ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 109 เค้าลางของพายุ (5) ตอนที่ 110 พลุสัญญาณหลิงอวิ๋น (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 109 เค้าลางของพายุ (5) ตอนที่ 110 พลุสัญญาณหลิงอวิ๋น (1)
ตอนที่ 109 เค้าลางของพายุ (5)
“ใครก็ตามที่บังอาจบุกรุกจวนหลินอ๋อง มันผู้นั้นต้องตาย!” พายุอารมณ์ที่ถูกข่มกลั้นมานานนับทศวรรษในตัวจวินชิง ระเบิดออกมากลายเป็นกระบวนท่าดาบอันงดงามและน่าตกตะลึงในชั่วพริบตา แสงจันทร์ที่ทอประกายสาดส่อง ตกลงมากระทบกับดาบสีเงินยวงที่พุ่งเข้าใส่ร่างของเงาเหล่านั้นราวกับสายฟ้าฟาด!
โดยไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานได้ คนชุดดำเหล่านั้นราวกับถูกตอกตรึงร่างไว้กับพื้น
พวกเขาได้แต่เบิกตาตามองดูจวินชิงด้วยความตกใจ
และเพียงชั่วพริบตา บุรุษที่พวกเขาคิดว่าเป็นคนไร้ค่า เป็นเพียงไอ้พิการที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็สังหารคนของพวกเขาไปกว่าครึ่ง จวินชิงใช้กระบวนท่าดาบสังหารศัตรูของตนราวกับสายฟ้าฟาด เพลงดาบที่ทั้งเฉียบคมและแม่นยำ ทำให้พวกเขาหนาวเยือกไปจนถึงกระดูก
จวินชิงไม่ได้พิการ! เขายังสามารถเคลื่อนไหวได้!
หัวใจของกลุ่มคนชุดดำเย็บวาบ สมองของพวกเขาขาวโพลน พวกเขาได้แต่มองพวกพ้องถูกจวินชิงสังหารไปทีละคนสองคนอย่างขวัญหนีดีฝ่อ ความกลัวคืบคลานเข้าสู่หัวใจของพวกเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
“นกฮูกหิมะ!” จวินชิงตะโกนขึ้นท่ามกลางฝูงชน กล่าวอัญเชิญภูติวิญญาณของเขาด้วยเสียงดังก้อง วงแหวนที่นิ้วในมือขวาของเขาส่องแสงเจิดจ้าวาววับ จากนั้นนกฮูกสีขาวตัวใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นจากลำแสงนั้น มันเปล่งเสียงกรีดร้องแหลมคมก่อนจะพุ่งเข้าจู่โจมกลุ่มคนชุดดำซึ่งเป็นศัตรูของนายมัน!
นี่คือนกฮูกหิมะกร่อนกระดูก! ภูติวิญญาณของจวินชิงที่มีระดับพลังวิญญาณสูงถึงระดับเจ็ดที่เคยสร้างความน่าสะพรึงกลัวไปทั่วทั้งสนามรบ!
สิบปีแล้ว เป็นเวลาถึงสิบปีเต็มที่จวินชิงได้เก็บซ่อนภูติวิญญาณของตนจากสายตาผู้คน จนผู้คนส่วนใหญ่เกือบหลงลืมการมีอยู่ของนกฮูกหิมะกร่อนกระดูกตัวนี้!
ด้วยปีกขนาดใหญ่ของนกฮูกหิมะกร่อนกระดูกที่กางกว้างได้มากกว่าสามเมตร มันจึงเป็นราวกับนักฆ่าตัวใหญ่ที่โผล่พ้นขึ้นมาจากขุมนรก สามารถสร้างพายุหมุนสีโลหิตกวาดล้างโจมตีศัตรูได้!
