ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局 - บทที่ 364 ไม่มีค่าจัดส่งงั้นเหรอ เอาสิ !
- Home
- ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局
- บทที่ 364 ไม่มีค่าจัดส่งงั้นเหรอ เอาสิ !
บทที่ 364: ไม่มีค่าจัดส่งงั้นเหรอ ? เอาสิ !
ดยุกเอิร์ลโบรวล์ที่กำลังสิ้นหวังล้มลงบนพื้นเงยหน้าขึ้นมองที่ชาร์ล็อต โซโรฟยา มันอาจจะเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา แต่ในสายตาของเขา ดยุกเอิร์ลโบรวล์เห็นรัศมีสีทองอันศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกมาจากตัวอีกฝ่าย ราวกับเทพธิดา …เทพีแห่งโชคลาภ !!
ข้อดีของสังคมที่มีอารยธรรมคือปัญหาส่วนใหญ่สามารถแก้ไขได้ง่ายด้วยการแลกเปลี่ยนทรัพยากร เมื่อความถี่ของการแลกเปลี่ยนทรัพยากรเพิ่มขึ้น มนุษย์จึงได้นำแนวคิดเรื่องเงินมาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนดังกล่าวได้ดียิ่งขึ้น และทำให้ปัจจุบันไม่มีใครสามารถปฏิเสธคุณค่าของเงินได้
มักมีคำพูดกล่าวกันว่าไม่มีปัญหาใดในโลกที่เงินไม่สามารถแก้ไขได้ และต่อให้ถ้าแก้ไขไม่ได้ก็แสดงว่าจำนวนเงินที่เสนอนั้นยังไม่เพียงพอก็เท่านั้น
ทว่าคนจากโซโรฟยามีการตีความคำพูดนั้นแตกต่างกันเล็กน้อย
อะไรก็ตามที่แก้ได้ด้วยเงินนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเขา
“ท…เท่าไหร่นะ”
ดยุกเอิร์ลโบรวล์จ้องไปที่เทพธิดาแห่งโชคลาภผู้เปล่งประกายตรงหน้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่ตนเพิ่งได้ยิน ดังนั้นชาร์ล็อตจึงพูดย้ำประโยคนั้นอย่างใจเย็นอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม
“100,000”
“!”
คำพูดเบา ๆ เหล่านั้นลบความขุ่นเคืองบนใบหน้าของดยุกเอิร์ลโบรวล์ เปลี่ยนให้กลายเป็นใบหน้าอันภาคภูมิเหมาะสมกับผู้ปกครองแดนเหนือ พลังเวทย์ของเขาพรั่งพรูเพิ่มขึ้นเมื่อเขาลุกขึ้นยืน เผยให้เห็นร่างสูงตระหง่านราวกับหมีของเขาอย่างองอาจ
ทันทีที่ดยุกเอิร์ลโบรวล์ยืนขึ้น พื้นดินทั้งหมดก็สั่นสะเทือนจากแรงกดดันที่แผ่ออกมา ก่อนหน้านี้ท่าทางของเขานั้นทั้งถ่อมตัว และหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเงิน ทำให้ชาร์ล็อตและคนอื่น ๆ แม้แต่โรเอลก็ยังลืมไปเลยว่าตัวตนของดยุกผู้นี้เป็นคนระดับไหน จนกระทั่งถึงตอนนี้
ออสตริด เอิร์ลโบรวล์ ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้สอง สมญานามผู้พิทักษ์แห่งแดนเหนือ
ชายที่ดูซื่อ ๆ คนนี้เคยสร้างชื่อโด่งดังไปทั่วจักรวรรดิออสทีน ก่อนที่จะกลับมาที่บ้านเกิดเพื่อรับตำแหน่งดยุกเอิร์ลโบรวล์ อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาหลายทศวรรษผ่านไป การเป็นดยุกเอิร์ลโบรวล์ได้ทำให้ชายผู้ที่เคยได้รับฉายาว่า ‘หมีคลั่ง’ ค่อย ๆ สงบลงไปอย่างช้า ๆ
นั่นก็เพราะแม้แต่ชายที่แกร่งที่สุดก็ยังต้องก้มกราบเมื่อเผชิญกับความยากจน
แม้ว่าออสตริด เอิร์ลโบรวล์จะดูเหมือนคนที่คิดถึงแต่เรื่องเงิน แต่แท้จริงแล้วเงินจำนวนมหาศาลที่เขาได้รับจากเทศกาลอวยพรในทุก ๆ ปี จะถูกนำไปใช้ซื้อทรัพยากรสำหรับดูแลผู้คนของเขาให้ข้ามผ่านฤดูหนาวไปได้อย่างปลอดภัย ซึ่งหากปราศจากรายได้นี้ มันก็ไม่มีทางเลยที่ผู้คนมากมายในแดนเหนืออันหนาวเหน็บจะรอดผ่านฤดูหนาวไปได้
อย่างไรก็ตามจะบอกว่าความเจริญรุ่งเรืองของดยุกเอิร์ลโบรวล์ นั้นสืบเนื่องมาจากทัศนคติ ‘เห็นแก่เงิน’ และ ‘โลภมาก’ ของ ดยุกเอิร์ลโบรวล์รุ่นก่อน ๆ ก็ไม่แปลก
โรเอลอดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งเล็กน้อย เมื่อนึกถึงเรื่องนี้
ขณะเดียวกันออสตริด เอิร์ลโบรวล์ ก็หยิบนกหวีดที่ดูลึกลับออกจากชุดสูทของตัวเองขึ้นมาเป่า
“ข้าขอเป็นทรัพยากรแทนจะได้ไหม ?”
