ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局 - บทที่ 383 นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันคาดไว้!!!
- Home
- ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END 恶役少爷不想要破灭结局
- บทที่ 383 นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันคาดไว้!!!
บทที่ 383: นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันคาดไว้!!!
วิลเลียมกับเทเรซาเป็นคู่รักรึเปล่า?
โรเอลใช้เวลาไตร่ตรองถึงความเป็นไปได้นี้พักใหญ่ ๆ ก่อนที่จะตัดความเป็นไปได้นี้ออกในที่สุด
เขาเจอกับทั้งสองคนโดยบังเอิญที่เขตการปกครองของดยุกเอิร์ลโบรวล์ โดยการกลิ้งเข้าไปในห้องของสองคนนั้น และวิลเลียมก็ยังสวมชุดเกราะเต็มตัว แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันเพียงแค่สองคน ยิ่งไปกว่านั้น โรเอลยังไม่รู้สึกถึงความสนิทสนมระหว่างทั้งคู่เลย แม้ว่าในตอนที่ทั้งสองคนจากไป วิลเลียมก็ทำเพียงแค่วางมือบนไหล่ของเทเรซาอย่างสุภาพ
ถ้าสองคนนั้นเป็นคู่รักกันจริง ๆ พวกเขาควรจะกอดกันหรืออย่างน้อยก็จับมือกัน
โรเอลเก็บความคิดของตนไว้กับตัวเองเงียบ ๆ แล้วจิบเบียร์พลางกินเนื้อแห้งก่อนจะพูดต่อ
“แล้วผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อจูเลียน่าล่ะ… คาถาเวทของเธอดูน่าสนใจมากเลยทีเดียว”
คำถามนั้นทำให้เกอรัลขมวดคิ้วอย่างมีปัญหา เขาใช้เวลาครู่หนึ่ง เพื่อรวบรวมความคิดก่อนจะตอบ
“จูเลียน่าเป็นลูกสาวของเคาท์กิลเบิร์ต ตระกูลกิลเบิร์ตเป็นตระกูลที่ค่อนข้างลึกลับ ไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกเขาหรอก ลือกันว่าพวกเขาเป็นปิศาจที่หมกมุ่นอยู่กับการเข่นฆ่า แต่ในเวลาต่อมาเรื่องนี้ก็ถูกหักล้าง เพราะว่าเป็นแค่คำโกหกจากศัตรูทางการเมืองของตระกูลนั้นที่ปั้นขึ้นมาเพื่อใส่ร้าย นอกจากนี้ก็… สมาชิกของตระกูลกิลเบิร์ตมักจะดูอ่อนวัย และคาถาเวทของตระกูลนั้นก็มักเกี่ยวข้องกับความมืดและต้องใช้เลือดเป็นเครื่องสังเวย เพราะอย่างนั้นหลายคนถึงเชื่อว่าพวกเขาอยู่ร่วมกับผู้นับถือลัทธิชั่วร้าย”
“ส่วนจูเลียน่า เธอยังเป็นคนที่เข้าใจได้ยากในแวดวงชนชั้นสูง เธอไม่ค่อยมีส่วนร่วมในแวดวงสังคมขุนนาง แถมยังชอบปรากฏตัวแค่ตอนกลางคืนเท่านั้น เพราะผิวแพ้แสงแดด ฉันไม่แน่ใจเรื่องพลังเหนือธรรมชาติของเธอสักเท่าไหร่ แต่ไม่ว่าจะในกรณีใด เธอก็ไม่ใช่คนที่จะคุยด้วยได้ง่าย ๆ ”
เกอรัลอธิบาย
อืม เธอต้องมาจากเผ่าเลือดแน่ ๆ โรเอลคิดพร้อมพยักหน้าเห็นด้วย
เขารู้เรื่องนี้แล้วในระหว่างการประชุมก่อนหน้านี้ และการบอกเล่าของเกอรัลก็เพียงยืนยันการคาดเดาที่มีเท่านั้น
เผ่าเลือด เป็นเผ่าพันธุ์ในตำนานของทวีปเซีย ต่างจากทูตสวรรค์และมังกร มีบันทึกเรื่องเผ่านี้อยู่น้อยมาก แม้จะเป็นสิ่งมีชีวิตในยามราตรี แต่พวกเขาก็แตกต่างจากแวมไพร์ในอดีตชาติของโรเอล
บางคนบอกว่าเผ่าเลือดเกิดจากเลือดของเทพีเซีย ในขณะที่บางคนบอกว่าพวกนั้นเกิดขึ้นจากการดื่มเลือดของเทพีเซีย ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม มีความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างเผ่าพันธุ์ของพวกเขากับเทพีเซีย และเผ่าพันธุ์ที่เกี่ยวข้องกับเทพีเซียก็ถือว่าเป็นสายเลือดอันสูงส่งในโลกนี้
มีนักวิชาการบางคนสันนิษฐานว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นสาขาหนึ่งของเผ่าเลือดที่ถดถอยและสูญเสียอำนาจเสียด้วยซ้ำ
โดยส่วนตัวแล้ว โรเอลคิดว่าคำกล่าวอ้างเหล่านั้นไร้สาระ แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าเผ่าเลือดได้รับการยกย่องอย่างสูงส่งเพียงใด มีมนุษย์ที่ต้องการติดต่อด้วยมากมาย
โรเอลค่อย ๆ แยกแยะข้อมูลก่อนที่จะหันไปถามถึงเด็กสาวผมสีส้มที่ดูเหมือนจะมีชื่อว่าเซลิน่า เธอทิ้งความประทับใจที่แปลกที่สุดไว้ให้เขา เนื่องจากความกระหายเลือดที่เหมือนกับสัตว์ป่า แม้แต่ในอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ที่บูชาความแข็งแกร่ง ก็ไม่น่าจะมีคนที่มีจิตสังหารรุนแรงแบบเธอ
เกอรัลรู้สึกขัดแย้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามของโรเอล ราวกับว่ามันได้รื้อฟื้นความทรงจำในอดีต
“เซลิน่าเป็นลูกสาวของเคาท์เบส ตระกูลของฉันสนิทกับตระกูลเบส ฉันเคยเจอกับเซลิน่าตั้งแต่ยังเด็ก… เธอต่างจากตอนนี้มาก”
“นายหมายความว่ายังไง?”
