ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 121 ศาสตร์แห่งการฆ่า (3) ตอนที่ 122 ศาสตร์แห่งการฆ่า (4)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 121 ศาสตร์แห่งการฆ่า (3) ตอนที่ 122 ศาสตร์แห่งการฆ่า (4)
ตอนที่ 121 ศาสตร์แห่งการฆ่า (3)
ขุนนางที่คุกเข่าอยู่หน้าประตูวังหลวง ต่างมองขึ้นไปบนกำแพงวังที่ซึ่งฮ่องเต้ของพวกเขาทรงประทับอยู่ แต่ละคนร้องตะโกนอ้อนวอนผ่านทางสายตาขึ้นไป พวกเขามั่นใจว่าฮ่องเต้ของพวกเขาจะต้องช่วยพวกเขาไว้ได้แน่ๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเหลือบไปเห็นซากศพที่นอนกองอยู่ใกล้ๆ พวกเขาถึงตระหนักได้ว่าซากศพเหล่านั้นล้วนเป็นฝ่ายเดียวกับพวกเขาทั้งสิ้น หัวใจของทุกคนจมดิ่งลงสู่ความสิ้นหวัง!
ในเวลานี้เหล่าขุนนางต่างพากันปิดปากเงียบ แม้แต่อู๋อ๋องและเว่ยฉวินหวาก็ยังถูกกองทัพรุ่ยหลินตัดศีรษะ พวกเขาจะยังมีความหวังอะไรได้อีก
นี่เป็นครั้งแรกที่เหล่าขุนนางอาวุโสแห่งราชสำนักรู้สึกหวาดกลัวต่อความตายที่ใกล้เข้ามาอย่างจับใจ
“จวินอู๋เสีย เจ้าจับพวกเขามาทำอะไรกัน” ฮ่องเต้ทรงตรัสถามด้วยน้ำเสียงสั่นไหว แต่เดิมพระองค์ทรงคิดว่าแค่อู๋อ๋องและพระสัสสุระของพระองค์ จวินอู๋เสียก็น่าจะรามือแล้ว แต่เมื่อพระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นเหล่าขุนนางชั้นสูงที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูวังหลวง พระองค์ก็รู้สึกราวกับจะประชวรขึ้นมาดื้อๆ พระวรกายโงนเงนเกือบจะล้ม ลางสังหรณ์ไม่ดีผุดขึ้นในทันใด
กวาดสายพระเนตรมองไปยังใบหน้าที่สิ้นหวังของขุนนางทุกคน โดยไม่มีข้อยกเว้น พวกเขาล้วนแต่เป็นศัตรูของจวนหลินอ๋องทั้งสิ้น
ขณะที่มีป้ายชื่อของพวกเขาคล้องอยู่บริเวณลำคอ ดูเหมือนจวินอู๋เสียพยายามที่จะทำให้พวกเขาเกิดความอัปยศ และชื่อเสียงพังพินาศย่อยยับ
จวินอู๋เสียไม่ได้พลาดใครไปเลยแม้แต่คนเดียว ไม่มีใครถูกนางจับผิดตัวมาเลยสักคน
ขุนนางทุกตำแหน่งในเมืองหลวงที่ตั้งใจเป็นศัตรูกับสกุลจวิน ล้วนถูกกองทัพรุ่ยหลินต้อนมาอยู่ที่นี่ทั้งหมดแล้ว!
ฮ่องเต้หวาดกลัวมาก ความคิดอันแสนน่ากลัวค่อยๆ ปกคลุมเข้ามาในพระหทัยของพระองค์ และเมื่อพระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นรอยยิ้มเยาะบนใบหน้าของจวินอู๋เสีย พระวรกายของพระองค์ก็ราวกับถูกฉีกกระชากออกเป็นเสี่ยงๆ
บ้าไปแล้ว! ไม่มีสิ่งใดที่คนบ้าเช่นนางจะทำออกมาไม่ได้อีก!
