ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局 - บทที่ 312 วางชีวิตของฉันบนเส้นด้าย
- Home
- ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局
- บทที่ 312 วางชีวิตของฉันบนเส้นด้าย
บทที่ 312 : วางชีวิตของฉันบนเส้นด้าย
มีแสงส่องสว่างอยู่เหนือกำแพงอันสูงตระหง่านของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ก่อนที่ร่างของเด็กหนุ่มจะปรากฏตัวขึ้นและล้มลงไปกับพื้น
“แค่ก!”
โรเอลกระอักเลือดออกมาอย่างแรง ด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสที่เขาได้รับและภาระที่เกิดจากเคลื่อนย้ายมิติทำให้เขาใกล้จะตายเต็มที แต่เมื่อคิดถึงลิเลียนเด็กหนุ่มก็กัดฟันและตั้งสติกลับมาได้…
เขาไม่ได้กำลังจะยอมแพ้ เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อสิ้นหวัง แต่เพื่อตามหาความหวัง!
ลมกลางคืนอันหนาวเย็นพัดมาจากมุมกำแพงของสถาบันการศึกษา ทำให้สภาพแวดล้อมรอบตัวเขาดูมืดมนและรกร้าง ทว่าทันทีที่เขาเข้าไปในเกราะพลังเวทย์ เขาก็สัมผัสได้ว่ามีคนกำลังมองเขาอยู่
โดยไม่ลังเลใด ๆ โรเอลดึงเอาเอสเซนด์วิงออกมา และแทงมันพุ่งเข้าหาหัวใจของตน แต่ก่อนที่ใบมีดจะแทงลงไปแสงสีรุ้งก็ปรากฏขึ้น ปิดกั้นมันเอาไว้
“เจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ?!”
การกระทำที่ของโรเอลได้รับการตอบรับทันที ด้วยเสียงที่โกรธจัดของผู้หญิง
เมื่อมองไปยังบรรพบุรุษของเขาที่ถูกบังคับให้ปรากฏตัวขึ้น โดยการขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย โรเอลก็รู้ว่าเขาต้องโน้มน้าวแอสตริดให้ช่วยลิเลียนให้เร็วที่สุด
แต่ก่อนที่จะทำเช่นนั้นได้ เขาต้องเข้าใจก่อนว่าทำไมเธอถึงเลือกที่จะเมินต่อชะตากรรมของพวกเขา
การต่อสู้กับพริสเลย์เกิดขึ้นไม่ไกลจากสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูงซึ่งมีชีวิตอยู่เป็นเวลาหลายศตวรรษ สามารถครอบคลุมระยะทางดังกล่าวได้อย่างง่ายดายภายในเวลาไม่นาน สิ่งนี้บอกเป็นนัยว่าแอสตริดมีเหตุผลบางอย่างที่บังคับให้เธอต้องเมินเฉยต่อสภาพการณ์ของพวกเขา
“ทำไมคุณถึงไม่ช่วยพวกเราล่ะ”
โรเอลจ้องไปที่ผู้หญิงตรงหน้าเขาด้วยดวงตาสีทองอันเฉียบคม เลือดยังคงไหลออกจากร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว ก่อตัวเป็นแอ่งน้ำที่เปื้อนรองเท้าของแอสตริดอย่างรวดเร็ว
แอสตริดทนไม่ได้ที่จะเห็นสีหน้าของโรเอล เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปิดเผยความจริงด้วยน้ำเสียงอันขมขื่น
“เด็กน้อย ข้าต้องขอโทษด้วยเรื่องพี่สาวของเจ้า แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ข้าสามารถเคลื่อนไหวได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และข้าไม่มีโอกาสที่จะชนะพริสเลย์ที่นั่นได้เลย ข้าต้องเผชิญหน้ากับเขาในสถาบันการศึกษาเท่านั้น”
“อย่างนั้นเองเหรอ?”
โรเอลตอบกลับคำอธิบายของแอสตริดอย่างใจเย็น เขาเอื้อมมือเข้าไปในเสื้อคลุมและดึงกล่องออกมา ภายในนั้นมีพลอยที่ส่องประกายระยิบระยับอยู่ก้อนหนึ่ง
ทันทีที่เด็กหนุ่มหยิบอัญมณีออกจากกล่อง ทั้งสองคนก็ได้ยินเสียงเรียกของพายุที่กระซิบข้างหู สายลมแห่งความมืดเริ่มหมุนรอบ ๆ พวกเขา ปะทะกับกระแสลมตามธรรมชาติอย่างฉุนเฉียว
โรเอลยื่นข้อเสนอของเขาออกมา ทำให้แอสตริดเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
“ช่วยเธอซะ…ฉันจะเป็นคนฆ่าพริสเลย์เอง ”
“!”
