ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1209 เด็กดี ขอข้าจับหน่อยนะ (1) / ตอนที่ 1210 เด็กดี ขอข้าจับหน่อยนะ (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1209 เด็กดี ขอข้าจับหน่อยนะ (1) / ตอนที่ 1210 เด็กดี ขอข้าจับหน่อยนะ (2)
ตอนที่ 1209 เด็กดี ขอข้าจับหน่อยนะ (1) / ตอนที่ 1210 เด็กดี ขอข้าจับหน่อยนะ (2)
ตอนที่ 1209 เด็กดี ขอข้าจับหน่อยนะ (1)
ตอนที่ 1209 เด็กดี ขอข้าจับหน่อยนะ (1)
ขบวนรถม้าเคลื่อนไปตามเส้นทางเข้าสู่รัฐจิ้ว เด็กชายหน้าตาดีคนหนึ่งโผล่หัวออกจากรถม้าเพื่อดูทิวทัศน์ที่ผ่านไปในรัฐจิ้ว ดวงตาคู่โตของเขาเต็มไปด้วยความไร้เดียงสาของเด็ก
“นี่คือรัฐจิ้วหรือ สมชื่อรัฐที่ยิ่งใหญ่อันดับสองของโลกจริงๆ มีภูเขากับทะเลสาบสวยๆ เต็มไปหมด” เด็กชายคนนั้นร้องอุทานเสียงดังพร้อมกับพิงหัวที่หน้าต่างรถม้าพลางจ้องมองภาพทิวทัศน์อันสวยงามที่ผ่านไป ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างปลาบปลื้ม
ในรถม้ามีชายแก่คนหนึ่งอายุราวๆ หกสิบปีส่ายหัวและยิ้มอย่างจนใจพร้อมกับถอนหายใจยาวเหยียดและพูดว่า
“ฝ่าบาทควรระวังให้มากกว่านี้อีกนิดนะพ่ะย่ะค่ะ รถม้ามันกระแทกเยอะอยู่ เดี๋ยวจะเจ็บเอาได้”
แม้ว่าเด็กชายคนนั้นจะอยากรู้อยากเห็นอยู่มาก แต่เขาก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี เมื่อได้ยินคำพูดของชายแก่คนนั้น เขาก็กลับมานั่งดีๆ โดยไม่บ่น
“ท่านราชครู อีกนานหรือไม่กว่าเราจะถึงเมืองหลวงของรัฐจิ้ว”
ราชครูเหอยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “อย่างมากก็อีกเจ็ดวันเราจะไปถึงเมืองหลวงรัฐจิ้วพ่ะย่ะค่ะ ในเจ็ดวันนี้กระหม่อมขอให้ฝ่าบาทอดทนก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”
เด็กชายพยักหน้าอย่างว่าง่าย เขาสวมเสื้อผ้าหรูหราแต่ก็ไม่ได้ดูโอ้อวดเลย พวกมันกลับเรียบง่ายและสง่างาม เขาอายุประมาณแปดเก้าปี และเป็นเด็กที่หน้าตาดี แม้ว่าจะยังไม่โตเต็มที่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าในอนาคตเขาจะสง่างาม บนหัวของเขามีมงกุฏที่เป็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ แม้ว่าแววตาของเขาจะเต็มไปด้วยความไร้เดียงสาของเด็กก็ตาม
รถม้าเดินทางไปอีกครึ่งวัน และเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดเหนือศีรษะ คณะเดินทางก็หยุดลงที่ชายป่า
คณะเดินทางมีจำนวนคนมากพอสมควร แค่รถม้าอย่างเดียวก็ห้าคันแล้ว และทั้งด้านหน้าและด้านหลังของรถม้าก็มีทหารในชุดเกราะเบาคุ้มกันอยู่หลายร้อยคน
หลังจากรถม้าหยุดลง คณะเดินทางก็ก่อกองไฟขึ้นชั่วคราวเพื่อพักผ่อนเป็นเวลาสั้นๆ