“ให้พวกเขาอ่าน” จวินอู๋เสียโยนม้วนกระดาษที่เหลือบนหลังของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำลงพื้นด้านหน้าขุนนางที่คุกเข้าอยู่ ม้วนกระดาษหลุดออกจากปากถุงและกลิ้งไปทั่ว
หลงฉีสั่งให้กองทัพรุ่ยหลินส่งมอบม้วนกระดาษนั้นให้กับขุนนางทีละคน และสั่งให้พวกเขาเปิดอ่านเนื้อหาที่อยู่ด้านใน
ชั่วขณะหนึ่ง ใบหน้าของขุนนางทั้งหมดก็ซีดเผือด ร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้านราวกับกิ่งหลิวท่ามกลางสายลมกรรโชก
“อ่าน!” จวินอู๋เสียตะคอกอย่างอาฆาต
หลงฉีชักดาบออกมาจากฝักและพาดมันลงบนลำคอของขุนนางชั้นสูงผู้หนึ่งที่นั่งคุกเข่าอยู่ริมขวาสุดโดยตรง จนคนผู้นั้นเกือบจะร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัว เขาเปิดอ่านม้วนกระดาษตรงหน้าด้วยมือที่สั่นระริก “หลิวผู่…รัช… รัชศกไคหยวนปีที่สิบสาม…ฉุด…ฉุดคร่าหญิงชาวบ้านนางหนึ่ง ฆะ…ฆ่าล้างครอบครัว…”
แม้เสียงที่อ่านจะตะกุกตะกักและแผ่วเบาราวกับฮึมฮำอยู่ในลำคอ แต่บาปที่เขาถ่ายทอดออกมานั้น ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นทั้งหมดต่างได้ยินมันอย่างชัดเจน
เหงื่อไหลท่วมตัวของเขา และทันทีที่เขาอ่านเนื้อหาที่บันทึกอยู่ในม้วนกระดาษจบ ร่างมีอายุก็ทรุดตัวลงกับพื้น
“ฆ่า!” จวินอู๋เสียสั่งเบาๆ
“ใส่ร้าย! ข้าถูกใส่ร้าย! โปรดเมตตาด้วย! ข้าไม่ได้…” หลิวผู่ที่คุกเข่าอยู่กำลังจะเปิดปากแก้ต่าง แต่เขาก็ถูกดาบในมือของทหารกองทัพรุ่ยหลินที่ยืนอยู่ด้านหลังฟันฉับลงมาอย่างรวดเร็ว
จากนั้นศีรษะเปื้อนเลือดก็ค่อยๆ กลิ้งไปหยุดบนพื้นหินหน้าประตูวัง ทิ้งคราบสีแดงไว้เป็นทางยาว
ขุนนางทั้งหมดที่ได้เห็นฉากนี้ต่างก็พากันหวาดกลัวและคิดว่ามันคงถึงวาระของพวกเขาแล้วใช่หรือไม่ มองดูม้วนกระดาษในมือของพวกเขา แต่ละคนก็ตัวสั่น พวกเขาไม่กล้าคลี่ม้วนกระดาษตรงหน้าออกเลย เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าในม้วนกระดาษนั้นระบุรายละเอียดเรื่องชั่วที่ผ่านมาของพวกเขาไว้มากน้อยเพียงใด และพวกเขาก็กลัวว่าจะได้เป็นผู้เปิดอ่านม้วนกระดาษเป็นรายต่อไปด้วย
เมื่อความตายย่างกรายมาเยือนถึงเหนือศีรษะ ในที่สุดพวกเขาก็ตระหนักได้ว่าจวินอู๋เสียต้องการฆ่าพวกเขาจริงๆ!
เมื่อม้วนกระดาษระบุรายละเอียดเรื่องชั่วของพวกเขาถูกอ่านออกมา ก็ถึงเวลาที่ศีรษะของพวกเขาจะตกลงสู่พื้น
“ฝ่าบาท! โปรดเมตตากระหม่อมด้วย!”
“ฝ่าบาท!”