“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นค่าใช้จ่ายการจัดส่ง ทางข้าจะรับผิดชอบให้เอง”
“งั้นตกลง !”
ปรี๊ด!
ออสตริด เป่านกหวีดทันทีที่ตอบตกลง ทำให้เกิดเสียงอันไพเราะอย่างน่าประหลาดดังไปทั่ว ภายในไม่ถึงสิบวินาที หมีขนาดมหึมาขนาดเท่ารถบรรทุกก็บุกเข้ามาจากในอาคารและมาถึงที่เกิดเหตุ ทำให้เกิดพายุที่รุนแรงกระจายไปทั่ว
จากนั้นค้อนหินอุกกาบาตคู่ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในมือของออสตริด
หา เขาเอาค้อนดาวตกนั่นมาจากที่ไหนกัน ซ่อนไว้ในกางเกงรึไง ?
โรเอลได้แต่ตกตะลึงกับคาถาเวทย์ที่เหมือนกับมายากล
ทว่าหมีขนาดมหึมานั้นเป็นเพียงกลุ่มแรก เพราะหลังจากนั้นนักรบคนอื่น ๆ มากมายก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ทหารรับจ้างแห่งแดนเหนือ จงกวาดล้างพวกมันให้หมด !”
ด้วยเสียงคำรามอันโกรธเกรี้ยว ดยุกเอิร์ลโบรวล์ ขึ้นขี่หมีขนาดมหึมา นำกองทัพเข้าสู่สนามรบ เขาฟาดฟันค้อนดาวตกออกไปอย่างรุนแรงด้วยความเร็วอันน่าสะพรึงกลัว บดขยี้ศีรษะของสาวกระดับแก่นแท้สามในชั่วพริบตา
เหล่าสมาชิกภาคีแห่งนักบุญต่างตกตะลึงกับการแทรกแซงอันไม่คาดคิดของดยุกเอิร์ลโบรวล์ ทำให้พวกเขาตกอยู่ในความสิ้นหวัง
“ชาร์ล็อต นี่มันผิดกฎนะ !”
นอร่าแสดงท่าทีคัดค้านอย่างรุนแรงต่อการกระทำของชาร์ล็อตในการจ้างกองกำลังอื่นเข้าช่วย อย่างไรก็ตามชาร์ล็อตไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เธอยังคงยิงคลังกระสุนอัญมณีจากด้านหลังอย่างสง่างามต่อไป
“ดิฉันแค่ยื่นความช่วยเหลือให้แก่เหล่าผู้อยู่อาศัยในแดนเหนืออันแห้งแล้งเท่านั้นเอง ฝ่าบาทเองก็สามารถจ้างพวกเขาได้เช่นกัน ถ้าท่านต้องการ แต่ท่านก็ต้องเสนอราคาให้สูงกว่าของดิฉันให้ได้ล่ะนะ”
“เจ้า !”
นอร่าตาเบิกกว้างกับคำพูดของชาร์ล็อต
ขณะเดียวกันฟรานซิสนั้นก็กำลังใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มที ภายใต้การโจมตีประสานกันของซินเทีย ร็อดนีย์ และวู้ด
พรของกรันด้าและเปตราได้ลดผลข้างเคียงในการใช้พลังเหนือธรรมชาติของพวกเขาลงอย่างมาก อีกทั้งยังเพิ่มจุดแข็งในคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดของพวกเขาให้ดียิ่งขึ้น แม้ว่าทั้งสามจะยังอยู่ในระดับแก่นแท้สาม แต่ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาก็เทียบได้กับระดับแก่นแท้สอง นี่คือข้อได้เปรียบของผู้ครอบครองพรจากเทพเจ้าโบราณ
ฟรานซิสกลายเป็นคนพิการไปแล้ว หลังจากที่ได้สังเวยกระดูกของเขาไป 30% ในการร่ายหมอกแห่งวิญญาณร้าย ทำให้มันลำบากมากสำหรับเขาที่จะรับมือกับการโจมตีประสานกันของทั้งสามคน ยิ่งไปกว่านั้น อลิเซียเองก็ยังคอยจับตาดูเขาจากฟากฟ้า โจมตีด้วยคาถาเวทย์ทันทีที่สบโอกาส และได้ยิงทำลายไหล่ครึ่งหนึ่งของเขาไป
เมื่อถึงจุดนี้ฟรานซิสคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องยอมรับว่าความพ่ายแพ้ที่ถูกลิขิตเอาไว้
ผู้นำระดับสูงแห่งภาคีนักบุญกวาดตามองไปยังเหล่าสาวกใต้บังคับบัญชา ที่เสียชีวิตหรือไม่ก็บาดเจ็บสาหัสในสนามรบ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงความโกรธเกรี้ยวที่สั่งสมอยู่ภายในตัว
ไม่ใช่ความตายที่กำลังใกล้เข้ามาที่ทำให้ฟรานซิสโกรธ ด้วยศรัทธาอันสูงส่งที่มี ความตายไม่ใช่สิ่งที่เขากลัว สิ่งที่ทำให้เขาโกรธคือการที่เขาไม่สามารถฆ่าศัตรูและทำภารกิจให้สำเร็จได้ต่างหาก !!
