ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局 - บทที่ 360 ในที่สุด
บทที่ 360: ในที่สุด
บรรยากาศตึงเครียดขึ้นทันทีที่ลิเลียนมาถึง นอร่า ชาร์ล็อต และอลิเซียต่างหยุดทะเลาะกัน แล้วจ้องมองไปที่คนมาใหม่ด้วยความตกตะลึง
ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่นี่ด้วยงั้นเหรอ ? ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?
ความคิดดังกล่าวแวบเข้ามาในจิตใจของพวกเธอ
เหตุผลนั้นง่ายมาก นั่นก็เพราะทั้งนอร่าและชาร์ล็อตล้วนส่งเจ้าหน้าที่ระดับหัวกะทิไปสกัดกั้นลิเลียนหมด แม้ว่าอลิเซียจะมาถึงช้ากว่าพวกเธอเล็กน้อย ทำให้ไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ว่าเธอมีแผนอะไร แต่อลิเซียเองก็น่าจะทำอะไรในทำนองเดียวกัน
หากประมาณการคราว ๆ แล้วล่ะก็ ควรจะมีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 3 อย่างน้อยห้าคน ร่วมมือกันสกัดกั้นลิเลียน ทว่าพลังอันน่าเกรงขามดังกล่าวก็ทำได้เพียงแค่หยุดยั้งลิเลียนเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้นเหรอ ?
แค่นึกถึงพลังที่ลิเลียนมีก็ทำให้เด็กสาวทั้งสามคนนิ่วหน้า
พวกเธอลืมไปแล้วว่าลิเลียนนั้นเป็นดั่งป้อมปราการเดินได้ที่มีพลังในการเรียกกองทัพออกมา ทำให้กองกำลังที่พวกเธอส่งไปจัดการถูกกองทัพของลิเลียนสกัดไว้อีกที
ลิเลียนเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่น่าเกรงขามอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่มีอำนาจที่จะแข่งขันกับกองกำลังชั้นยอดที่รวมกันของตระกูลแอสคาร์ด ตระกูลโซโรฟยา และโบสถ์แห่งเทพีผู้สร้างได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าแค่ขัดขวางถ่วงเวลาพวกเขาล่ะก็ มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ด้วยที่เธอสามารถอัญเชิญกองทัพขึ้นมาได้เพียงแค่การโบกมือ
ถึงอย่างนั้นลิเลียนก็ยังวิตกกับการเผชิญหน้าต่อเด็กสาวทั้งสามตรงหน้า แค่น้องสาวบุญธรรมของโรเอลเพียงคนเดียวก็ทำให้เธอตึงมือแล้ว อลิเซียนั้นสามารถใช้พลังได้เทียบเท่ากับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้สาม แม้ว่าจะอยู่ที่ระดับแก่นแท้สี่ก็ตาม อีกทั้งการโจมตีของเธอเองก็ประมาทไม่ได้เลยด้วย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งนอร่าและชาร์ล็อตเองก็น่าจะมีไพ่ตายเช่นกัน นี่ทำให้ลิเลียนไม่รู้ว่าพลังโดยรวมของพวกเธอทั้งสามนั้นทรงพลังขนาดไหน
แต่เหนือสิ่งอื่นใดเลยก็คือ ลิเลียนกังวลเกี่ยวกับความรู้สึกของโรเอล และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการกระทำของเธอมากกว่า
เบื้องหน้าคฤหาสน์ที่ตั้งตระหง่าน ลิเลียนได้สบสายตาไปมากับเด็กสาวอีกสามคน ทว่าก่อนที่พวกเธอจะได้พูดอะไร ทันใดนั้นโรเอลก็มองย้อนกลับไปที่ลิเลียน และทำลายความเงียบลง
“รุ่นพี่ ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
เด็กชายพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม
ลิเลียนกะพริบตาด้วยความประหลาดใจ เพราะมันดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญมากจริง ๆ จากท่าทีของโรเอล เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปล่อยเขาออกจากอ้อมกอด
โรเอลก้าวถอยหลังก่อนจะหันกลับมามองลิเลียนอีกครั้ง พร้อมอธิบายการตัดสินใจที่เขาคิดได้ก่อนหน้านี้ เช่นเดียวกับภัยคุกคามที่เขาอาจจะต้องเผชิญในอนาคต
ซึ่งลิเลียนก็ฟังเขาเงียบ ๆ ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
เธอคิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่โรเอลตั้งใจที่จะพยายามอย่างหนัก เพื่อแสวงหาพลังอำนาจ แต่เพื่อสร้างอนาคตแห่งความสุขให้กับตัวเอง ถึงอย่างนั้นเด็กสาวก็ไม่คิดว่าแผนการที่เขาคิดไว้จะเป็นไปด้วยดี เพราะเธอรู้จักโรเอลดีพอที่จะรู้ว่าเขาจะตอบสนองอย่างไรต่อสถานการณ์ต่าง ๆ
โรเอลกำลังคิดที่จะสร้างครอบครัวอันสงบสุขอบอุ่น แต่ครอบครัวสงบสุขอบอุ่นจะคงอยู่ได้อย่างไรหากทั้งโลกตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ? เพียงเพราะเขาเลือกที่จะหันหลังให้กับปัญหาของโลกไม่ได้หมายความว่าปัญหาของโลกจะหันหลังให้กับเขา
ตระกูลแอสคาร์ดได้ผลิตวีรบุรุษมาหลายชั่วอายุคน แต่การกระทำอันกล้าหาญเหล่านั้นล้วนเกิดขึ้นจากโลกอันยุ่งเหยิง ไม่ใช่ว่าพวกเขาอยากจะเป็นวีรบุรุษ แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องก้าวขึ้นมาเป็นวีรบุรุษเพราะสถานการณ์เหล่านั้นต่างหาก !
