับก็จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น สมาชิกในทีมยังสามารถเก็บสิ่งของที่พวกเขาได้รับมาในภารกิจเอาไว้ได้ และมันยังช่วยเพิ่มชื่อเสียงให้กับพวกเขาด้วยเช่นกัน
การสร้างชื่อเสียงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ถือแหวน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่จะต้องสืบทอดตำแหน่งสำคัญต่าง ๆ ในอาณาจักรของตน
ชื่อเสียงมีความสำคัญมากแค่ไหนงั้นเหรอ?… เหตุการณ์ที่ยกตัวอย่างได้ดีที่สุดก็น่าจะเป็น ‘ผู้สังหารมังกร’ ที่โด่งดังไปทั่วจักรวรรดิออสทีนเมื่อหลายศตวรรษก่อน
แม้ว่ามันจะถูกเรียกว่ามังกร แต่ก็ไม่ใช่มังกรในตำนานแบบเดียวกับในยุคโบราณ มันค่อนข้างจะเป็นมังกรปลอมเสียมากกว่า เพราะมันไม่มีแม้แต่ปีกเสียด้วยซ้ำ และพลังของมันก็อยู่เพียงแค่ระดับแก่นแท้ 3
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อราว ๆ หกศตวรรษก่อน ในยุคที่อารยธรรมมนุษย์ยังไม่มีเสถียรภาพในสภาพแวดล้อมใหม่ สัตว์อสูรจึงมักจะโผล่ออกมาจากภูเขาอันห่างไกล และอาละวาดในถิ่นฐานใกล้เคียงที่เพิ่งสร้างได้ไม่นานของมนุษย์ มังกรปลอมเหล่านี้เองก็เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่เมืองชายแดนของจักรวรรดิออสทีนต้องเผชิญ
องค์ชายลำดับสองของจักรวรรดิออสทีนในตอนนั้น เป็นผู้ถือแหวนของสถาบันเซนต์เฟรย่า หลังจากที่ได้สังเกตการณ์และวางแผนอย่างรอบคอบแล้ว เขาจึงได้ร่วมมือกับผู้ถือแหวนอีกคนหนึ่งจากจักรวรรดิออสทีน เพื่อจัดการโค่นมังกรปลอมตัวนั้นลง หลังจากการต่อสู้อันยากลำบาก ในที่สุดพวกเขาก็สามารถเอาชนะมันได้
ข่าวที่ว่าองค์ชายอันดับสองได้นำทีมออกมาปราบมังกรปลอมตัวนั้นโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือใด ๆ จากอาจารย์ของสถาบัน ทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ในจักรวรรดิออสทีนทันที ชื่อเสียงของเขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้องค์ชายลำดับสองมีทรัพยากรมากมายเพื่อขยายอิทธิพลของเขา
ยิ่งไปกว่านั้น สมาชิกหลายคนของทีมดังกล่าวที่ร่วมกันปราบมังกรเองก็เป็นลูกหลานของตระกูลขุนนางที่มีชื่อเสียงในจักรวรรดิออสทีน หลังจากการสู้รบ พวกเขาจึงได้เริ่มเกลี้ยกล่อมกลุ่มของตนให้เปลี่ยนข้างมาสนับสนุนองค์ชายลำดับสองแทน
ไม่ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเป็นเช่นไรก่อนหน้านี้ เกียรติยศร่วมกันที่พวกเขาได้รับจากการสังหารมังกรได้สร้างความพันธ์อันแน่นแฟ้นภายในทีมขึ้น พวกเขาจึงต้องการให้อดีตหัวหน้าทีมของตนได้เป็นจักรพรรดิ
จะมีสายสัมพันธ์ไหนแน่นแฟ้นไปกว่า เหล่าผู้ที่ได้ร่วมมือกันสังหารมังกรร้ายในสมัยเรียนได้?
ด้วยชื่อเสียงอันกึกก้องขององค์ชายลำดับสองท่ามกลางเหล่ามวลประชา และการสนับสนุนจากกลุ่มสมาชิกในทีม ในที่สุดองค์ชายลำดับสองก็สามารถเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ และขึ้นครองบัลลังก์ได้ในที่สุด
รัชสมัยการปกครองขององค์ชายลำดับที่สองเองก็เป็นไปอย่างราบรื่น เนื่องจากแทบจะไม่มีใครสามารถคุกคามอำนาจของเขาได้ เนื่องจากเขามีความนิยมและผู้สนับสนุนอันแน่วแน่มากมาย เรียกได้ว่ารางวัลที่เขาได้รับจากการสังหารมังกรในช่วงสมัยเรียนนั้นช่วยเกื้อกูลบารมีของเขาไปจนวันตาย
นี่คือเรื่องราวของเฟย์มัส แอคเคอร์มันน์ จักรพรรดิผู้สังหารมังกรที่มีชื่อเสียงในจักรวรรดิออสทีน
เรื่องนี้เป็นทั้งคำแนะนำและคำเตือนสำหรับผู้เข้าเรียนในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าต่อจากเขา ทำให้บรรดาผู้สืบทอดตำแหน่งสำคัญ ๆ จากอาณาจักรต่าง ๆ หมายมั่นแสวงหาแหวนกุหลาบอย่างสุดความสามารถ
นอกจากนี้ ผู้ที่ได้รับมันมาจะต้องทำให้แน่ใจว่า ตนเองได้ทำภารกิจอันยิ่งใหญ่โดยไม่พึ่งพาอาจารย์ มันไม่ใช่เพียงแค่วิธีการหาหน่วยกิตอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นปัจจัยที่จะกำหนดทรัพยากรทางการเมืองของพวกเขาในอนาคต
ด้วยเหตุนี้นักเรียนจำนวนมากจึงเลือกที่จะออกไปปฏิบัติภารกิจในทุก ๆ ปี
ไม่มีอะไรที่โรเอลต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเขาแข็งแกร่งพอที่จะก้าวขึ้นสู่อันดับสูง ๆ และจัดการภารกิจส่วนใหญ่ได้อย่างไม่ต้องกังวลอะไร อย่างไรก็ตามสำหรับพอลแล้ว เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
โรเอลรู้ดีถึงสถานการณ์ปัจจุบันของพอล หากความทรงจำของเขาไม่ผิดพลาดอะไรละก็ พอลนั้นน่าจะเพิ่งไปถึงระดับแก่นแท้ 5 ได้ไม่นาน ซึ่งหมายความว่าความแข็งแกร่งของเขายังไม่ถึงค่าเฉลี่ยของเด็กใหม่ในรุ่นเดียวกันด้วยซ้ำ ที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือ ตัวตนของอีกฝ่ายในฐานะลูกนอกสมรสของตระกูลแอคเคอร์มันน์ ยังเป็นตัวสร้างปัญหาชั้นดีอีกด้วย แม้ว่าพอลจะยังไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตาม
เมื่อสังเกตเห็นเหล่านักเรียนที่กำลังเข้ามาใกล้พวกเขาด้วยใบหน้าที่ดูไม่เป็นมิตร และเงาสะท้อนของบุคคลที่มีผมสีทองจากระยะไกล โรเอลก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
ดูเหมือนทุกอย่างจะดำเนินไปตามทิศทางที่เราต้องการสินะ เอาล่ะ ได้เวลาเริ่มฉากสุดท้ายแล้ว!