โรเอลเลิกคิ้วถาม
เกอรัลหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“เซลิน่าเป็นเด็กที่มีความกระตือรือร้นมากมาตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว ทั้งใจดีและเป็นมิตร แต่บางทีความกระหายเลือดที่เห็นน่าจะมาจากพลังทางสายเลือดมากกว่า”
“ตระกูลเบสเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นตระกูลของนักรบ หลายคนจึงเดาว่าความกระหายเลือดอันแรงกล้าของพวกเขาเป็นราคาที่ต้องจ่ายสำหรับพลังทางสายเลือดของตระกูลตัวเอง มันไม่ได้เป็นปัญหามากเท่าไหร่ในช่วงสงคราม แต่มันยากสำหรับพวกเขาที่จะควบคุมตัวเองในยุคอันสงบสุขนี้ นอกจากนี้พลังทางสายเลือดของเซลิน่ายังพิเศษกว่าคนอื่น ๆ ในตระกูลอีกด้วย ทำให้เธอควบคุมตัวเองได้ยากขึ้นไปอีก”
เกอรัลอธิบาย
“เข้าใจแล้ว…”
โรเอลคาดไม่ถึงว่าเซลิน่าที่ต่อสู้กับเขาจะมีประวัติเรื่องราวแบบนี้อยู่เบื้องหลัง ส่วนพอลเองก็เผยท่าทางตกใจออกมา ทั้งหมดดื่มเบียร์จนหมดก่อนจะรบเร้าให้เกอรัลเล่าถึงคนอื่น ๆ ต่อ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีข้อมูลไปมากกว่านี้แล้ว
“ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องของเคิร์ตกับสจ๊วร์ตเท่าไหร่ เพราะฉันไม่สนใจผู้ชาย อืม แต่ฉันพอจะรู้มาว่าฐานะตระกูลของเคิร์ตเองก็ค่อนข้างสูงเหมือนกัน พวกเขาเป็นตระกูลนักรบที่มีชื่อเสียง ส่วนสจ๊วร์ตตระกูลของเขาไม่ค่อยเข้าสังคม พูดตามตรงนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับเขาด้วยซ้ำ ฉันว่าพลังสายเลือดของเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่ต้องปิดตา สำหรับสองคนนี้ก็เท่านี้แหละ”
เกอรัลตอบพลางเกาหัวแกรก ๆ
โรเอลตบไหล่ของอีกฝ่ายอย่างเข้าใจ มันเป็นเรื่องปกติที่ขุนนางในอาณาจักรเดียวกันจะไม่รู้จักกัน ยิ่งพวกเขาอาศัยอยู่ในภูมิภาคที่แตกต่างกันด้วยแล้ว การที่เกอรัลรู้ข้อมูลมากขนาดนี้จึงถือว่าดีมากเลยทีเดียว
ข้อมูลที่ได้รับจากเกอรัล ทำให้โรเอลรู้สึกประทับใจในตัวเหล่านักเรียนที่ย้ายเข้ามา แต่คำถามสำคัญก็คือ พวกเขาเกี่ยวข้องกับการช่วยแอสตริดยังไง?