โรเอลนั้นเห็นอกเห็นใจผู้อ่อนแอ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่มีทางเมินเฉยต่อพวกกองกำลังชั่วร้ายที่คุกคามผู้อื่นได้ สายเลือดตระกูลแอสคาร์ดไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้เขาลำบาก แต่เป็นบุคลิกที่ชอบธรรมของเขา !!
เมื่ออารยธรรมมนุษย์ใกล้จะล่มสลาย โรเอลจะต้องก้าวออกไปข้างหน้าและปกป้องมันอย่างแน่นอน เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ยังคงเป็นคนตระกูลแอสคาร์ดอยู่ดี
หากโรเอลอยู่ในยุคที่สงบสุขมันก็เรื่องหนึ่ง แต่ด้วยการรุกรานของพวกกลายพันธุ์ ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น
“รุ่นพี่ ผมได้ไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างรอบคอบแล้ว และคิดว่ามันไม่เหมาะเท่าไหร่ที่พวกเราจะมีความสัมพันธ์แบบนั้นเพียงเพราะคำพูดจากบรรพบุรุษตัวเอง”
โรเอลกล่าว
การแสดงออกของลิเลียนแทบจะไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเธอได้ยินคำเหล่านั้น แต่ลึก ๆ แล้วเธอรู้สึกว่าหัวใจจมลงไปในขุมนรก นั่นก็เพราะเธอรู้แล้วว่าความพยายามในการเอาชนะใจโรเอลนั้นล้มเหลว
การใช้กลวิธีคล้าย ๆ กับของนอร่า ทำให้เธอสามารถก้าวหน้าอย่างมากในด้านความสัมพันธ์กับโรเอลภายในระยะเวลาอันสั้น
ลิเลียนทำให้โรเอลสับสนในความรู้สึกของตน โดยทำให้เขาเข้าใจผิดว่าความสนิทสนมที่พวกเขามีต่อกันคือความรัก และผลกระทบของการสั่นพ้องทางสายเลือดเป็นการแสดงความรู้สึกทางกาย เธอเน้นย้ำถึงภารกิจที่บรรพบุรุษของพวกเขามอบหมายมาให้ เพื่อพิสูจน์ความสัมพันธ์ของตัวเองว่ามันคือคำสั่งแห่งโชคชะตา
เธอหวังที่จะช่วงชิงโรเอลมาให้ไวที่สุด ทำให้เขาตกเป็นของตนเองผ่านอุบายนี้
ด้วยสภาพทางจิตใจและความแข็งแกร่งที่ลดลงของโรเอล จากสภาวะผิดปกติของเขา ลิเลียนจึงประสบความสำเร็จอย่างมาก ภายในครึ่งเดือนเธอสามารถทำให้โรเอลคุ้นเคยกับร่างกายของเธอ จนแทบจะลวนลามเขาได้ด้วยซ้ำ !
น่าเสียดายที่กลยุทธ์ของลิเลียนมาพร้อมกับข้อบกพร่องร้ายแรง หากเป้าหมายได้รับเวลามากพอที่จะตั้งสติและคิดไตร่ตรอง เขาจะรู้ว่าสถานการณ์นั้นไร้เหตุผลมาก ราวกับภาพลวงตาถูกทำลาย
คำพูดของโรเอลนั้นมากเกินพอ ที่จะทำให้ลิเลียนรู้ว่าแผนของเธอพังไปแล้ว ณ จุดนี้ เธอจึงทำได้เพียงแค่พยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาโรเอลไว้ เมื่อเธอรักษาเขาไว้ข้างกายได้สำเร็จ เท่านั้นเธอถึงจะมีโอกาสใหม่ ๆ ที่จะโจมตีและเจาะลึกเข้าไปในหัวใจของเขา
ดังนั้นลิเลียนจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อโอบกอดโรเอลไว้ในอ้อมแขนของเธออีกครั้ง แต่ก่อนที่มือของเธอจะไปถึงเขา จู่ ๆ จิตวิญญาณแห่งทองคำก็พุ่งออกมาเป็นกำแพงกั้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง ทำให้ใบหน้าลิเลียนพลันมืดลงทันที
“กำลังทำอะไรของเธอน่ะ ?”