“บัดซบ! ขาของจวินชิง! ทำไมมันถึงขยับได้แบบนั้น นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันนแน่วะเนี่ย!” กลุ่มคนชุดดำเริ่มเบียดเข้าหากันด้วยสภาพเหงื่อตก พวกเขาถูกกดดันให้ต้องถอยร่นจากการไล่สังหารอันโหดเหี้ยมจากกระบวนท่าดาบที่รวดเร็วและบ้าคลั่งของจวินชิง และการโจมตีอันแสนดุร้ายของนกฮูกหิมะก่อนกระดูก เมื่อเห็นว่าพวกพ้องของตนเองล้มตายไปเกินครึ่ง และสถานการณ์เริ่มไม่เอื้ออำนวยแล้ว พวกเขาจึงตัดสินใจถอยหนีออกมาด้วยความกลัว
อ๊ากกก! คนที่ถอยกลับคนแรกกรีดร้องลั่น จากนั้นกลุ่มคนชุดดำก็เริ่มส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
สัตว์ร้ายสีดำขนาดมหึมาดูน่าเกรงขามยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น คมเขี้ยวแหลมคมของมันฝังอยู่บนคอของคนชุดดำคนหนึ่ง โลหิตสีแดงสดไหลพุ่งตามปากขนาดใหญ่และสาดกระจายไปทั่วพื้น บังเกิดเป็นแอ่งโลหิตน้อยใหญ่ทั่วบริเวณ
กร๊อบ!
เสียงกระดูกหักดังส่งมาครั้งหนึ่ง เจ้าสัตว์ร้ายสีดำหักคอของคนผู้นั้นเสียแล้ว
“คืนนี้ ใครก็ตามที่บังอาจเหยียบย่ำเข้ามาในจวนหลิงอ๋อง มันผู้นั้นจะต้องตาย!” ผู้ที่นั่งอยู่บนหลังของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำตัวนั้นก็คือเด็กสาวหน้าตางดงาม สายตาเย็นชาราบเรียบของนางกวาดมองไปยังกลุ่มคนชุดดำที่ตื่นตระหนก คำประกาศที่เปล่งออกมาจากปากของเด็กสาว ราวกับประกาศิตที่ฟาดผ่าลงมา ชวนให้หนาวเหน็บและสยดสยอง ดวงตาคู่นั้นที่โหดเหี้ยมและเต็มไปด้วยความกระหายเลือด ทำให้ร่างของกลุ่มคนชุดดำทั้งหมดที่ยืนอยู่ตรงนั้นสั่นสะท้าน
สัตว์ร้ายสีดำดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าของผู้เป็นเจ้านาย มันจึงกระโจนเข้าใส่กลุ่มศัตรู ฉีกกระชากชิ้นเนื้อของพวกเขาอย่างเมามันและบ้าคลั่ง
จวินชิงที่ยืนอยู่ด้านหลัง พร้อมกับนกฮูกหิมะก่อนกระดูกสีขาวจอมดุร้ายที่กางปีกโฉบเฉี่ยวอยู่ด้านบน กับสัตว์ร้ายสีดำประหลาดปิดกั้นทางหนีด้านหน้าของพวกเขาอยู่ เหล่าคนชุดดำทำได้เพียงกรีดร้องโหยหวนออกมาและล้มลงทีละคน แม้แต่ตอนที่ความตายมาเยือน พวกเขาก็ยังไม่รู้เลยว่าสิ่งใดกันที่พรากชีวิตของพวกเขาไป
จวนหลินอ๋องที่ตกต่ำลงไปแล้วแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน!
