ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 123 ศาสตร์แห่งการฆ่า (5) ตอนที่ 124 รอความตายเกิด (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 123 ศาสตร์แห่งการฆ่า (5) ตอนที่ 124 รอความตายเกิด (1)
ตอนที่ 123 ศาสตร์แห่งการฆ่า (5)
จวินอู๋เสียตั้งใจจะสู้กับฮ่องเต้ให้ถึงที่สุด เนื่องจากนางได้ทำเรื่องราวให้ลุกลามใหญ่โตถึงขั้นนี้แล้ว จึงไม่มีอะไรต้องหวาดกลัวอีกต่อไป
หากฮ่องเต้ยังมองนางเป็นภัยคุกคามอยู่เขาก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว เพราะนางกล้าปลงพระชนม์ฮ่องเต้จริงๆ!
จวินอู๋เสียพร้อมจะดำเนินการสังหารหมู่ต่อไป ตราบเท่าที่มันช่วยขจัดทุกสิ่งที่ขวางอยู่ในเส้นทางของนาง!
พระเสโทเย็นๆ ของฮ่องเต้ไหลชุ่มฉลองพระองค์ที่สวมใส่ เดิมทีพระองค์คิดอย่างไร้เดียงสาว่าขอเพียงแค่คืนนี้จวินเสี่ยนตายไปแล้ว และพระองค์ยืนหยัดถ่วงเวลาไปจนถึงพรุ่งนี้เช้าได้ เด็กสาวตัวเล็กๆ ตรงหน้าก็จะไม่เหลือลูกไม้ใดๆ ให้เล่นอีก อย่างไรก็ตาม เมื่อทรงพิจารณาตามสถานการณ์ปัจจุบัน หากจวินอู๋เสียไม่พบจวินเสี่ยนในคืนนี้ มีความเป็นไปได้มากว่านางจะบุกเข้ามาในวังหลวงแล้วปลงพระชนม์พระองค์จริงๆ!
ณ จุดนี้ ฮ่องเต้ทรงตระหนักได้ในที่สุดว่าพระองค์พ่ายแพ้แล้ว การดึงดันต่อไปมีแต่จะทำให้เรื่องราวทุกอย่างย่ำแย่ลง
แผนการใดๆ ของพระองค์ พวกมันล้วนไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าจวินอู๋เสีย!
พระองค์ไม่เคยพบคนที่มุทะลุ ไม่สนใจผลของการกระทำที่จะตามมาอย่างสิ้นเชิงเช่นนี้มาก่อนเลย จวินอู๋เสียผู้นี้ดุร้ายและไร้ความปรานียิ่งกว่าคู่ต่อสู้ใดๆ ที่พระองค์เคยพบมา!
ขันทีผู้ซึ่งรับราชโองการใหม่จากฮ่องเต้ รีบผละออกไปจากตรงนั้นแล้ววิ่งไปอย่างสุดกำลังโดยที่ไม่ยอมหยุด เพื่อจะห้ามมิให้เกิดอันตรายใดๆ ต่อจวินเสี่ยน ขณะที่มั่วเซวี่ยนเฝ่ยผู้ซึ่งได้ยินทุกคำตรัสของผู้เป็นบิดา แทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเห็น เสด็จพ่อของเขายอมประนีประนอมกับจวนหลินอ๋องจริงๆ!
ฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ ถูกเด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งบีบจนถึงขั้นต้องยอมถอยและอ่อนข้อให้!
นี่…แทบไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ!
“เสด็จพ่อ เหตุใดพระองค์ถึงได้…”
“หุบปาก! หรือเจ้ายังมองไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นห๊ะ! ถ้าหากว่าก่อนพระอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้นังเด็กนั่นยังไม่เห็นหน้าจวินเสี่ยนล่ะก็ นางจะต้องนำกองทัพรุ่ยหลินบุกเข้ามาสังหารข้าและเจ้าในวังหลวงอย่างแน่นอน! เมื่อถึงเวลานั้น อย่าว่าแต่บัลลังก์เลย แม้แต่ชีวิตจะรักษาไว้ได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้!” ฮ่องเต้ถอนพระอัสสาสะออกด้วยอาการปวดเศียรเวียนเกล้า ฉลองพระองค์ปักลายมังกรสีทองอร่ามชุ่มโชกไปด้วยพระเสโท ความโหดร้ายของเด็กสาวคนนี้ พระองค์ได้ประจักษ์แก่ดวงเนตรแล้ว และปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันทำให้ทรงรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากจริงๆ
มั่วเซวี่ยนเฝ่ยจ้องมองไปที่ฮ่องเต้ด้วยสายตาตกตะลึง “มันจะเป็นได้อย่างไรกัน! นางจะกล้าถึงขั้นสังหารเชื้อพระวงศ์ ปลงพระชนม์ฮ่องเต้เชียวหรือ!”
ฮ่องเต้เริ่มกริ้วจัด “นางกล้าแน่! เจ้าไม่เห็นหรือว่าตอนนี้นางกำลังทำอะไรอยู่ นางกำลังเตือนข้า เตือนว่านางสามารถฆ่าเหล่าขุนนางมากมายต่อหน้าข้าและชาวเมืองจำนวนมากได้ นางก็สามารถปลงพระชนม์ข้าได้เช่นกันและนางไม่กลัวด้วย! นางไม่สนใจว่าจะแตกหักกับราชวงศ์หรือไม่ ตราบใดที่ข้ากล้าฆ่าจวินเสี่ยน นางก็จะบุกเข้าวังมาแล้วฆ่าทุกคนให้ตกตายไปตามกัน!”
