ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局 - บทที่ 249 ฉันเดาว่าสาม
บทที่249: ฉันเดาว่าสาม
การสั่นสะเทือนแปลก ๆ เกิดขึ้นภายในโบราณสถานงั้นเหรอ?
คำพูดของคริสทำให้โรเอลตกตะลึง เด็กหนุ่มรีบนึกถึงโครงเรื่องของอาย ออฟ โครนิเคิลที่ตนจำได้ แต่มันกลับทำให้เขากะพริบตาด้วยความสับสน
จากประสบการณ์ของโรเอลจนถึงตอนนี้ เด็กหนุ่มตระหนักได้ว่าผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของตนนั้นยังไม่ได้เด่นชัดอย่างที่เขาคิด นอกจากกรณีพิเศษบางอย่างหรือการแทรกแซงโดยตรงในส่วนของเขาแล้ว มันยังมีโอกาสสูงที่เหตุการณ์จะยังคงดำเนินตามเนื้อเรื่องในเกมตามที่ควรจะเป็น
แน่นอนโรเอลเข้าใจดีว่าโครงเรื่องของอาย ออฟ โครนิเคิลกำลังเปลี่ยนแปลงไปจากการกระทำทั้งหมดของเขา เช่นเหตุการณ์ระหว่างนางเอกกับพอล แอคเคอร์มันน์ ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้อีกต่อไปแล้ว เนื่องจากความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้โคจรไปเจอกันเหมือนในเกม อย่างไรก็ตามเขาก็คิดว่ารายละเอียดเบื้องหลังส่วนอื่น ๆ นั้นจะยังคงที่
ทว่าโรเอลจำไม่ได้เลยว่าภายในเกมมีการพูดถึงความผิดปกติในโบราณสถาน ซึ่งหมายความว่าสิ่งต่าง ๆ ได้เริ่มแตกต่างออกไปจากโครงเรื่องในเกมแล้ว
“เอานี่ไป มันเป็นน้ำมันสกัดจากตะเกียงแห่งการหวนคืน หากเธอติดอยู่ในโบราณสถานแล้วออกมาไม่ได้ ให้ใช้มันจุดไฟในตะเกียงแล้วเดินตามมันไป มันจะช่วยพาเธอออกมาจากที่นั่นอย่างปลอดภัย”
คริสหยิบขวดไม้เล็ก ๆ ออกมาแล้วส่งมันให้กับโรเอล ซึ่งเด็กหนุ่มก็ตรวจสอบขวดดังกล่าวด้วยความสงสัย และพบว่ามันเป็นขวดที่เต็มไปด้วยของเหลวคล้ายน้ำมันโปร่งแสง
หลังจากมอบอุปกรณ์เวทให้โรเอลแล้ว คริสก็ให้คำแนะนำอีกสองสามคำกับเขาก่อนจะจากไป ในฐานะอาจารย์ของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า การกระทำของเธอเทียบได้กับการโกง โดยปฏิบัติต่อนักเรียนคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ ดังนั้นมันจึงไม่ฉลาดเท่าไหร่ที่เธอจะอยู่ที่นี่ต่อ
โรเอลมองไปยังร่างที่จากไปของหญิงสาวผมสีแดงเข้มด้วยหัวใจที่เบิกบาน
ทายาทของสมาชิกสมัชชาคนนี้ ช่างเป็นคนที่อบอุ่น บรรพบุรุษของเธอคงจะเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเคเดย์แน่ ๆ บางทีบรรพบุรุษของเธอเองก็อาจจะเคยทิ้งคำพูดไว้บนร่างของเทรนท์โบราณมาก่อนเหมือนกัน เราไม่คิดเลยว่าเธอจะตื่นเต้นกับการส่งจดหมายถึงเคเดย์ได้ขนาดนั้น
อ่า น่าเสียดายที่รีบไปเสียก่อน เรายังไม่มีโอกาสถามเธอเกี่ยวกับ ‘นักวิชาการ’ ด้วยซ้ำ
