ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局 - บทที่ 308 ราชาแห่งเผ่าพันธุ์ (1)
- Home
- ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局
- บทที่ 308 ราชาแห่งเผ่าพันธุ์ (1)
บทที่ 308 : ราชาแห่งเผ่าพันธุ์ (1)
ฝนดาวตกกำลังตกใส่เมืองเลนสเตอร์
ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นในหัวของทุกคนในขณะที่ท้องฟ้ายามค่ำคืนสว่างไสวด้วยแสงที่ทำให้ตาพร่า มันเป็นภาพที่ค่อนข้างลึกลับ ปกคลุมฟากฟ้าด้วยแสงอันสวยงาม พยานในเหตุการณ์นี้ไม่ได้รู้สึกกลัว แต่รู้สึกได้ถึงความสิ้นหวังอันท่วมท้น…
“รุ่นพี่!”
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนสภาพแวดล้อมของโรเอลถูกย้อมด้วยแสงสีขาว เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายในทันที
ไกลออกไปผู้เฒ่าชุดดำมองดูฝนดาวตกด้วยสีหน้าไม่ใส่ใจบนใบหน้าของเขา
พริสเลย์ แม็กเวล
นี่เป็นชื่อที่ทุกคนร้องสรรเสริญในยุคนี้
ภาพแรกที่ผู้คนนึกถึงเมื่อกล่าวถึงเขาคือชายชราที่ฉลาดและอ่อนโยน พลเมืองของอาณาจักรแห่งการศึกษา โบรเนลต่างเคารพเขาในฐานะปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ นักวิชาการต่างขนานนามเขาว่าเป็นผู้ที่ฉลาดที่สุดในอาณาจักร ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติต่างเคารพเขาในฐานะราชาจอมเวทย์
พริสเลย์ได้สะสมบารมีไว้มากมาย เมื่อเวลาผ่านไปจนไม่มีใครจำได้ทั้งหมด เขาแบกรับน้ำหนักของมวลมนุษยชาติไว้บนบ่า ทว่าในขณะที่เขามองดูการทำลายล้างที่กำลังถล่มเมืองที่เขาเคยรักและปกป้อง ทุกสิ่งที่มองเห็นได้บนใบหน้าของเขามีเพียงความเย็นชา
เป็นเวลากว่าร้อยปีแล้วตั้งแต่ที่พริสเลย์ได้แปรพักตร์ไปหาภราดรภาพแห่งการกอบกู้ หลังจากที่สภาพร่างกายของเขาเริ่มแย่ลงไปเรื่อย ๆ เขาสร้างแผนการอันแยบยลขึ้นในร้อยปีนี้ จนชัยชนะดูเหมือนจะอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมมือ แต่จู่ ๆ ร่างที่ไม่คาดคิดก็มาถึงเลนสเตอร์
ตระกูลแอสคาร์ด…!
ตระกูลนี้เป็นตระกูลโบราณที่มีสายเลือดอันยาวนาน ซึ่งพริสเลย์ไม่เคยลดความระมัดระวังลงมาเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องรับมือกับผู้ที่มีพลังทางสายเลือดของตระกูลแอสคาร์ด แม้ว่าพวกเขาจะต้องแบกรับภาระหน้าที่หนักอึ้ง แต่พวกเขาก็ได้รับพรและพลังอัศจรรย์เป็นข้อแลกเปลี่ยน ทำให้อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้เมื่อพวกเขามีส่วนร่วม…
นี่เป็นการประเมินโดย พริสเลย์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