“ดิฉันต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายถามคำถามนั้นนะ คุณลิเลียน”
แค่คิดว่าตนเองถูกช่วงชิงคู่หมั้นไปในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ก็ทำให้เลือดของชาร์ล็อตเดือดพล่านด้วยความโกรธ จิตวิญญาณทองคำเข้าโอบรอบร่างของเจ้าตัวไว้ ขณะที่ก้าวออกไปข้างหน้ามองลิเลียนอย่างเย็นชา
“ดูเหมือนว่าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา คุณจะมีความสนใจในตัวโรเอลเพิ่มขึ้นมามากเลยนะ คุณลิเลียน”
“อะไรนะ ?”
“ดิฉันคงไม่เชื่อแน่ ๆ ถ้าไม่ได้เห็นกับตาว่า องค์หญิงแห่งจักรวรรดิออสทีน จะลักพาตัวคู่หมั้นของดิฉันไปจริง ๆ อีกทั้งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม คุณยังแสร้งทำเป็นเป็นสาวใช้ของเขาอีก คุณรู้สึกดีที่เล่นชู้กับคู่หมั้นของดิฉันในห้องข้าง ๆ งั้นหรือ ?”
ชาร์ล็อตถ่มน้ำลายด้วยกรามที่กำแน่น
“…”
การแสดงออกของลิเลียนแข็งทื่อ ในขณะที่โรเอลกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความงุนงง
คนต่อไปที่ก้าวออกมาข้างหน้าคือนอร่า เธอมีรอยยิ้มที่ชวนให้นึกถึงทูตสวรรค์ผู้เปี่ยมด้วยเมตตา อีกทั้งน้ำเสียงยังดูอบอุ่นและสงบด้วยเช่นกัน ทว่าคำพูดของเจ้าตัวกลับตรงกันข้ามกับท่าทีทั้งหมดนั้น
“ลิเลียน ข้าทราบดีว่าเจ้ามีพลังทางสายเลือดแบบเดียวกันกับโรเอล ในนามของโรเอลข้าขอขอบคุณการปกป้องที่เจ้าได้มอบให้เขาในขณะที่เขากำลังทุกข์ทรมานจากผลข้างเคียง แต่ข้าจะขอรับช่วงต่อเอง ฉะนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว”
“ว่าไงนะ เธอจะรับช่วงงั้นเหรอ ?”
“ใช่แล้ว เจ้าได้ปกป้องเขาแทนผู้พิทักษ์อย่างข้าเป็นอย่างดีก่อนที่ข้าจะมาถึง ซึ่งนั่นก็มากเกินพอแล้ว ข้าจะพาเขากลับไปที่จักรวรรดิเซนต์เมซิทด้วยตัวเอง ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลกับเรื่องนี้อีกต่อไป มันไม่เหมาะสมเท่าไหร่หรอกนะ ที่ทางเราจะสร้างปัญหาให้กับคนที่พวกเราเพิ่งพบไม่นาน”
“นอร่า ?”
“!”