กลุ่มคนชุดดำนับร้อยคนถูกฆ่าตายในชั่วพริบตา กลิ่นคาวเลือดรุนแรงลอยตลบกลบไปทั่วลานเรือนพักแห่งนี้ บนพื้นสนามหญ้าอันเงียบสงบที่แต่เดิมงดงาม บัดนี้เป็นเสมือนดั่งแดนนรกที่เต็มไปด้วยซากศพนอนระเกะระกะ ช่างเป็นภาพอันน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด
“อู๋เสีย! เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่!” หลังจากเข่นฆ่าศัตรูทั้งหมด จวินชิงก็มองไปยังหลานสาวตัวน้อยของเขาที่เกาะอยู่บนหลังของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำขนาดมหึมา ดวงตาเต็มไปด้วยความพิศวงงงงวย
นกฮูกหิมะกร่อนกระดูกบินร่อนลงมา มันจิกกรงเล็บลงบนซากศพร่างหนึ่งแล้วเอียงคอมองสำรวจสัตว์พาหนะของจวินอู๋เสีย
“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านอาเล็กเล่าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่” จวินอู๋เสียเอ่ยถามเขา
“เจ้าประเมินอาเล็กของเจ้าต่ำเกินไปแล้ว กับพวกขยะพวกนี้ พวกมันจะมีปัญญาทำร้ายข้าได้อย่างไร” จวินชิงชี้ไปยังสัตว์พาหนะที่อยู่ใต้ร่างของจวินอู๋เสีย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสนอกสนใจอย่างปิดไม่มิด ก่อนจะถามขึ้น “แล้วนี่คือ…”
เจ้าสัตว์อสูรสีดำตัวนี้แลดูคล้ายกับเสือดำเป็นอย่างมาก แต่เมื่อได้ยลโฉมมันใกล้ๆ ถึงได้พบว่ามันตัวใหญ่กว่ามาก ทั้งยังมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงและกำยำยิ่งกว่า มิหนำซ้ำหูของมันก็ชี้แหลม ไม่เหมือนหูของเสือดำทั่วๆ ไปที่มีลักษณะกลมมน
เหมียว สัตว์ร้ายสีดำตัวใหญ่อ้าปาก แต่เสียงร้องอันนุ่มนวลที่เปล่งออกมาจากร่างอันน่าเกรงขามแทบทำให้ผู้คนร้องไห้
จวินชิงชะงักไปทันที ประหนึ่งถูกสายฟ้าฟาดลงมากลางกระหม่อม เขาตกตะลึงจนพูดไม่ออก
“นี่ก็คือเสี่ยวเฮย แมวดำตัวน้อยของข้า ท่านอาเล็กเคยเห็นมันแล้วนี่เจ้าคะ” จวินอู๋เสียกล่าว
“…” ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาจากปากของจวินชิง เมื่อนึกย้อนไปถึงตอนที่จวินอู๋เสียกระเตงเจ้าแมวดำตัวน้อยนี้ไปไหนมาไหนด้วยกันในอ้อมแขนของนาง จวินชิงไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าสัตว์ร้ายขนาดมหึมาตรงหน้านี้ จะเป็นตัวเดียวกันกับลูกแมวตัวเล็กกระจิริดนั่น
ตอนที่ 110 พลุสัญญาณหลิงอวิ๋น (1)
“นี่คือภูติวิญญาณของเจ้าหรือ” จวินชิงถามอย่างตกใจ
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ” จวินอู๋เสียไม่รู้จะอธิบายที่มาที่ไปขอเสี่ยวเฮยให้จวินชิงฟังอย่างไรดี อีกทั้งดอกบัวขาวน้อยตอนนี้ก็ยังคงอยู่ในสระน้ำ ยังเติบโตไม่เต็มที่ นางจึงพยักหน้าเออออ ให้เสี่ยวเฮยแอบอ้างแทนไปก่อน
“ภูติวิญญาณของเจ้าตื่นขึ้นมาแล้วรึ” จวินชิงเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง
“เพิ่งตื่นเมื่อไม่นานมานี้เองเจ้าค่ะ ถึงจะช้าไปหน่อยก็เถอะ” จวินอู๋เสียตอบเขา
จวินชิงมีความสุขมาก ทั้งเขาและจวินเสี่ยนต่างก็พากันคิดว่าจวินอู๋เสียนั้นไร้วาสนาจะผูกพันธสัญญากับภูติวิญญาณเสียแล้ว ไม่คิดเลยว่าสวรรค์ยังเข้าข้างสกุลจวินของพวกเขาอยู่!
ในขณะที่จวินชิงพูดคุยอยู่กับจวินอู๋เสีย ลุงฝูที่ร่างกายอาบย้อมไปด้วยสีแดงของโลหิต ก็วิ่งเข้ามาพร้อมกับทหารจากกองทัพรุ่ยหลินอีกทั้งสิบห้านาย ครั้นเห็นว่าจวินชิงและจวินอู๋เสียยังคงปลอดภัยดี เนื้อตัวไร้ซึ่งบาดแผลใดๆ ก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง แล้ววางดาบยาวแนบไว้ที่ข้างตัว
“ข้าน้อยมาช้า ทำให้ท่านอ๋องน้อยและคุณหนูใหญ่ต้องตื่นตระหนกแล้ว!”