มันเหมือนกับว่าหากมีตระกูลแอสคาร์ดเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว ก็จะไม่มีอะไรแน่นอนอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นระดับที่ต่างกันไปหรือกฎเกณฑ์ของโลก พวกเขาเป็นขุมทรัพย์ของความเป็นไปได้ มักจะทำสิ่งต่าง ๆ ที่ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นไปได้สำเร็จ มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยโบราณ และพริสเลย์ไม่คิดว่านี่จะเป็นข้อยกเว้น
ดวงตาที่ขุ่นมัวของเขามองดู เมืองเลนสเตอร์ ที่สั่นสะเทือนภายใต้การโจมตีของเขา แต่เด็กสองคนที่เขาเล็งเอาไว้กลับยังไม่ได้กลายเป็นไอ
เมื่อแสงที่เจิดจ้าหายไปในที่สุด โครงกระดูกขนาดใหญ่และงูสีดำขนาดมหึมาก็ปรากฏขึ้นรอบ ๆ เด็กทั้งสอง โครงกระดูกครึ่งหนึ่งละลายไปภายใต้ฝนดาวตก และงูดำก็ดูเหมือนจะอยู่ในสภาพลมหายใจสุดท้ายของมันเช่นกัน
แม้จะไม่มีวิญญาณ แต่ตัวตนระดับสูงเหล่านี้ก็ยังคงสามารถปกป้องเจ้านายของพวกเขาได้…
ในขณะที่การปรากฏตัวของเทพเจ้าโบราณค่อย ๆ หายไป เด็กหนุ่มดำก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ความเจ็บปวดที่เขาได้รับดูเหมือนจะไม่ได้บั่นทอนความตั้งใจในการต่อสู้ของเขา แต่ทำให้เขามีความแน่วแน่มากขึ้น
“สัมผัสธารน้ำแข็ง”
ด้วยเสียงพึมพำโรเอลได้ปล่อยหมอกสีขาวที่พุ่งเข้าหาชายชราที่ถือไม้เท้าอยู่ไกลๆ
ในเวลาเดียวกันพลังเวทย์ระเบิดอันทรงพลังแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนก็พุ่งออกมาจากลิเลียน เสียงแตรสงครามดังสนั่นไปทั่วเมือง ขณะที่เสียงร้องของสงครามเริ่มก้องไปทั่วเมืองเลนสเตอร์ ทหารพุ่งเข้าหาผู้กระทำความผิดที่พยายามจะปลิดชีพนายของตนโดยไม่ลังเล…
ทหารเหล่านี้มาในรูปแบบต่าง ๆ มีหน่วยเกราะหนักที่สลักตราสิงโตดุร้าย ทหารม้าถือทวนจากกลุ่มอัศวินสีน้ำเงิน และกลุ่มนักธนูที่ใช้อุปกรณ์เวทย์ลึกลับ ภายใต้คำสั่งของราชินี พวกเขารีบเคลื่อนตัวไปล้อมเป้าหมาย
ภายในเวลาไม่นาน ลูกศรพลังทำลายล้างก็โปรยลงมาใส่ร่างของพริสเลย์
ข้าง ๆ ลิเลียน มีจอมเวทย์ในชุดเสื้อคลุมสีแดงนับพันยกไม้เท้าที่ส่องแสงระยิบระยับของพวกเขาขึ้นสูง และพึมพำบดสวดคาถาลึกลับ พวกเขากำลังร่ายคาถาเวทย์ระดับกองทัพที่เกินกว่าระดับของจอมเวทย์ที่ไหนจะสามารถทำได้ด้วยตัวเอง
หลังจากการจู่โจมที่คาดไม่ถึงจากศัตรู ทั้งโรเอลและลิเลียนก็ตอบโต้อย่างสุดกำลังของพวกเขาทันที สัญชาตญาณของพวกเขาบอกว่าพวกเขาได้พบกับศัตรูอันน่าสะพรึงกลัวที่ไม่สามารถประเมินได้ด้วยสามัญสำนึก และมันไม่ฉลาดเท่าไหร่สำหรับพวกเขาที่จะต่อสู้สวนกลับ
สภาพของโรเอลแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ลิเลียนต้องก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อปกป้องเขาไว้ข้างหลังเธอ แต่แขนที่สั่นเทาของเด็กสาวก็เผยให้เห็นว่าเธอขาดความมั่นใจ ทั้งสองคนสัมผัสได้ว่าศัตรูนั้นยังไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่ และการคาดเดาของพวกเขาก็ไม่ผิด…