โรเอล แอสคาร์ด เจ้าคนน่ารังเกียจ ไอ้เศษสวะเอ๊ย ! ทั้ง ๆ ที่ทำตัวไร้เดียงสาเหมือนกับเด็ก แต่หัวใจของแกกลับเต็มไปด้วยกลอุบาย อย่างน้อย ๆ ข้าจะต้องสังหารเจ้าลงให้ได้ด้วยการโจมตีครั้งนี้ !
“โอ้มารดาแห่งเทพธิดา ได้โปรดมองมาที่ข้าด้วยเถอะ !”
เมื่อตัดสินใจได้แล้วฟรานซิสก็ส่งเสียงคำรามอึกทึก ซินเทียและคนอื่น ๆ ต่างคิดว่าเขากำลังจะปลดปล่อยคาถาเวทย์อันทรงพลัง ทั้งสามคนจึงพยายามเพิ่มแรงกดดันให้มากขึ้นเพื่อสกัดกั้นการโต้กลับของฟรานซิส
อย่างไรก็ตามใบหน้าของโรเอลนั้นซีดเผือดทันทีที่เขาได้ยินคำพูดเหล่านั้น ในฐานะที่เคยเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของภาคีแห่งนักบุญสาขาเลนสเตอร์ เขาจึงรู้ดีว่าฟรานซิสกำลังคิดจะทำอะไร
“อึก ! หลบออกห่างจากเขาเร็ว ! หมอนั่นกำลังจะระเบิดตัวเอง !”
โรเอลตะโกนด้วยความกังวล
ซินเทียและคนอื่น ๆ ต่างเบิกตากว้างด้วยความสยดสยอง ทั้งหมดรีบถอยกลับไปหาอลิเซียในทันที สิ่งนี้ทำให้เกิดพื้นที่ว่างสำหรับฟรานซิสในการพักหายใจ แม้ว่าเขาจะไม่อยู่ในสภาพที่จะสามารถโต้กลับได้อีกก็ตาม
ฟรานซิสมองไปยังกองกำลังของศัตรูที่ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหน้าตรงหน้า และเด็กชายผมดำที่อยู่ห่างไกลออกไปทางด้านหลัง ก่อนจะพ่นเสียงออกมาอย่างดูถูกเหยียดหยาม
แม้จะแทบไม่เหลือพลังเวทย์ในตัวแล้ว แต่ฟรานซิสก็ยังมีคาถาเวทย์ก้นหีบสุดท้ายในคลังแสงอยู่ เขาจะต้องสังเวยกระดูกทั้งหมดของตัวเองเพื่อสิ่งนี้ เพราะมันอาจจะช่วยให้ภารกิจสำเร็จได้ในวินาทีสุดท้าย ปัญหาเดียวก็คือพลังการระเบิดตัวเองอันไร้สตินี้ไม่เหมาะกับสถานการณ์นี้เท่าไหร่ เขาไม่มั่นใจว่ามันจะกำจัดเหล่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมากมายในสนามรบนี้ได้หมดรึเปล่า…
…แต่มันก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะกำจัดเด็กที่แทบจะไม่มีพลังเวทย์ใด ๆ เหลืออยู่ในตัว
อุปกรณ์เวทย์ของเหลวสีทองที่ปกป้องเจ้าเด็กนั่นน่าเกรงขามก็จริงอยู่ แต่มันไม่ได้มีพรคุ้มกันของเทพเจ้า หรือก็คือมันไม่สามารถหยุดหมอกของข้าได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นละก็ ไอ้เจ้าคนดูหมิ่นเหยียดหยามนั่นจะต้องตายด้วยคาถาเวทย์ของข้านี่แหละ !
“ไปลงนรกซะ โรเอล แอสคาร์ด !”
ด้วยเสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ฟรานซิสกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมหมอกสีดำหนาทึบที่เริ่มพุ่งออกมา เสียงกระดูกที่ป่นหักดังกึกก้องไม่หยุด
ภายใต้การจ้องมองของเหล่าสาวกที่รอดตายไม่กี่คนของภาคีแห่งนักบุญ ฟรานซิสใช้เศษเสี้ยวสุดท้ายของจิตสำนึกตัวเองเพื่อระเบิดร่างตัวเองออก
ตูม !
เกิดการระเบิดอันรุนแรง กระจายหมอกแห่งวิญญาณร้ายอันน่าสะพรึงกลัวไปทั่วทั้งคฤหาสน์ภายในชั่วพริบตา