ดวงตาสีรุ้งของแอสตริดหดตัวลงอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น แต่โรเอลที่บาดเจ็บสาหัสยังคงสงบจนผิดปกติ
มันเป็นความจริงที่พริสเลย์นั้นทรงพลัง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาลืมไป นั่นก็คือในเมืองเลนสเตอร์ ยังมีสิ่งหนึ่งที่อาจจะคุกคามเขาได้หลงเหลืออยู่…ผู้เรียกพายุ
ดูเหมือนว่าภาคีแห่งนักบุญได้เตรียมไพ่ตายใบนี้เอาไว้เป็นพิเศษเพื่อกำจัดเขา
หกภัยพิบัติเป็นภัยพิบัติที่กลืนกินอารยธรรมมาแล้วนับไม่ถ้วน แม้แต่ราชาจอมเวทย์ที่ไปถึงจุดสูงสุดของมนุษยชาติก็ไม่อาจรอดจากการทำลายล้างของพวกมันได้
จริงอยู่ที่ว่าโรเอลต้องใช้เวลาสำหรับการดูดซับพลังของไข่ แต่มันก็ยังเป็นไปได้สำหรับเขาที่จะปลดปล่อยสัตว์ประหลาดโบราณนี้ออกมาเพื่อทำลายพริสเลย์
แอสตริดเข้าใจเจตนาของโรเอลได้ในทันที
“ฉันยินดีที่จะทำให้ราชาจอมเวทย์ตายตกตามกันไปด้วย อย่างไรก็ตามขอให้คุณช่วยรุ่นพี่ลิเลียน นี่เป็นคำขอเดียวของฉัน และฉันขอให้คุณยอมรับมัน”
ใบหน้าของแอสตริดสั่นไหวด้วยความไม่แน่ใจ ขณะที่ตาสีรุ้งของเธอกับดวงตาสีทองของโรเอลสบกัน เธอก็สัมผัสได้ถึงความแน่วแน่ที่ซ่อนอยู่ภายในของเขา หลังจากเกิดภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ เธอตัดสินใจได้ และในที่สุดหัวใจของเธอก็สงบลง
“เข้าใจแล้ว… เจ้าทุกคนเป็นเด็กที่กล้าหาญมาก…”
แอสตริดกล่าว จากนั้นร่างกายของเธอก็เริ่มเปล่งแสงสีรุ้งออกมา
“เธอจะต้องไม่เป็นไรแน่ ข้าขอสัญญา…”
ด้วยคำพูดเหล่านั้น ร่างของเธอก็หายไปจากสายตาของโรเอลออกสู่สนามรบ
…
เราทำสำเร็จแล้ว!
