ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局 - บทที่ 256 มันจบแล้ว
บทที่ 256: มันจบแล้ว
สิ่งที่จำเป็นที่สุดในการต่อสู้คืออะไร? ความมุ่งมั่น? ความกล้าที่จะพุ่งออกไปโดยไม่ลังเล? จิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้?
ไม่ใช่ ไม่ใช่สิ่งเหล่านั้น
โรเอลเชื่อว่าสิ่งที่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติต้องการมากที่สุดในการต่อสู้คือความมีสติ
จังหวะการโจมตี พลังในการโจมตีแต่ละครั้ง ไพ่ตายที่ศัตรูน่าจะมีอยู่ในการครอบครอง ราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการโจมตี … มีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง เพื่อกำหนดการตัดสินใจที่เหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์ต่าง ๆ ของการต่อสู้
จากมุมมองดังกล่าวแล้ว โร แอสคาร์ดอาจกล่าวได้ว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดที่โรเอล เคยเผชิญมาจนถึงปัจจุบัน
นับตั้งแต่การตื่นขึ้นของพลังทางสายเลือด โรเอลไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะแพ้ให้กับคนที่มีระดับแก่นแท้เท่า ๆ กัน แต่โรนั้นได้ทำลายความภาคภูมิใจของเขาไปจนหมดสิ้น พวกเขาทั้งสองคนมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน ทำให้พวกเขาสามารถยืนหยัดในการต่อสู้อันดุเดือดนี้ได้
ต่างจากโรเอลที่อาศัยวิธีการจากภายนอกเพื่อยกระดับพลังของตน โรเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับ 3 โดยสุจริต ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงระดับพลังนี้ทำให้เขาสามารถดึงประโยชน์จากมันได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นจากคาถาเวท หรือพลังทางสายเลือด เห็นได้ชัดจากการที่เขาสามารถเสริมความแข็งแกร่งให้เทพเจ้าโบราณของตนได้โดยใช้พลังของคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดมงกุฎ คาถาเศษเสี้ยวสีทองแห่งมงกุฎ ซึ่งเป็นคาถาที่โรเอลยังไปไม่ถึง
โชคดีที่โรเอลก็มีความได้เปรียบในการต่อสู้ครั้งนี้เช่นกัน นั่นก็คือกรันด้าและเปตรา เห็นได้ชัดว่าทั้งราชาแห่งยักษ์และเทพธิดาแห่งผืนปฐพีนั้นเหนือกว่าเทพเจ้าโบราณที่พวกเขาเผชิญหน้ามาก ดังนั้นการเสริมประสิทธิภาพของโรแทบจะไม่ได้มีผลอะไรเลย
กรันด้าและเปตราคงชนะไปนานแล้ว หาไม่มีการแทรกแซงของโร
โรเอลจ้องไปที่บรรพบุรุษของเขา อีกฝ่ายนั้นดูมีเสน่ห์และทรงพลังมากขึ้นภายใต้แสงไฟอันเร่าร้อนของเปลวไฟ ความงามอันละเอียดอ่อนของโร ทำให้ยากต่อการแยกแยะว่าเขาเป็นชายหรือหญิง มันเป็นเสน่ห์แบบที่อันตรายถึงชีวิตสำหรับทั้งเพศชายและหญิง
น่าเสียดายที่โรเอลไม่มีอารมณ์ที่จะชื่นชมใบหน้าอันมีเสน่ห์ของบรรพบุรุษต่อ เขาหันความสนใจไปที่เปลวเพลิงที่ลุกโชนบนไหล่ของอีกฝ่าย
ธรรมชาติของพลังเวทนั้นแตกต่างกัน
รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ทำให้เขาตระหนักว่าบรรพบุรุษของเขามีเทพเจ้าโบราณสามองค์อยู่เคียงข้างเขาแทนที่จะเป็นสององค์ เพียงแต่องค์ที่สาม ‘เลือก’ ให้โรยืมความสามารถของเขาแทนที่จะแสดงร่างออกมา
เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติ
พลังของเทพเจ้าโบราณที่สำแดงออกมาอย่างสมบูรณ์นั้นแตกต่างจากการให้ความสามารถเพียงครึ่งเดียวมาก และเปลวไฟที่โรเสกขึ้นมาเองก็ไม่ได้รุนแรงพอที่จะทำให้พลังเวทออร่าเยือกแข็งของผู้สร้างธารน้ำแข็งหายไปโดยสมบูรณ์ อันที่จริงแล้ว โรเอลสามารถแช่แข็งโร แอสคาร์ดได้แล้วหลายต่อหลายครั้ง เพียงแต่ว่าอีกฝ่ายมักจะสลายไปในทันที แล้วควบแน่นกลับมา ฟื้นคืนชีพในลักษณะเดียวกับหมาป่าปีศาจ
ศัตรูที่ไม่มีวันตาย
โรเอลสิ้นหวังไปจังหวะหนึ่ง เพราะคิดว่าเขาคงจะไม่มีทางเอาชนะศัตรูคนนี้ได้ในการต่อสู้ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน อย่างไรก็ตามไม่นานนักเขาก็ตั้งสติกลับมาได้
ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าอมตะบนโลกนี้ พลังที่ท้าทายกฎธรรมชาติย่อมต้องแลกมาด้วยราคามหาศาลและข้อจำกัดที่ร้ายแรง นี่เป็นกฎเหล็กของทวีปเซีย
เราต้องพลาดสังเกตอะไรบางอย่างไปแน่ ๆ ต้องหาให้เจอว่าจุดอ่อนของมันคืออะไร นั่นคือกุญแจสู่ชัยชนะของเรา
โรเอลเริ่มทดลองสิ่งต่าง ๆ อย่างกล้าหาญเพื่อทดสอบการคาดเดาของตน หลังจาก ‘ฆ่า’ โร แอสคาร์ดไปหลายครั้ง ในที่สุดเขาก็รวบรวมหลักฐานเพียงพอที่จะสรุปได้
ทำไมโร แอสคาร์ดถึงพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า และเลือกที่จะไม่สำแดงเทพโบราณแห่งเปลวไฟออกมา? ทั้ง ๆ ที่นั่นน่าจะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่าในการเอาชนะพลังเวทน้ำแข็งของเรา
มันไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถเรียกเทพโบราณแห่งเปลวไฟตนนั้นออกมาได้ แสดงว่าการใช้พลังไฟครึ่ง ๆ กลาง ๆ แบบนี้ต้องมีเหตุผลอยู่เบื้องหลังแน่
การฟื้นคืนชีพอย่างต่อเนื่องนั้นเป็นความสามารถที่ได้มาจากหมาป่าปีศาจอย่างแน่นอน… แล้วทำไมถึงต้องใช้ไฟควบคู่ไปด้วยล่ะ?
โรเอลยกฝ่ามือขึ้นเพื่อปล่อยคลื่นพลังเวทน้ำแข็งปัดเป่าหมัดอันร้อนแรงจากโร แอสคาร์ด พลางมองดูเด็กหนุ่มผมยาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ทันใดนั้นเขาก็นึกออก
เงาของเขา!
เปลวไฟเป็นเพียงผลพลอยได้ สิ่งที่โร แอสคาร์ดต้องการคือแหล่งกำเนิดแสงเพื่อสร้างเงาที่ชัดเจนของตัวเอง นั่นเป็นเงื่อนไขที่เขาต้องการสำหรับการฟื้นคืนชีพอย่างไม่จำกัด ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเรียกเทพโบราณแห่งเปลวเพลิงให้ปรากฏออกมาและห่างออกไปจากตัวเขาได้
【นับถอยหลัง ระยะเวลาของคาถาเวท: 19, 18, 17…】
“เรามีเวลาเพียงพอสำหรับการโจมตีอีกแค่ครั้งเดียวแล้วสินะ”
โรเอลพึมพำกับตัวเองในขณะที่เขารู้สึกว่าพลังชีวิตของตนเริ่มตกลงสู่ก้นบึ้ง
เมื่อสิ้นสุดการนับถอยหลังนี้ โรเอลจะกลับไปที่ระดับแก่นแท้ 4 และเข้าสู่ช่วงอ่อนแอ เมื่อถึงเวลานั้น เขาจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอน แม้ว่าจะมีเทพเจ้าโบราณทั้งสองอยู่ด้วยก็ตาม
เราต้องชนะศึกนี้ให้ได้ ถ้าอยากจะรอด!