ฝนดาวตกที่สั่นสะเทือนทั่วเลนสเตอร์ ไม่มีอะไรมากไปกว่าคำทักทายจากพริสเลย์ แม้ว่าเขาจะเดินทางมาที่นี่เป็นพิเศษเพื่อฆ่าสองคนนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองควรจะลอบสังหารเด็ก ๆ เหล่านี้ที่ด้อยกว่า
มันเป็นความภาคภูมิใจของเขาในฐานะราชาจอมเวทย์
ทหารหลายพันนายล้อมพริสเลย์ไว้ใต้แสงจันทร์ แตรสงครามของพวกเขายังคงส่งเสียงดังไปทั่วพื้นที่รอบตัวเขา แผ่นดินสั่นสะเทือนภายใต้กีบของม้าศึก ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยลูกศรและน้ำค้างแข็ง
ถึงกระนั้นชายชราในชุดดำก็ยังคงไม่สะทกสะท้าน…
เขาจ้องไปที่ทั้งคู่ด้วยดวงตาอันเฉียบแหลมเป็นเวลานานก่อนที่จะถอนหายใจเบาๆ
“น่าทึ่ง…” เขากล่าว
ถ้าโรเอลสามารถบอกที่มาของทหารเหล่านี้ได้ นักวิชาการที่มีชื่อเสียงอย่างพริสเลย์จะไม่รู้ได้อย่างไร?
พลังเวทย์น้ำแข็งอันน่าขนลุกและกองทัพที่ทรงพลังก็น่าจะเพียงพอที่จะทำลายผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 2 ได้อย่างง่ายดาย หากเขาไม่ได้อยู่ในลัทธิชั่วร้าย เขาคงจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อปกป้องเด็ก ๆ สองคนนี้อย่างแน่นอน
แต่นั่นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า…ความเป็นไปได้ในอดีต
เมื่อเผชิญกับการโจมตีจากทุกทิศทุกทาง ทันใดนั้นร่างกายของพริสเลย์ก็เปล่งแสงแวววาวซึ่งทำให้ลูกศรธาตุทั้งหมดกลายเป็นไอ ในเวลาเดียวกันพลังเวทย์น้ำแข็งก็กระจัดกระจายออกไปอย่างแรง
จอมเวทย์ชรายกไม้เท้าของเขาให้สูงขึ้น และรูปเคารพปีศาจที่อยู่บนปลายไม้เท้าของเขาก็กลับมามีชีวิตขึ้นมาในทันที มันอ้าแขนออกกว้างพร้อมปล่อยเสียงแห่งความตายออกมา
“แย่แล้ว!”
ดวงตาของโรเอลเบิกกว้างด้วยความสยดสยองเมื่อได้เห็นไม้เท้าของชายชรา พลางหวนนึกถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์…
ไม้เท้าเสียงมรณะ!
ตำนานเล่าว่าวิญญาณปีศาจสถิตอยู่ภายในไม้เท้านี้ เมื่อมันถูกปลดปล่อยออกมา ปีศาจก็จะฆ่าทุกคนในพื้นที่ที่กำหนดโดยไม่เลือกหน้า ครั้งหนึ่งมันเคยคร่าชีวิตหนึ่งหมื่นชีวิตในการต่อสู้กับพวกกลายพันธุ์
ทันทีที่คำอธิบายของอาวุธศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัวเข้ามาในหัวของเขา การคาดเดาของเขาได้รับการยืนยันโดยความเป็นจริงอันโหดร้าย
ทุกอย่างที่อยู่ในระยะ 100 เมตรจากชายชราชุดดำทรุดตัวลงกับพื้นภายใต้เสียงกรีดร้องที่เสียดแทง ไม่ว่าจะเป็นอัศวินหรือม้าศึก คนที่ยืนต่อหน้าเสียงกรีดร้องของปีศาจต่างสูญสิ้น
ลิเลียนตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่พลิกผันนี้ แต่เพียงชั่วครู่แห่งความลังเล เธอก็เพิ่มความมุ่งมั่นและสั่งให้ทหารของเธอโจมตีต่อไป
เด็กสาวไม่มีทางเลือกอื่น เธอต้องซื้อเวลาเอาไว้ให้กับเหล่าจอมเวทย์ได้ร่ายคาถาเวทย์ระดับกองทัพจนจบ
ศพซ้อนกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในขณะที่ทหารผู้กล้าหาญพุ่งเข้าหาศัตรู แต่ก็ไม่มีสักคนที่สามารถไปถึงรัศมีสิบเมตรรอบตัวพริสเลย์ได้เลย ช่างเป็นภาพที่น่าเศร้าเป็นอย่างยิ่ง
คนเดียวที่รอดพ้นจากเสียงร้องนี้คือกรันด้า แต่เมื่อไม่มีวิญญาณ โครงกระดูกยักษ์ก็ไม่ใช่ภัยคุกคามต่อพริสเลย์…
พลังเวทย์น้ำแข็งและฝนลูกธนูยังคงพุ่งเข้าหาพริสเลย์ แต่พวกมันกลับสลายกลายเป็นไอก่อนที่จะสร้างความเสียหายได้
ทุกวินาทีในสนามรบรู้สึกยาวนานหลายปีสำหรับโรเอลและลิเลียน เมื่อเสียงร่ายคาถาเวทย์ของเหล่าจอมเวทย์หยุดลง ความกดดันที่อธิบายไม่ได้จากท้องฟ้าอันยิ่งใหญ่ก็ไม่อาจละเลยได้อีกต่อไป ความหวังได้จุดประกายขึ้นอีกครั้งในสายตาของลิเลียน
ในที่สุดเวลาเตรียมการอันยาวนานสำหรับ ‘คาถาเวทย์ระดับกองทัพทัณฑ์สวรรค์’ ก็เสร็จสิ้น
ทันทีที่แตรสงครามสงบลงจอมเวทย์ในชุดเสื้อคลุมสีแดงนับพันก็ยกไม้เท้าขึ้นพร้อมกัน สร้างบอลทรงกลมสีขาวที่ทำให้ตาพร่า ชวนให้นึกถึงดวงอาทิตย์โผล่ออกมาจากท้องฟ้าอันมืดมิด ส่องสว่างไปทั่วเมืองราวกับว่าเป็นทัณฑ์จากสวรรค์ เริ่มพุ่งเข้าใส่พริสเลย์
คาถาเวทย์ถูกร่ายโดยผู้วิเศษกว่าพันคนและไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ พลังเวทย์ของมันรุนแรงมากเสียจนทำให้การรับรู้ของโรเอลเปลี่ยนไป
ตามชื่อของมัน มันเหมือนกับการลงทัณฑ์ของทวยเทพ
เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีที่พร้อมจะทำลายล้างโลก ในที่สุดพริสเลย์ก็เก็บไม้เท้าเสียงมรณะไปแล้วใช้พลังทางสายเลือดของเขา
จอมเวทย์ชราผ่าแผลบนฝ่ามือแล้วบีบเลือดออก ทันทีที่เลือดของเขาหยดลงบนพื้น ระลอกคลื่นของพลังเวทย์อันรุนแรงก็กวาดไปทั่วบริเวณโดยรอบ ทำให้หญ้าเริ่มงอกออกมาจากพื้นดินที่แห้งแล้ง
ต้นไม้ลึกลับที่ประดับประดาไปด้วยแสงระยิบระยับผุดขึ้นมาจากพื้นดิน ดึงดูดวิญญาณนับไม่ถ้วนที่เริ่มเคลื่อนตัวไปรอบๆ
สวรรค์ที่ไร้ตัวตนได้ถือกำเนิดขึ้นใจกลางสนามรบที่ย้อมไปด้วยความมืดและเลือด ในที่สุดทัณฑ์จากสวรรค์ก็ตกลงบนพื้นและทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางทาง แต่สวรรค์ที่ไร้ตัวตนของพริสเลย์ก็ยังคงไม่สะทกสะท้านราวกับว่ามันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับคนบาป
พายุฝุ่นพัดผ่านบริเวณโดยรอบ การระเบิดและคลื่นกระแทกทำลายทุกอย่างภายในรัศมีพันเมตร แต่พริสเลย์ก็ยังคงไม่ได้รับอันตรายใดๆ