เด็กชายนั่งอยู่ข้างกองไฟ เสื้อคลุมขนจิ้งจอกคลุมอยู่บนหลัง มือเล็กๆ ของเขาเย็นจนมีสีแดงเรื่อ เขาถือขวดร้อนๆ เอาไว้ในมือและหันหน้าไปมองรถม้าคันสุดท้ายที่อยู่ท้ายขบวนแล้วความสนุกสนานในแววตาของเขาก็จางหายไป เขาหันไปมองราชครูเหอที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างกังวลและพูดว่า “ท่านราชครู…”
ราชครูเหอมองไปทางที่เด็กชายเพิ่งหันไปมองแล้วถอนหายใจออกมา
“ฝ่าบาทโปรดวางใจเถอะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจัดการเรื่องที่จำเป็นทั้งหมดแล้ว และพอเราไปถึงเมืองหลวงของรัฐจิ้ว ทุกอย่างจะดีเองพ่ะย่ะค่ะ”
เด็กชายพยักหน้าแล้วเคี้ยวอาหารในมือเงียบๆ
หลังเที่ยงเล็กน้อย แสงอาทิตย์ได้ขับไล่ความหนาวเย็นของฤดูหนาว ดวงตาโตสีดำสนิทของเด็กชายมองไปรอบๆ และพบว่าทุกสิ่งที่เขาเห็นช่างแปลกใหม่และน่าสนใจ
ทันใดนั้นร่างเล็กๆ ที่มีขนปุกปุยก็กระโดดออกจากพงหญ้า
ดวงตาของเด็กชายจ้องมองเจ้าลูกบอลขนปุยทันทีโดยไม่ละสายตา ดวงตาของเขาเป็นประกายวิบวับอย่างดีใจ
“กระต่ายน้อย…กระต่ายน้อยมานี่…” เด็กน้อยไม่มีภูมิต้านทานสัตว์ตัวเล็กน่ารักแบบนี้ เขายื่นแขนสั้นๆ ทั้งสองข้างออกไปและเดินเข้าไปหาเจ้าลูกบอลขนปุย
ราชครูเหอมองตามไปและพอเห็นว่ามันเป็นแค่กระต่ายหูใหญ่ตัวเล็กๆ เขาก็ไม่ได้สนใจมันอีก
กระต่ายหูใหญ่ยืนขึ้นและเอียงคอมองเด็กชายที่ยื่นมือเข้ามาหามัน
หัวใจของเด็กชายแทบละลายจากภาพนั้น เขายืนขึ้นทันทีและวิ่งด้วยขาสั้นๆ ตรงไปที่รถม้า หลังจากค้นอยู่อึดใจหนึ่ง เขาก็ดึงเอาหูหลัวปัวออกมาและเดินกลับไปที่เดิม
“ต่ายน้อย ข้ามีหูหลัวปัวนะ เห็นหรือไม่ อยากกินหรือเปล่า” เด็กน้อยนั่งยองๆ ลงบนพื้นหญ้าและเกลี้ยกล่อมกระต่ายหูใหญ่ให้เข้ามาใกล้ๆ อย่างอดทน
กระต่ายหูใหญ่ทำจมูกฟุดฟิดแล้วกระโดดมาข้างหน้าสองทีห่างจากจุดเดิมประมาณหนึ่งเมตรก่อนจะหยุด ดวงตาของมันมองไปที่เด็กน้อยอย่างระวัง
ตอนที่ 1210 เด็กดี ขอข้าจับหน่อยนะ (2)
เด็กน้อยมองมันยิ้มๆ แล้วพูดด้วยเสียงไร้เดียงสา
“ต่ายน้อยเด็กดี ขอข้าจับหน่อยนะ แล้วข้าจะให้กินหูหลัวปัว มันอร่อยมากเลยนะ”
พวกทหารที่ทำหน้าที่คุ้มกันเห็นการกระทำอันไร้เดียงสาของฮ่องเต้ของพวกเขาก็พากันยิ้มบางๆ ปราศจากความมุ่งร้ายใดๆ เลย
กระต่ายหูใหญ่ดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เด็กน้อยพูด มันมองหูหลัวปัวแล้วเหลือบตาขึ้นมองเด็กน้อยก่อนจะกระโดดเข้าไปใกล้อีกเล็กน้อย
ขณะที่เด็กน้อยเกือบจะแตะตัวเจ้ากระต่ายหูใหญ่ได้นั่นเอง เสียงฝีเท้าเบาๆ ก็ดังออกมาจากในป่า ทหารที่ยิ้มอยู่พากันหุบยิ้มทันทีพร้อมกับเอามือกุมดาบอย่างเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับใครก็ตามที่กำลังเดินเข้ามา!