เสียงร้องไห้คร่ำครวญดังขึ้น เหล่าขุนนางที่คุกเข่าอยู่บนพื้นหินแข็งหน้าประตูวัง โขกศีรษะลงกับพื้น อ้อนวอนฮ่องเต้ผู้ซึ่งเป็นความหวังสุดท้ายของพวกเขา
“จวินอู๋เสีย! สำหรับโทษอาญาพวกนี้จะมีการดำเนินการสอบสวนและลงโทษตามกฎหมายในภายหลัง! เรื่องนี้เจ้าไม่มีสิทธิ์ยื่นมือเข้ามายุ่ง!” มั่วเซวี่ยนเฝ่ยทนไม่ไหวแล้ว ชี้นิ้วไปที่จมูกของจวินอู๋เสียแล้วตะโกนใส่อย่างระงับความโกรธไว้ไม่อยู่
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “หม่อมฉันเพียงทำตามรับสั่ง”
“ไร้สาระ! ผู้ใดสั่งเจ้า!”
“บุตรแห่งสวรรค์องค์ปัจจุบัน…ฮ่องเต้”
“โกหก!” มั่วเซวี่ยนเฝ่ยรอไม่ไหวแล้วที่จะฉีกกระชากร่างของจวินอู๋เสียให้ขาดออกเป็นชิ้นๆ
จวินอู๋เสียไม่ได้เร่งรีบร้อนใจ นางตอบคำถามมั่วเซวี่ยนเฝ่ยกลับไปอย่างสงบว่า “บุคคลเหล่านี้ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับคดีลอบโจมตีองค์ชายรอง ฝ่าบาทได้มอบอำนาจเบ็ดเสร็จให้แก่จวนหลินอ๋องเพื่อดำเนินการสืบสวนและแก้ไขปัญหานี้อย่างเต็มที่แล้ว”
ดังนั้นนางอยากจะฆ่าเท่าไหร่ก็ทำได้
ไม่ใช่เหรอ…
ตอนที่ 122 ศาสตร์แห่งการฆ่า (4)
มั่วเซวี่ยนเฝ่ยเคยเห็นคนไร้ยางอายมามาก แต่ก็ไม่เคยเห็นใครไร้ยางอายได้เท่าจวินอู๋เสียมาก่อนเลย!
นางกล้าป่าวประกาศอย่างโจ่งแจ้งว่าคนพวกนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีลอบทำร้ายเขา ทั้งที่ในความจริงนางยัดข้อหาให้พวกเขาชัดๆ!
ขุนนางเหล่านี้ทุกคนล้วนแต่เป็นคนสำคัญและมีตำแหน่งสูงในราชสำนัก เป็นขุนนางสำคัญของรัฐชี!
สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาจบลงด้วยการที่ต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ ก็คือความเป็นปฏิปักษ์ต่อจวนหลินอ๋องของพวกเขา!
นี่นางกล้ามากขนาดไหนกัน
วินาทีนี้ แม้แต่มั่วเฉี่ยนยวนที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ในกลุ่มคนมาโดยตลอด ก็ชักสงสัยขึ้นมาตงิดว่าจวินอู๋เสียอาจจะไม่ใช่ลูกหลานของสกุลจวินจริงๆ เพราะนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่รุ่นปู่ของนางมาจนถึงรุ่นบิดาและท่านอาเล็กของนาง ทุกคนล้วนแต่มีอุปนิสัยที่ซื่อตรงและตรงไปตรงมา พวกเขาไม่เคยใช้วิธีการต่ำช้าและน่ารังเกียจเช่นนี้เลยสักครั้ง! แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาแปลกใจมากยิ่งขึ้นก็คือความเด็ดขาดและรุนแรงในการประหารชีวิตเหล่าขุนนาง นี่ไม่ใช่สิ่งที่เด็กสาวในวัยเช่นนางจะสามารถทำได้!