ดวงตาสีทองของโรเอล เปล่งประกายเจิดจรัสราวกับมีเปลวไฟลุกโชนอยู่ข้างใน เด็กหนุ่มพร้อมแล้วที่จะใช้การโจมตีที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังที่สุด
ทันทีที่โรเอลยกมือขึ้น พลังของตัวตนที่สูงกว่าก็หลั่งไหลออกมา ปฏิกิริยาของพลังเวทอันเย็นยะเยือกแผ่ไปทั่ว ทำให้เกิดหมอกสีขาวปกคลุมบริเวณโดยรอบ หมุนวนอย่างบ้าคลั่งไปรอบ ๆ พวกเขาทั้งสองคน
พายุหมอกสีขาวที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันบนเนินเขาทำให้พลังเวทที่ไหลเวียนอยู่พุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรงจนน่าสะพรึงกลัว และดึงดูดความสนใจของเหล่าทวยเทพโบราณในทันที
ทูตสวรรค์บนท้องฟ้าหยุดคาถาของตน หมาป่าปีศาจกลับลงมายังแผ่นดิน เทพธิดาแห่งผืนปฐพียืดร่างกายของเธอและจ้องมองด้วยความกังวล และโครงกระดูกยักษ์ก็หันศีรษะของเขาไปทางนั้น พวกเขาทุกคนตระหนักได้โดยสัญชาตญาณว่า มันถึงเวลาแล้วที่จะตัดสินผู้ชนะในการต่อสู้ครั้งนี้
ขณะที่น้ำแข็งก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วทีละชั้นทีละชั้น โรเอลก็ประกบมือเข้าหากันและบีบน้ำแข็งหลอมรวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นก้อนน้ำแข็งที่มีรูปร่างของหัวใจ
หัวใจแห่งธารน้ำแข็ง
นี่เป็นคาถาเวทที่เกิดขึ้นเมื่อโรเอลขับเคลื่อนพลังของผู้สร้างธารน้ำแข็งจนถึงขีดสุด หัวใจน้ำแข็งที่ดูละเอียดอ่อนและวิจิตรงดงามจนอาจเป็นชิ้นงานศิลปะได้ แต่ทุก ๆ ส่วนของมันมีศักยภาพที่จะปลดปล่อยภัยพิบัติของน้ำแข็งอนันตกาลออกมา
โร แอสคาร์ดที่สวมชุดกันไฟถอยกลับในทันทีเมื่อสังเกตเห็นพลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้ เขาก้มศีรษะลงอย่างแข็งทื่อ จ้องมองไปที่หัวใจน้ำแข็ง ทันใดนั้นเองโรเอลก็จับก้อนหัวใจแห่งธารน้ำแข็งไว้แล้วบีบมัน
คริก! เพล้ง!
หัวใจแห่งธารน้ำแข็ง ระเบิดออก
โดยที่ไม่ทันตั้งตัว โร แอสคาร์ดถูกคลื่นเย็นเฉียบที่พวยพุ่งออกมาดับไฟของเขาและกลืนกินร่างกายทั้งหมดไปอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตาร่างของเขาก็ถูกผนึกด้วยน้ำแข็งอนันตกาล ห่อหุ้มใบหน้าที่กำลังตกใจของเขาไว้อย่างถาวร
จังหวะนั้นเองหมอกสีขาวก็ไหลเข้ามาปกคลุมรอบตัวทั้งสอง ปิดกั้นแหล่งกำเนิดแสงภายนอกทั้งหมด ราวกับว่าพวกเขาทั้งสองถูกขังอยู่ในคุกที่มีหมอกสีขาวเยือกแข็ง สภาพแวดล้อมที่แทบจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ อยู่รอดได้นอกจากโรเอล
“มันจบแล้ว”
โรเอลพึมพำขณะจ้องมองไปยังความมืดมิดตรงหน้า
ขณะที่ฆ่าโร แอสคาร์ด เด็กหนุ่มได้ตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าได้ทำลาย และปิดกั้นแหล่งกำเนิดแสงทั้งหมดไปพร้อม ๆ กัน นี่เป็นวิธีที่เขาคิดขึ้นเพื่อเอาชนะศัตรูที่ไม่มีวันตาย และการโจมตีของเขาก็จัดการอีกฝ่ายได้สำเร็จ
【นับถอยหลัง ระยะเวลาของคาถาเวท: … 2, 1, 0.】
เมื่อการนับถอยหลังสิ้นสุดลง โรเอลก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขากำลังสูญเสียพลังงานอย่างรวดเร็ว หมอกสีขาวที่ปกคลุมรอบตัวเขาและโร แอสคาร์ดค่อย ๆ หายไป ทำให้เขามองเห็นได้ดีขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ฉากอันสงบสุขนี้ได้ถูกทำลายลงโดยคำเตือนอย่างวิตกกังวลของเปตรา
“โรเอล อย่าเพิ่งคลายมัน! มันยังไม่จบ!”