ทันใดนั้นร่างเล็กๆ เพรียวบางร่างหนึ่งก็เดินออกมาจากในป่า
นั่นเป็นเด็กหนุ่มที่น่าจะมีอายุประมาณสิบห้าปี ใบหน้าของเขาดูธรรมดาแต่ดวงตาเย็นชาใสกระจ่าง
พอเด็กหนุ่มคนนั้นปรากฏตัว กระต่ายหูใหญ่ที่กำลังจะรับ ‘ของล่อใจ’ ก็หันกลับแล้ววิ่งเข้าไปหาเด็กหนุ่มคนนั้นทันที เด็กน้อยที่ยื่นมือออกไปและเกือบจะได้แตะตัวเจ้ากระต่ายหูใหญ่ก็เสียการทรงตัวและล้มหน้าคว่ำลงบนพื้น ปากของเขาเต็มไปด้วยหญ้า และมีแสงสีขาวจางๆ สว่างวาบขึ้นที่ด้านหลังของเด็กน้อยคนนั้น…
“เจ้าเป็นใคร!” ทหารคนหนึ่งตะโกนถาม
เด็กหนุ่มตัวเล็กคนนั้นหันไปมองเขาและไม่พูดอะไร แต่กลับก้มตัวลงอุ้มเจ้ากระต่ายหูใหญ่ที่วิ่งกลับไปหาเขาขึ้นมาแทน
“เจ้าตะกละ” เด็กหนุ่มคนนั้นดุกระต่ายหูใหญ่จอมตะกละที่วิ่งออกมาหาอาหาร
“แบ๊ะ!” แกะน้อยตัวอ้วนกลมที่ตามหลังเด็กหนุ่มคนนั้นมาร้องขึ้น ดูเหมือนมันกำลังว่าเจ้ากระต่ายตามเจ้านายของมัน
กระต่ายหูใหญ่ดูจะรู้ตัวว่าทำผิด มันกอดหูที่ลงมาปิดหน้าไว้แน่นและซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเด็กหนุ่มคนนั้นอย่างเหนียมอายโดยไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา
ดวงตาของเด็กหนุ่มคนนั้นกวาดมองกลุ่มทหารถืออาวุธ แล้วก็หันหลังตั้งท่าจะเดินจากไปโดยไม่คิดจะอยู่ต่อ
แต่แล้วเสียงเล็กๆ แบบเด็กน้อยก็ดังขึ้นจากด้านหลังของนาง!
“เอ่อ…ท่านจะ…ให้ข้าจับตัวมันสักครั้งก่อนไป…ได้หรือไม่…” เด็กน้อยถุยหญ้าออกจากปากแล้วเงยหน้าขึ้นถามอย่างน่าสงสาร เขาเกือบจะได้แตะตัวเจ้ากระต่ายหูใหญ่ตัวนั้นแล้วเชียว
พอราชครูได้ยินนายเหนือหัวของเขาพูดเช่นนั้น เขาก็อดเอามือปิดหน้าไม่ได้
เด็กหนุ่มที่กำลังเดินจากไปหยุดทันทีและหันกลับมามองเด็กน้อยที่ยังนอนแผ่อยู่บนพื้น สีหน้าเต็มไปด้วยความปรารถนาและเศร้าเสียใจมาก แล้วทันใดนั้นสายตาของจวินอู๋เสียก็ย้ายไปมองที่บั้นท้ายของเด็กน้อย
ขนสีขาวราวหิมะกระจุกหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าจวินอู๋เสีย
เด็กน้อยเหมือนจะรู้ตัวว่าจวินอู๋เสียกำลังมอง เขานึกบางสิ่งขึ้นมาได้ทันทีจึงรีบลุกขึ้นและเอามือปิดขนสีขาวกระจุกนั้นอย่างตื่นตระหนก เขาอายและประหม่ามากจนใบหน้ากลายเป็นสีแดง ดวงตาโตมีน้ำตาคลอ ริมฝีปากสั่นเล็กน้อย ท่าทางเหมือนจะร้องไห้ออกมาได้ทุกเมื่อ…
ขณะเดียวกันเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเด็กน้อยเหมือนจะเห็นภาพนั้นเป็นอีกแบบหนึ่ง
ที่กำลังนั่งอยู่บนพื้นไม่ใช่เด็กน้อยที่เป็นมนุษย์ แต่เป็นดอกไม้ที่ขี้กลัวและอ่อนแอ…
“ขอจับ…แค่ครั้งเดียว…แค่ครั้งเดียว…ก็พอ…นะ…” สีหน้า ‘ข้าจะร้องไห้แล้วนะ’ ของเด็กน้อย เห็นได้อย่างชัดเจน แต่เขาก็ยังอ้อนวอนต่อไม่เลิก ก็เขายังไม่ได้จับเจ้ากระต่ายหูใหญ่เลยนี่นา
พวกทหารต่างรู้สึกอับอายมาก ทุกคนพากันเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองท่าทางน่ารักใสซื่อของฮ่องเต้ของพวกเขาแล้ว