โรเอลตื่นตระหนกเมื่อได้ยินคำพูดของนอร่า ขณะเดียวกันดวงตาสีอเมทิสต์ของลิเลียนก็หรี่ลงอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองต่ออารมณ์ของเธอ บรรยากาศรอบ ๆ พลันหนักขึ้นมากราวกับว่ามีคนฉีดสารตะกั่วกระจายออกไปในอากาศ
คำพูดของนอร่าในแวบแรกอาจจะฟังดูไม่มีสิ่งใดที่ผิดเพี้ยน แต่สัญญาณอันละเอียดอ่อนที่เธอสื่อออกมาได้วาดเส้นแบ่งระหว่างลิเลียนกับพวกเขาอย่างชัดเจน
“นอร่า เซไซต์ ฉันขอแนะนำว่าอย่ายั่วยุฉันซะให้ยาก ฉันกับโรเอลผูกพันกันด้วยสายเลือดอันแน่นแฟ้น ความรู้สึกของเราที่มีต่อกันนั้นเบ่งบานท่ามกลางอันตราย ไม่มีความผูกพันใดลึกซึ้งไปกว่าของพวกเรา ไม่มีที่ว่างสำหรับการหักหลังหรือความหน้าซื่อใจคดใด ๆ และนั่นก็มากเกินกว่าที่คุณจะมีได้ ฉันไม่ได้คาดหวังให้คุณเข้าใจความสัมพันธ์ที่เรามีร่วมกัน แต่ฉันจะไม่ปล่อยให้ใครดูถูกมันแน่”
ลิเลียนพูดอย่างเย็นชา
เธอชำเลืองมองที่อลิเซียทันทีหลังจากนั้น ซึ่งนั่นยิ่งกระตุ้นความโกรธแค้นของเด็กสาวผมเงินขึ้นไปอีก
“ไม่มีความผูกพันที่ลึกซึ้งไปกว่าสิ่งที่คุณมีร่วมกันงั้นเหรอ ? ฮ่า ๆๆๆ ถ้าเชื่ออย่างนั้นจริง ๆ ทำไมคุณถึงรีบร้อนขนาดนี้ล่ะ ? ค่อย ๆ พัฒนาความสัมพันธ์ไปไม่ดีกว่ารึไง ? คุณเพิ่งรู้จักท่านพี่ได้แค่สองเดือน แต่กลับลักพาตัวท่านพี่ไปและประกาศว่าจะคลอดบุตรให้ เป็นสัตว์เดรัจฉานที่ติดสัดอยู่รึไง ?”
“นั่นคือความรับผิดชอบและภารกิจของเรา ช่างมันเถอะ ฉันไม่คิดว่าเธอจะเข้าใจความสัมพันธ์ของพวกเราได้หรอก คุณน้องสาวบุญธรรมอลิเซีย”
“ว่ายังไงนะ ยัยแก่นี่ !”
กลิ่นดินปืนระหว่างอลิเซียและลิเลียนฟุ้งจนหายใจไม่ออก โรเอลรู้สึกลนลานกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างยิ่ง เขาไม่รู้ว่าตนเองควรจะทำอะไรเพื่อคลี่คลายสถานการณ์นี้
“ลิเลียน แอคเคอร์มันน์ ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณจะคิดชิงตัวคู่หมั้นของดิฉันไปจริง ๆ! บัดสีที่สุด ! อย่าแม้แต่จะคิดเลย !”
“ลิเลียน ข้าจะขอเข้าประเด็นเลยก็แล้วกัน พวกเราไม่ไว้ใจเจ้า หรือจักรวรรดิออสทีนที่อยู่เบื้องหลังเจ้าแน่ พวกเราจะดูแลความปลอดภัยของโรเอลด้วยตัวเอง เจ้ามีอิสระที่จะทำในสิ่งที่ตนเองต้องการ แต่อย่าได้คิดจะเข้าใกล้โรเอลอีก”
ลิเลียนจ้องไปที่นอร่าและชาร์ล็อตด้วยดวงตาอันเย็นยะเยือก แน่นอนว่านอร่าและเด็กสาวคนอื่น ๆ ไม่เชื่อใจในตัวเธอ แต่ทางลิเลียนเองก็ไม่เชื่อใจทั้งสามด้วยเช่นกัน
“ฉันไม่สามารถปล่อยโรเอลไปกับคนที่อ่อนไหวต่ออิทธิพลจากสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาได้ ทิ้งเขาไว้แล้วกลับไปซะ !”
“แล้วถ้าพวกเราปฏิเสธล่ะ”
“…”
“…”
เบื้องหลังม่านของจิตวิญญาณทองคำ ลิเลียนพร้อมที่จะยืนหยัดต่อสู้กับนอร่า ชาร์ล็อต และอลิเซีย ความเงียบแห่งความตายก่อตัวขึ้นท่ามกลางพวกเธอพร้อมกับความเข้มข้นของพลังเวทย์ในบริเวณใกล้เคียงที่เริ่มเพิ่มขึ้น
โรเอลรู้ทันทีว่าความขัดแย้งกำลังจะปะทุแล้วจริง ๆ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ในสถานะปัจจุบันนี้ ซึ่งมันทำให้เขาหงุดหงิดเป็นอย่างมาก
ทว่าในช่วงเวลาอันสิ้นหวังนี้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงปฏิกิริยาของพลังเวทย์อันเบาบางมาจากกระเป๋าด้านหน้า ด้วยความประหลาดใจนั้น เขาจึงรีบหันไปดูที่ระบบ
【ข้าวสาลีศักดิ์สิทธิ์
จำนวนครั้งในการใช้ที่ยังเหลืออยู่ : 2】
วินาทีถัดมา ร่างเงาหลายร่างก็ปรากฏขึ้นจากเงามืด
ในที่สุดเหล่าสมาชิกของภาคีแห่งนักบุญก็มาถึง !!