โรเอลยังไม่ลืมเป้าหมายหลักของตัวเอง แม้การทำข้อตกลงที่ดีกับวิลเลียมและกลุ่มของเขาจะสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญพอ ๆ กันก็คือการช่วยแอสตริด คำแนะนำของเทพธิดาแห่งโชคชะตาได้ให้เบาะแสแก่เขาเกี่ยวกับผู้คนจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ และสิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้ก็คือการถอดรหัสมัน
ด้วยความสงสัยในใจ โรเอลและผู้ช่วยทั้งสองจึงดื่มเบียร์และของว่างจนเต็มท้อง เมื่อสิ้นสุดวงเหล้า เขาได้ฝากเกอรัลที่กำลังเมาไว้กับพอลที่ยังคงมีสติสัมปชัญญะอยู่บ้าง ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสำนักงานธุรการของสถานศึกษาเพียงลำพัง ที่ที่เขาจะหาคนที่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้
อาจารย์ใหญ่แอนโตนิโอ
อันที่จริงก่อนหน้านี้ ลิเลียนเคยเสนอให้โรเอลไปพบแอนโตนิโอด้วยกันกับเธอ เพื่อถามถึงวิธีช่วยแอสตริด แต่หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว โรเอลได้ตัดสินใจที่จะไปเพียงลำพัง เพื่อปกปิดความสัมพันธ์ของพวกเขาในฐานะญาติทางสายเลือดเอาไว้
ไม่ใช่ว่าโรเอลไม่ไว้ใจแอนโตนิโอ แต่บุคคลสาธารณะอย่างแอนโตนิโอมีคนคอยจับตาดูอยู่มากมาย ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลิเลียนอาจถูกเปิดเผยได้ นอกจากนี้การไปเพียงลำพังนั้นง่ายกว่ามากที่จะได้รับความไว้วางใจจากแอนโตนิโอ เนื่องจากโรเอลเป็นทายาทของตระกูลอาร์เด้
หลังจากเดินไปตามถนนอันมืดมิดของเขตส่วนกลาง ไม่นานนักโรเอลก็มาถึงที่สำนักงานธุรการ ที่ซึ่งเหล่าอาจารย์ระดับแนวหน้าของสถานศึกษาทำงานอยู่ ตามปกติแล้วสำนักงานธุรการเป็นสถานที่หวงห้าม แต่ไม่มีสถานที่ใดในสถานศึกษาที่ผู้ถือแหวนไม่สามารถเข้าถึงได้ เพียงแค่แสดงแหวนกุหลาบน้ำเงินของตัวเอง คำขอของโรเอลที่จะเข้าพบอาจารย์ใหญ่แอนโตนิโอก็ได้รับการถ่ายทอดไปอย่างรวดเร็ว
ซึ่งการตอบกลับเองก็เร็วเช่นกัน
“โปรดตามกระผมมา”
พนักงานคนหนึ่งกล่าวด้วยความเคารพ
โรเอลตอบรับด้วยการพยักหน้าอย่างสุภาพก่อนจะเดินตามพนักงานไปที่ห้องทำงานของแอนโตนิโอ พนักงานเดินไปเคาะประตู จากนั้นประตูก็ปลดล็อกเองโดยอัตโนมัติแล้วเปิดออก
นี่เป็นครั้งแรกที่โรเอลได้ก้าวเข้ามาสู่ใจกลางของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าอย่างแท้จริง มันเป็นสำนักงานที่มีการออกแบบเรียบง่ายแต่มีระดับ ข้างหลังโต๊ะไม้นั้น มีชายชราคนหนึ่งกำลังมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีต้อนรับ โรเอล แอสคาร์ด ข้าเชื่อว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้พบกันเป็นการส่วนตัว เจ้าต้องการให้ข้าช่วยอะไรงั้นเหรอ?”
แอนโตนิโอถาม
ชายชรารู้อยู่ก่อนแล้วว่าโรเอลจะมาหา
แอนโตนิโอพยายามระงับความขัดแย้งในห้องประชุมด้วยอำนาจของตน แต่นั่นก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาในระยะยาว ยิ่งไปกว่านั้นโรเอลเองก็น่าจะมีคำถามมากมายอยู่ในใจ ด้วยที่ตระกูลแอสคาร์ดแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์ใด ๆ กับอาณาจักรอัศวินในช่วงพันปีที่ผ่านมา ดังนั้นความขัดแย้งนี้จึงน่าจะทำให้เขาสับสนเป็นแน่
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เป็นที่เข้าใจได้สำหรับโรเอลที่จะมาขอความช่วยเหลือจากแอนโตนิโอ ผู้เป็นอาจารย์ใหญ่ของสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
แอนโตนิโอทั้งอยากจะช่วยเหลือและสนิทใกล้ชิดกับโรเอล เพราะนั่นเป็นวิธีเดียวที่เขาจะบรรลุความปรารถนาอันยาวนานของตัวเองได้
เมื่อรู้สึกว่าทุกอย่างอยู่ในกำมือของตน แอนโตนิโอก็นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยรอยยิ้มจาง ๆ เฝ้ารออย่างอดทนเพื่อให้เด็กหนุ่มเข้ามาขอความช่วยเหลือ
คงเป็นเรื่องของวิลเลียม ไม่ก็อาณาจักรแห่งภาคีอัศวินสินะ?
ทว่าคำถามของเด็กหนุ่มกลับไม่เป็นไปตามที่ชายชราคาดไว้
“อาจารย์ใหญ่แอนโตนิโอ มีคำถามหนึ่งที่รบกวนจิตใจของผมมาสักระยะแล้ว… คุณยังเก็บถุงมือที่แอสตริด อาร์เด้ บรรพบุรุษของผม มอบให้กับคุณมาจนถึงทุกวันนี้รึเปล่า?”
“…”
ใบหน้าของแอนโตนิโอแตกดังเพล้งทันใด