โรเอลถอนหายใจด้วยความเสียใจที่เสียโอกาสในการได้ข้อมูลอันมีค่าไป แต่หากมองในแง่ดี มันก็ไม่น่าจะยากเกินไปสำหรับเขาที่จะเข้าหาคริสอีกครั้งในภายหลัง เนื่องจากเธอเป็นอาจารย์ของที่นี่ แต่ตอนนี้เขาควรจะมุ่งความสนใจไปที่ ‘ค่ำคืนแห่งปีศาจ’ ก่อน
เด็กหนุ่มกินอาหารพลางเล่นขวดไม้ในมือ ครุ่นคิดเกี่ยวกับข้อมูลเรื่องความผิดปกติในโบราณสถานอีกครั้ง แม้ว่ามันจะมาอย่างทันทีทันใด แต่เขาก็อาจจะไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับมัน
พอล แอคเคอร์มันน์ ยังอยู่ที่ระดับแก่นแท้ 5 ในช่วงเริ่มเกม โดยที่ไม่ได้มีทักษะกลโกงอะไรเลย ทำให้เขาถูกกำจัดออกจากโบราณสถานอย่างรวดเร็ว อีกทั้งตอนนั้นเขายังไม่มีเพื่อนในสถานศึกษา มันจึงเป็นไปได้ที่โบราณสถานในเกมเองก็มีความผิดปกติด้วยเช่นกัน เพียงแต่ว่าไม่ได้ถูกแสดงออกมาในมุมมองของตัวเอก
ความผิดปกติงั้นเหรอ? หรือว่านี่อาจจะทำให้โบราณสถานมีความอันตรายเท่ากับมิติของสถานะผู้เฝ้ามอง?
โรเอลส่ายหัว ก่อนจะเก็บขวดไม้และรีบรับประทานอาหารให้เสร็จ แล้วออกไปสำรวจสถาบันการศึกษาพร้อมกับวิญญาณนำทาง
ยังเหลือเวลาอยู่หลายชั่วโมงก่อนที่ ‘ค่ำคืนแห่งปีศาจ’ จะเปิดขึ้น ทำให้มีนักเรียนจำนวนมากเดินเตร็ดเตร่อยู่รอบ ๆ บริเวณสถาบันการศึกษาพร้อมกับลูกบอลเล็ก ๆ ในมือ แม้ว่าการเกลี้ยกล่อมสิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ เหล่านี้จะไม่ได้ง่ายสำหรับทุกคน ด้วยที่วิญญาณนำทางนั้นค่อนข้างจะจองหอง แต่ดูเหมือนว่าสำหรับโรเอลจะเป็นข้อยกเว้น
วิญญาณนำทางของโรเอลกำลังบินวนเวียนอยู่รอบตัวเขาอย่างกระฉับกระเฉง สร้างความตกตะลึงให้กับนักเรียนหลาย ๆ คนที่พบเจอเขาระหว่างทาง บางคนพยายามเข้าหาเขาเพื่อขอคำแนะนำ แต่โรเอลก็ไม่ได้มีเคล็ดลับอะไรที่จะแบ่งปันให้พวกเขาได้
ทำไมถึงไม่มีใครเชื่อเราเลย ก็บอกแล้วไงว่าเราไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษเลย?
ระหว่างจัดการกับนักเรียนที่มีปัญหาเหล่านี้ โรเอลก็มองดูวิญญาณนำทางที่มีชีวิตชีวาของตนอย่างงุนงง
โรเอลจำได้ดีว่าพอลต้องใช้เวลาตลอดทั้งบ่ายเพื่อเกลี้ยกล่อมสิ่งมีชีวิตตัวน้อยนี้ ดังนั้นเขาจึงเตรียมพร้อมสำหรับการเกลี้ยมกล่อมเป็นเวลานาน เด็กหนุ่มไม่คาดคิดเลยว่าหลังจากถูกกระตุ้นด้วยพลังเวทเพียงไม่นาน วิญญาณนำทางจะรักเขามากถึงขนาดนี้
นี่เป็นเพราะคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดของเรางั้นเหรอ คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดมงกุฎมีความสามารถพิเศษในการฝึกฝนสิ่งมีชีวิตด้วยเหรอ?
โรเอลครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะส่ายหัว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม มันเป็นเรื่องดีที่เขาสามารถสนิทสนมกับวิญญาณนำทางได้อย่างรวดเร็ว เพราะมันหมายความว่าเขาจะมีเวลาเหลือในการจัดการกับเรื่องอื่น ๆ ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงมุ่งหน้าไปที่อาคารสีขาวที่ตนเคยเห็นเมื่อผ่านประตูสถาบันในตอนแรก
เขาไม่ได้มีอาการความจำเสื่อม มันจึงไม่มีทางเลยที่โรเอลจะลืมเกี่ยวกับการสั่นพ้องอันน่าสนใจก่อนหน้านี้ได้ เขาวางแผนที่จะกลับมาตรวจสอบเรื่องนี้ทันทีที่มีเวลาว่างอยู่แล้ว
น่าแปลกที่โรเอลรู้สึกเหมือนว่าตนกำลังตามตรวจสอบเรื่องอื้อฉาวสกปรกของตระกูลแอสคาร์ด
หากพิจารณาจากคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดอันเป็นเอกลักษณ์ของโรเอลแล้ว ทางเดียวที่จะเป็นไปได้ก็คือ เขาอาจจะมีญาติที่มีพลังสายเลือดเดียวกันอยู่ นี่ทำให้เด็กหนุ่มเริ่มสงสัยว่าบิดาของตนล้มเหลวในการป้องกันตัวเอง และทิ้งลูกหลานเอาไว้ที่ไหนสักแห่งโดยไม่ได้ตั้งใจรึเปล่า?
ใช่ มันฟังดูไร้สาระมาก แต่ก็ไม่ได้ฟังไม่ขึ้นซะทีเดียว
ในไม่ช้าโรเอลที่เดินทางอย่างระมัดระวังก็มาถึงอาคารสีขาว ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจก็คืออาคารสีขาวนั้นเป็นเพียงอาคารที่ว่างเปล่า ที่ไม่มีจุดประสงค์ในการใช้สอยใด ๆ เลย
ตามที่ภารโรงที่รับผิดชอบในการบำรุงรักษาอาคารกล่าวไว้ อาคารนี้มักจะถูกสงวนไว้ให้ภาคีแห่งปัญญาใช้สอยในช่วงเริ่มต้นภาคเรียนใหม่ เพื่อช่วยในการโฆษณา เนื่องจากมันอยู่ใกล้ ๆ กับประตูทางเข้าสถาบันการศึกษา ซึ่งรับประกันการสัญจรไปมาที่ดี แต่มันก็ถูกยกเลิกไปทันทีที่ฤดูกาลรับสมัครสิ้นสุดลง
สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า มีขนาดใหญ่มาก โดยมันเกือบจะครอบคลุมขนาดอุทยานแห่งชาติในอดีตชาติของโรเอล นอกเหนือจากอาคารเรียนหลักแล้ว ยังมีสิ่งปลูกสร้างอีกมากมายที่ได้รับทุนจากการบริจาคโดยองค์กรภายนอก ขุนนางบางคนถึงกับทุ่มเงินให้กับสถาบันแห่งนี้เพื่อสร้างที่พักอาศัยส่วนตัวในสถาบัน ทำให้เกิดปัญหาอาคารถูกทิ้งร้างมากมาย
“มีใครมาที่นี่ก่อนพิธีเปิดภาคการศึกษาหนึ่งชั่วโมงรึเปล่า?”