“ไม่เป็นไร พวกเจ้าลุกก่อนขึ้นเถอะ” จวินชิงกล่าว พวกคนชุดดำมุ่งเข้าโจมตีที่ส่วนหน้าของจวนหลินอ๋องเป็นหลัก เผชิญหน้ากับศัตรูราวร้อยห้าสิบหกสิบคน บุรุษเพียงสิบหกคนนี้มีจำนวนน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทุกคนล้วนได้รับบาดเจ็บ เสื้อผ้าของพวกเขามีรอยฉีกขาดและเสียหาย เลือดที่อาบอยู่บนกายนั้นแยกไม่ออกเลยว่าเป็นของฝ่ายศัตรูหรือว่าเป็นของพวกเขาเองกันแน่
จวินอู๋เสียหยิบขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวสองขวดออกมาจากอกเสื้อของนาง แล้วโยนมันส่งให้กับลุงฝู
“ยาสำหรับใช้ภายในและภายนอก”
ลุงฝูถือขวดยาทั้งสองไว้ในมือของตนแน่น มองไปที่จวินอู๋เสียอย่างซาบซึ้งใจ
“ขอบพระคุณคุณหนูใหญ่มากขอรับ! หากไม่ได้คุณชายช่วยไว้ พวกข้าคงจะมาถึงช้ากว่านี้เป็นแน่”
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นพลางคิด จวินอู๋เย่าช่างลงมือได้รวดเร็วและเฉียบขาด แต่ตอนนี้นางกลับหาร่างเขาไม่เจออีกแล้ว
“ค่ำคืนนี้ เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนมุ่งเป้ามาที่จวนหลินอ๋องของพวกเรา แต่โชคดีที่พวกเราสามารถรับมือกับพวกมันได้ ทว่าทางด้านของท่านพ่อที่ถูกล่อให้ออกไปจากเมืองหลวง แม้ว่าท่านพ่อจะนำทหารองครักษ์ติดตามไปด้วยบางส่วน แต่ก็มิอาจรับประกันได้ว่าจะหลุดพ้นจากหลุมพรางของศัตรู…” เห็นได้ชัดเลยว่าพวกศัตรูนั้นวางแผนมาเป็นอย่างดี จวินชิงสีหน้ามืดครึ้ม การโจมตีจวนหลินอ๋องในคืนนี้ถูกวางแผนไว้ทั้งหมดแล้ว หากพวกเขาไม่ได้แสร้งทำเป็นตกต่ำและอ่อนแอแต่แรก เกรงว่าพวกศัตรูจะยิ่งต้องเพิ่มกำลังจนสามารถทำสำเร็จได้ตามแผนที่วางไว้เป็นแน่
กระนั้น…มีอยู่สามเรื่องที่ผู้บุกรุกไม่ได้คาดการณ์เอาไว้ก่อน
เรื่องแรกพวกมันไม่ได้คาดคิดว่าขาของจวินชิงนั้นหายดีแล้ว และเขาสามารถลุกขึ้นยืนเคลื่อนไหวไปมาได้ เรื่องที่สองพวกมันไม่ได้คาดคิดว่าจวินอู๋เสียจะปลุกภูติวิญญาณขึ้นมา มิหนำซ้ำภูติวิญญาณของนางยังเป็นประเภทสัตว์ร้ายที่มีความสามารถในการต่อสู้เหนือชั้นอีก เรื่องสุดท้ายคือความสามารถในการฆ่าฟันศัตรูของจวินอู๋เย่า…
เรื่องที่ไม่คาดคิดทั้งหมดนี้ ทำให้ความแข็งแกร่งที่ซ่อนเร้นของจวนหลินอ๋องสามารถบดขยี้กลุ่มคนชุดดำหลายร้อยคน ทำลายแผนการชั่วร้ายทั้งหมดของพวกมันได้ในพริบตา
อย่างไรก็ตาม ทางด้านจวินเสี่ยนนั้นยังคงน่าเป็นห่วง!