เมื่อเห็นสภาพแวดล้อมที่ว่างเปล่าหลังจากการจากไปของแอสตริด โรเอลก็รู้สึกเหมือนว่าภาระอันใหญ่หลวงถูกปลดออกจากอกของเขา เขายกมือที่สั่นเทาขึ้น เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าออกเบา ๆ ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกสบายใจอย่างสุดซึ้ง
การได้รู้ว่าลิเลียนนั้นจะได้รับการช่วยเหลือทำให้เด็กหนุ่มโล่งใจ แต่ในขณะเดียวกันความโกรธเกรี้ยวและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ก็ยังคงเปล่งประกายอยู่ภายในหัวใจของเขา
แม้ว่าโรเอลจะเกลี้ยกล่อมแอสตริดโดยบอกว่าเขาเต็มใจที่จะตายไปพร้อมกับพริสเลย์ แต่ความจริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำเช่นนั้นเลย ด้วยที่ลิเลียนเสี่ยงตัวเองเพื่อไม่ให้เขาต้องมาตายในที่แบบนี้ และตัวเขาเองก็เชื่อมั่นว่ายังมีทางอื่นในการเอาชนะหลงเหลืออยู่
จนถึงตอนนี้ สถานะผู้เฝ้ามองเป็นอุปสรรคที่ยากลำบาก แต่ก็สามารถแก้ไขได้เสมอ และโรเอลเองก็ ถือกุญแจสำคัญสองดอกเอาไว้ในมือของเขา สิ่งที่เขาขาดไปก็คือปัญญา เด็กหนุ่มเชื่อว่าตราบใดที่สามารถไขปริศนาบางอย่างออก เขาก็น่าจะสามารถโค่นพริสเลย์ลงได้
โรเอลใส่อัญมณีกลับเข้าไปในกล่อง จากนั้นพายุที่ก่อตัวรอบ ๆ เขาก็หยุดนิ่งไป
…
ขณะเดียวกัน พลังเวทย์ที่ควบแน่นก็ปะทุขึ้นเป็นจังหวะท่ามกลางสนามรบที่อยู่ออกไปไม่ไกล แสงสีรุ้งปะทะกับพลังสีขาว ทำให้เกิดการระเบิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
หลังจากหลายปีผ่านมา มหาอำนาจทั้งสองที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดท่ามมวลมนุษย์ ก็ยืนหยัดเผชิญหน้ากันและกันด้วยฝีมือของโรเอลและลิเลียน
…
“ข้าคือผู้บัญชาการกองทหารรักษาการณ์ แอนโตนิโอและสมาชิกของสมัชชานักปราชญ์พลบค่ำโดยใช้นามแฝงว่า ‘ผู้พิทักษ์’”
ข้างหน้าโรเอลผู้บาดเจ็บสาหัสมีใบหน้าอันคุ้นเคยแต่ดูแปลกตาปรากฏขึ้น
ด้วยการโบกมืออย่างอ่อนโยน แอนโตนิโอร่ายคาถาเวทย์ เรียกวิญญาณที่เปล่งประกายออกมาจำนวนหนึ่ง ให้เริ่มเต้นรำไปรอบ ๆ ตัวของโรเอล
“อาจารย์ ไม่สิ คุณแอนโตนิโอ นี่มัน…?”
เปลือกตาของโรเอลเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เขารู้สึกว่าบาดแผลเริ่มค่อย ๆ หายเป็นปกติ ด้วยพลังของวิญญาณเริงระบำที่อยู่รอบ ๆ เขา
“มันเป็นวิญญาณในความฝันของท่านแอสตริด”
“ความฝัน…วิญญาณ?”
“ใช่ ท่านแอสตริดครอบครองพลังสายเลือดของผู้ท่องความฝัน วิญญาณพวกนี้คือลูกน้องของเธอ”
แอนโตนิโออธิบาย
โรเอลเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ในที่สุดเขาก็เข้าใจเหตุผลที่เบื้องหลังอายุที่ยืนยาวของบรรพบุรุษแล้ว ทว่าความสงสัยอีกอย่างหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจของเขาอย่างรวดเร็ว
ผู้ท่องความฝัน? นั่นเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถเดินทางข้ามความฝันของสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันได้ใช่ไหม? พวกเขาเป็นตัวตนที่แทบจะไม่มีวันควบคุมได้นี่นา มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่การเคลื่อนไหวของแอสตริด จะถูกจำกัดไว้ที่นี่
โรเอลแสดงความสงสัยต่อแอนโตนิโอ ซึ่งอีกฝ่ายก็ก้มหน้าลงอย่างเศร้าสร้อย ครู่ต่อมาเขาตอบพร้อมกับถอนหายใจ
“ท่านแอสตริดออกจากสถาบันการศึกษาไม่ได้ เพราะเธอกำลังปกป้องอนาคตของมนุษยชาติอยู่”
“อนาคตของมนุษยชาติ? …”
ระหว่างที่โรเอลกำลังถาม วิสัยทัศน์ของเขาก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นความมืด เขาเสียเลือดมากเกินไปจนเริ่มหมดสติ
“อาการบาดเจ็บของเจ้าสาหัสเกินไป หยุดพูดก่อนแล้วพักผ่อนซะ”
แอนโตนิโอเตือนพลางขมวดคิ้ว
วิญญาณเริ่มเคลื่อนไหวเร็วขึ้นเพื่อบรรเทาอาการบาดเจ็บของโรเอล หลังจากทนอยู่ได้สักพัก ในที่สุดโรเอลก็ยอมจำนนและสลบไป…