หลักฐานการก่ออาชญากรรมของเหล่าขุนนางมากมายมากมาย ไม่รู้ว่านางไปขุดมาจากที่ไหน
อีกหนึ่งสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ ดูจากการที่นางพกพวกมันติดตัวไว้ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่ามีการวางแผนเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้าก่อนที่นางจะเคลื่อนกำลังพลแล้ว!
ละเอียดรอบคอบ คำนวณทุกอย่างไว้อย่างถี่ถ้วนไร้ซึ่งช่องโหว่…
สิ่งที่จำเป็นต้องใช้สำหรับกลยุทธ์ ‘ยืมดาบฆ่าคน’ ทั้งหมด จวินอู๋เสียไม่พลาดแม้แต่อย่างเดียว
ช่างเป็นเด็กสาวที่น่ากลัวจริงๆ!
จวินอู๋เสียไหนเลยจะมีความสามารถถึงขนาดรวบรวมหลักฐานกระทำความผิดของเหล่าขุนนางพวกนั้น หลักฐานทั้งหมดนี้ล้วนถูกจัดทำขึ้นโดยจวินเสี่ยนเป็นการส่วนตัว แต่เขาไม่เคยมีโอกาสได้ใช้มัน ถึงแม้ว่าจวนหลินอ๋องจะถูกโจมตีจากทุกทิศทาง แต่เขาก็ยังคงเก็บพวกมันไว้ที่จวนเพื่อศึกษาหาทางรับมือกับพวกเขา เขาคงไม่เคยคิดฝันว่าสักวันหนึ่งมันจะถูกนำมาใช้โดยหลานสาวของเขาในลักษณะนี้!
จวินเสี่ยนรู้ดีว่าถึงแม้เขาจะเปิดเผยหลักฐานนี้ต่อฮ่องเต้แล้ว พระองค์ก็อาจจะไม่มีรับสั่งให้ลงโทษอะไร ตรงกันข้ามอาจจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อจวนหลินอ๋องของเขามากขึ้น หรือไม่ก็หาทางลงโทษเขาทางใดทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม จวินอู๋เสียกลับได้ใช้ประโยชน์จากหลักฐานพวกนี้อย่างคุ้มค่า นางต้องการเพียงข้ออ้างเพื่อทำการสังหารพวกเขาอย่างชอบธรรมเท่านั้น และราชโองการก่อนหน้านี้ของฮ่องเต้กับหลักฐานพวกนี้ก็เข้าทางนางพอดี
เสียงปรบมือสนับสนุนจากประชาชน จะเป็นอาวุธที่น่ากลัวที่สุดของนาง
จวินอู๋เสียพลิกแพลงใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สิ่งที่รุ่นก่อนอย่างจวินเสี่ยนและจวินชิงไม่กล้าทำ ยกให้คนรุ่นหลานอย่างนางเป็นคนทำแทนก็แล้วกัน ลูกไม้น่ารังเกียจใดๆ ในสายตาของพวกเขา ขอเพียงแค่มันมีประโยชน์กับนาง ต่อให้จะต้องถูกชี้หน้ารุมด่าประณามจากผู้คน จวินอู๋เสียก็ไม่แยแส
นางขอแค่สองสิ่ง…
กำจัดศัตรูทั้งหมดของจวนหลินอ๋อง และบังคับให้ฮ่องเต้ปล่อยตัวจวินเสี่ยนกลับคืนมา!
ขุนนางรายแล้วรายเล่าสิ้นลมภายใต้คมดาบของกองทัพรุ่ยหลิน ที่หน้าประตูวัง บัดนี้ถูกย้อมอาบไปด้วยโลหิตสีแดงอย่างช้าๆ จนดูราวกับพรมสีทับทิมเข้ม บรรยากาศเริ่มตึงเครียดด้วยกลิ่นอายแห่งความตายที่แผ่ไปทั่วบริเวณ
ทว่าทั้งหมดนี้ยังไม่จบ…
ตราบเท่าที่ฮ่องเต้ยังไม่ยอมคืนจวินเสี่ยนให้นาง จวินอู๋เสียก็จะสังหารขุนนางของเขาต่อเรื่อยๆ ไปจนกว่าอีกฝ่ายจะยอมจำนน!