“หา?”
ครึก!
ก่อนที่โรเอลจะสามารถประมวลผลสิ่งที่ เปตราพูดออกมาได้ เด็กหนุ่มก็รู้สึกปวดท้องอย่างรุนแรง แสงสว่างรอบ ๆ ตัวทำให้เขามองเห็นร่างอันคลุมเครือตรงหน้า มือที่เพร่ามัวก็แทงเข้ามาที่ท้องของเขา
ดวงตาของโรเอลเบิกกว้างขึ้น พร้อมเลือดที่ไหลออกมาจากปาก สภาพที่อ่อนแออย่างสุดขีดและการจู่โจมที่ไม่คาดคิดทำให้ร่างกายของเขาทรุดตัวลงคุกเข่า หมอกสีขาวจางหายไปในอัตราที่เร็วขึ้นมากกว่าเดิม จนในที่สุดก็เผยให้เห็นใบหน้าอันเยือกเย็นของโร แอสคาร์ดที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา
เข้าใจแล้ว เงาทำหน้าที่เร่งพลังการฟื้นคืนชีพของเขา ไม่ใช่เงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับมัน
สติของโรเอล เริ่มเลือนลางภายใต้ความเจ็บปวด แต่ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจความสามารถของโร แอสคาร์ดรวมทั้งจุดบอดในแผนการของตัวเอง การปรากฏตัวของเงาที่ชัดเจนทำให้อีกฝ่ายสามารถเร่งการฟื้นฟูได้ ซึ่งความสามารถนั้นยังคงทำงานแม้ว่าเงาของเขาจะหลอมรวมเข้ากับความมืด
แทนที่จะฆ่าเงาของเขาด้วยความมืดมิดทั้งหมด โรเอลควรจะฆ่ามันด้วยแสงอันไม่มีที่สิ้นสุด
นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของบรรพบุรุษที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลแอสคาร์ดงั้นเหรอ? ใครกันจะสามารถฆ่าเขาในสภาพที่เต็มร้อยได้?
โรเอลถอนหายใจเบา ๆ แต่ครู่ต่อมา รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา มันเป็นรอยยิ้มอันร่าเริงของชัยชนะ
“บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ามันจบแล้วน่ะ”
โรเอลคว้าแขนของโร แล้วเรียกเอสเซนด์วิงออกมา ส่องแสงไปข้างหน้าด้วยพลังที่เหลืออยู่ ภายใต้การกระตุ้นจากพลังเวทของเขา ดาบแห่งนักบุญ 12 ปีกก็ปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์ระเบิดออกไปรอบ ๆ ทำให้เกิดคลื่นกระแทกที่เขย่าหมอกสีขาวจนหายไปโดยสมบูรณ์
ในที่สุดไพ่ตายใบสุดท้ายที่โรเอลเตรียมไว้ก็ถูกเปิดเผย
กระจกน้ำแข็งกว่าร้อยอันถูกสร้างขึ้นมาล้อมรอบมนุษย์ทั้งสอง ไม่ว่าจะเป็นบนพื้น บนท้องฟ้า หรือรอบตัวพวกเขา พวกมันถูกซ่อนอยู่ในหมอกสีขาวมาโดยตลอด
แสงศักดิ์สิทธิ์ที่กระจัดกระจายจากเอสเซนด์วิง กระทบกระจกน้ำแข็งและก่อตัวเป็นลำแสงนับพันที่สะท้อนจากกระจกหนึ่งไปยังอีกกระจกหนึ่งในมุมที่ต่างกัน มาบรรจบกัน ณ จุดเดียว ปกคลุมร่างของเด็กหนุ่มผมยาวด้วยแสง
ภายใต้แสงอันเจิดจ้า ไม่มีที่ว่างสำหรับความมืดและเงาอีกต่อไป ใบหน้าอันเฉยเมยของโร แอสคาร์ด ในที่สุดก็เผยให้เห็นถึงความตกใจอย่างแท้จริง
ฉึก!
เสียงกริชพุ่งเข้าใส่หัวใจของโร ในจังหวะเดียวกันกับที่รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโรเอล ก่อนที่ร่างของทั้งสองจะล้มลงบนพื้นไปพร้อม ๆ กัน