“รีบออกไปตามหาหลินอ๋องเดี๋ยวนี้!” จวินชิงออกคำสั่ง
จวนหลินอ๋องที่ย้อมอาบไปด้วยโลหิตสีแดงฉาน ยังไม่ทันที่ทหารที่ถูกส่งออกไปเพื่อติดตามข่าวของจวินเสี่ยนจะได้ขยับตัว ก็มีใครคนหนึ่งเอาตัวเองมาส่งถึงที่หน้าประตูจวน
ท่านแม่ทัพเวยอู่หลี่หร่านที่เพิ่งมาเยือนก่อนหน้านี้ไม่นาน กลับมาที่จวนหลินอ๋องอีกครั้งด้วยสีหน้าซีดเซียวอิดโรย เขากลับมาพร้อมกับข่าวร้ายที่ทำให้ทั้งจวินชิงและจวินอู๋เสียเนื้อตัวเย็นเยียบ!
ในขณะที่จวินเสี่ยนนำผู้คนออกจากเมืองหลวงเพื่อไปตามจับหลินเย่ว์หยาง เขาก็ได้พบเข้ากับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทหารองครักษ์ที่ติดตามเขาไปทั้งหมดล้วนถูกสังหารสิ้นและจวินเสี่ยนก็หายตัวไป!
ข่าวนี้ทำให้จวินชิงแทบกระอักเลือด เขาจ้องไปที่หลี่หร่านอย่างดุเดือด แทบจะไม่สามารถระงับอารมณ์โกรธของตนเองเอาไว้ได้ จนเกือบจะพุ่งขึ้นไปกระชากร่างของหลี่หร่านแล้วฉีกออกเป็นชิ้นๆ
จวินอู๋เสียจ้องมองไปที่หลี่หร่านด้วยสายตาเย็นชาสุดขีด นางลุกพรวดขึ้นทันที จากนั้นก็เดินออกไปที่ประตูใหญ่ของจวนหลินอ๋อง
“อู๋เสีย!” จวินชิงมองตามหลังจวินอู๋เสียไปอย่างสงสัย
จวินอู๋เสียไม่ได้หันกลับมามองเขา ทันทีที่นางมาถึงหน้าประตูจวน นางก็หยิบเอาถุงผ้าสีดำที่ปักด้วยไหมเงินเป็นสัญลักษณ์รูปกิเลนเหยียบเมฆมงคลที่บรรจุพลุสัญญาณหลิงอวิ๋นออกมา
ลำแสงสีแดงพุ่งตรงขึ้นสู่ท้องฟ้าในยามราตรีเหนือจวนหลินอ๋อง จากนั้นมันก็ระเบิดออกกลายเป็นดอกไม้สีแดงสว่างไสว เสียงกัมปนาทที่ดังกึกก้องราวกับจะสั่นสะเทือนทั้งผืนฟ้า ทำลายความเงียบสงัดในยามราตรีจนสิ้น!
หลี่หรานที่ได้เห็นทุกอย่างกับตาและเป็นสักขีพยานในการยิงพลุสัญญาณครั้งนี้ ถึงกับร่างกายโงนเงน หงายหลังก้นจ้ำเบ้าด้วยความตกใจ เขามองไปที่จวินอู๋เสีย ด้วยร่างกายที่สั่นเทาอย่างหวาดกลัว ฟันของเขากระทบกันไม่หยุด
พลุสัญญาณหลิงอวิ๋นดัง กองทัพรุ่ยหลินทั้งหมดกำลังมา!
คุณหนูใหญ่สกุลจวินผู้นี้…กำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่!
“ท่านอาเล็ก ข้าจะต้องตามหาท่านปู่ให้พบให้ได้” จวินอู๋เสียหันหน้ากลับมาช้าๆ พลุสัญญาณได้ถูกยิงออกไปแล้ว พร้อมกับเปลวไฟอันตรายที่ถูกจุดขึ้นในดวงตาเย็นเยียบของนาง