สู้กันเรื่องความโหดเหี้ยมเหรอ…จวินอู๋เสียไม่เคยแพ้ใครในเรื่องนี้!
พระวรกายของฮ่องเต้พังทลายไปแล้ว พระโอษฐ์ของพระองค์ซีดขาว ในขณะที่พระพักตร์เขียวคล้ำและเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยว
ศักดิ์ศรีของฮ่องเต้ ถูกจวินอู๋เสียเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่เหลือชิ้นดี
ทุกๆ นาทีและทุกๆ วินาที จวินอู๋เสียทำสิ่งเดิมคล้ายกันนั่นก็คือการตบพระพักตร์ของพระองค์!
อย่างไรก็ตาม ภายใต้กองกำลังทหารของกองทัพรุ่ยหลินนับหนึ่งแสนนายที่ข่มขู่อยู่ที่หน้ากำแพงวัง พระองค์ไม่สามารถต้านทานได้เลย!
จวินเสี่ยนเป็นผู้ที่จงรักภักดีต่อบ้านเมือง แต่เขากลับต้องเผชิญหน้ากับการประหัตประหารจากผู้ที่เขามอบความจงรักภักดีให้ ในทางตรงกันข้าม จวินอู๋เสียที่ไม่สนใจฮ่องเต้แม้แต่น้อย กลับเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของพระองค์จนไม่เหลือซาก ต้องการบีบบังคับให้พระองค์สละราชบัลลังก์ สิ่งนี้ทำให้ฮ่องเต้หวาดกลัวเป็นอย่างมาก
เพราะเป็นคนดีถึงได้ถูกรังแก ดังนั้นจวินอู๋เสียสาบานว่านางจะไม่เป็นคนดีอีกต่อไป!
แม้ว่าหลังจากที่นางตายและตกนรกไปแล้ว นางก็จะทำให้ผู้คนที่เคยรังแกนางได้รู้ว่า การยั่วยุวิญญาณร้ายเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในโลก!
ตราบใดที่นางยังไม่เห็นร่างของจวินเสี่ยน การฆ่าของนางก็จะไม่หยุด!
แม้ว่าจะต้องฝังทั้งเมืองหลวงแห่งนี้ไปด้วย นางก็จะต้องตามหาท่านปู่ของนางให้เจอให้ได้!
ความเกลียดชังของฮ่องเต้และมั่วเซวี่ยนเฝ่ยที่มีต่อจวินอู๋เสีย เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวขึ้นทุกขณะ เพราะความเลือดเย็นและไร้ปรานีของนาง นี่ไม่ใช่วิธีการของจวนหลินอ๋องที่พวกเขารู้จัก แต่มันคือความชั่วร้ายของจวินอู๋เสียโดยเฉพาะ
ในขณะนั้นฮ่องเต้ทรงเสียพระทัยอย่างสุดซึ้งว่าทำไมพระองค์จะต้องไปยั่วยุสกุลจวินด้วย ถ้าหากพระองค์ทรงทราบว่าในสกุลจวินนี้ยังมีปีศาจร้ายตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งหลับใหลอยู่ พระองค์จะไม่ไปกระตุ้นมันขึ้นมาเลย!
พระองค์จะรักสกุลจวินดั่งพี่น้องและยกขึ้นหิ้งบูชาเอาไว้!
“เร็วเข้า! ด่วนที่สุด! รีบส่งคนไปหยุดพวกเขาเดี๋ยวนี้! เราไม่สามารถฆ่าจวินเสี่ยนได้!” ถ้าเขาถูกฆ่า เด็กนี่จะต้องบ้ายิ่งกว่าเก่าและต้องคิดหาวิธีแก้แค้นพระองค์เป็นแน่! พระองค์ทรงเข้าใจพฤติกรรมที่โหดร้ายและป่าเถื่อนทั้งหมดของจวินอู๋เสียแล้วว่าเป็นตัวแทนของอะไร