“หนึ่งชั่วโมงก่อนพิธีเปิดภาคการศึกษางั้นเหรอ… น่าจะเป็นสมาชิกของหน่วยรักษาความปลอดภัยไม่ก็พวกภาคีแห่งปัญญาล่ะมั้ง”
ภารโรงตอบ
นี่ทำให้โรเอลตกอยู่ในห้วงความคิดลึก ๆ อีกครั้ง
มันเป็นเรื่องปกติที่หน่วยรักษาความปลอดภัยจะลาดตระเวนออกไปทั่วสถาบัน เพื่อตรวจตรารักษาความปลอดภัยในช่วงการเปิดภาคเรียน ดังนั้นโรเอลจึงเอนเอียงไปทางนั้นมากกว่า อย่างไรก็ตามพูดกันตามตรงแล้ว เขาไม่ต้องการที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่วยรักษาความปลอดภัยเลย เพราะมันเกี่ยวข้องกับลิเลียน
มันไม่ง่ายเลยสำหรับโรเอลที่จะตามหาคนที่อยู่ภายใต้การปกครองของลิเลียน การออกไปสอบถามเธออาจจะทำให้อีกฝ่ายคิดว่าเขากำลังวางแผนอะไรไม่ดีอยู่ก็เป็นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลที่น่าหัวเราะว่า ‘กำลังตามหาเครือญาติในสถานศึกษา’
ที่จริงผมมีพี่น้องที่หายจากกันไปนานอยู่ภายในหน่วยรักษาความปลอดภัยของคุณ คุณพอจะอนุญาตให้ผมตรวจสอบสมาชิกของคุณได้รึเปล่า?
ไม่ต้องเป็นอัจฉริยะก็พอจะรู้ได้ว่าลิเลียนจะตอบสนองต่อคำพูดเหล่านั้นอย่างไร มันฟังดูเป็นข้อแก้ตัวสำหรับการวางแผนร้ายที่แย่มาก ๆ เรียกได้ว่าถ้าอีกฝ่ายปล่อยให้โรเอลกลับไปได้ด้วยการถอนหายใจและกลอกตาเหนื่อยหน่ายก็ถือว่าเป็นบุญของเขาแล้ว
โรเอลถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินออกจากอาคารไป หลังจากเดินไปได้ไกลพอสมควร เขาก็หันกลับมามองอาคารอีกครั้งด้วยใบหน้าอันสับสน แต่เด็กหนุ่มก็รู้ตัวดีว่าเขาไม่อาจจะสามารถยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้ได้ เนื่องจากตระกูลแอสคาร์ดในตอนนี้ขาดแคลนทายาทเป็นอย่างมาก
“ช่างมันไปก่อนดีกว่า ถ้าเรามีพี่น้องที่หายจากกันไปนานที่นี่จริง ๆ พวกเราก็น่าจะมีโอกาสได้พบกันอีกแน่ ๆ ในอนาคต”
โรเอลปลอบตัวเองก่อนจะหันหลังเดินจากไป
ในขณะเดียวกันที่อีกด้านหนึ่งของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ลิเลียนในชุดเครื่องแบบนั้นกำลังยืนอยู่บนแท่น พลางจ้องมองไปยังป่าอันมืดมิดนั่งฟังการสนทนาของเหล่าผู้ติดตาม
“ผู้ถือแหวนในปีนี้น่าจะเป็นองค์หญิงของจักรวรรดิเซนต์เมซิทใช่ไหม?”
“ฉันว่าน่าจะเป็นแบบนั้นแหละ แต่ทางทายาทของผู้บริหารสมาคมพ่อค้าโรซ่าเองก็มีโอกาสที่ดีเช่นกัน ท่านลิเลียน ท่านคิดว่าอย่างไรบ้าง?”
ดวงตาสีม่วงของลิเลียนกะพริบเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามนี้ เธอจ้องมองไปยังป่าอันกว้างใหญ่ตรงหน้าขณะที่ร่างของเด็กหนุ่มผมสีดำแวบเข้ามาในหัวของเธอ
“ฉันเดาว่าปีนี้จะมีผู้ถือแหวนสามคน”
เด็กสาวกล่าว ก่อนที่เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะพากันจ้องมองไปที่เธอด้วยสายตาที่กำลังตกตะลึง