ฮ่องเต้ทรงหวนนึกถึงดวงตาเย็นชาที่จ้องมองมาของจวินอู๋เสีย พลันพระวรกายของพระองค์ก็สั่นสะท้าน ความรู้สึกเย็นยะเยือกแล่นไปจนถึงพระปิฐิกัณฐกัฐิของพระองค์
“เจ้าอย่าได้คิดว่าด้วยการพึ่งพากองทหารรักษาพระองค์ในวังหลวง จะสามารถต้านทานการโจมตีของกองทัพรุ่ยหลินทั้งหนึ่งแสนนายได้ กองทัพรุ่ยหลินรับคำสั่งและเชื่อฟังเพียงคนสกุลจวินเท่านั้น เจ้าก็ได้เห็นการลงมือที่รุนแรงของกองทัพรุ่ยหลินภายใต้การนำของจวินอู๋เสียแล้วนี่ ทั้งๆ ที่มันเป็นการกระทำที่เกินขอบเขตและดูบ้าน่าขนลุกในสายตาของประชาชนทั่วไป แต่พวกเขาก็ยังลงมือทำโดยไม่ลังเล!
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำข้าปวดใจมากที่สุดก็คือประชาชนยังเข้าข้าง แถมยังมองนางว่าเป็นวีรบุรุษที่ช่วยกำจัดขุนนางกังฉินให้หมดไปจากรัฐชีอีกด้วย!”
ฮ่องเต้ทรงตรัสต่อ “การฆ่าคนไม่ได้น่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือไม่ว่านางจะฆ่าไปเท่าไหร่ ประชาชนก็ยังยืนอยู่เคียงข้างนางและมองว่านางเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง! เจ้ารู้จักนางมากว่าสิบปีแล้ว ไม่รู้เลยหรือว่านางเป็นคนเช่นนี้ เจ้าไม่แอะใจสักนิดเลยหรือว่านางกำลังปิดบังและซุกซ่อนความสามารถของตัวเองอยู่ การที่นางสามารถปลุกระดมกองทัพรุ่ยหลินเพื่อให้เกิดการสังหารหมู่ตามคำสั่งของนางได้ ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถทำได้ในวันสองวัน อย่ามองว่ายัยเด็กนั่นพูดน้อยแล้วจะประมาทนาง วิธีคิดและวิธีการลงมือเช่นนั้น ต่อให้เป็นเจ้าที่ฝึกฝนมาเกือบสิบปีก็ใช่ว่าจะสามารถเทียบนางได้” ยิ่งวิเคราะห์ พระองค์ก็ยิ่งหวาดกลัวในตัวจวินอู๋เสียมากขึ้นไปอีก
เด็กสาวคนหนึ่ง สามารถคิดแผนการที่ยิ่งใหญ่อย่างการบุกเมืองหลวงและบังคับฮ่องเต้สละราชบัลลังก์ ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำก็สามารถปลุกเร้าจิตใจให้ผู้ฟังคล้อยตามได้ แถมยังมีความสามารถในการควบคุมกองทัพนับแสน…
แล้วจะให้พระองค์เอาอะไรไปสู้กับนาง!
อันคำว่าอำนาจของฮ่องเต้ ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดก็ต่อเมื่อมีขุนนางรับใช้เชื่อฟัง แต่ในเมื่อในสายของจวินอู๋เสียไม่มีพระองค์อยู่แม้แต่น้อย อำนาจของพระองค์ก็ไม่ต่างอะไรจากลมเย็นๆ ที่ผายออกมารอบหนึ่ง
สำหรับนางแล้ว การปลงพระชนม์พระองค์กับฆ่าหมาแมวสักตัวในสวนหลังบ้าน หาได้มีความแตกต่างกันแม้แต่น้อย!
ในสายตาของจวินอู๋เสีย สิ่งที่ขวางกั้นจวนหลินอ๋องทั้งหมดไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับนาง!
ฮ่องเต้ทรงกังวลพระทัยมากในขณะนี้ การที่สกุลจวินมีปีศาจร้ายเช่นนี้อยู่ วันข้างหน้าหากยังคิดที่จะกำจัดสกุลจวิน เกรงว่าคงเป็นได้เพียงฝันกลางวันเท่านั้น
เมื่อพระองค์ทรงคิดย้อนกลับมา ฮ่องเต้ก็แทบอยากจะบีบคอมั่วเซวี่ยนเฝ่ยให้ตายคามือ! หมั้นหมายกับจวินอู๋เสียมาตั้งหลายปี แต่ดันไม่รู้นิสัยใจคอของยัยเด็กนี่ว่าเป็นปีศาจร้ายในคราบมนุษย์!
หากพระองค์รู้สิ่งนี้แต่แรก อย่าว่าแต่จะจับมั่วเซวี่ยนเฝ่ยใส่พานแล้วยกถวายให้นางเลย พระองค์จะจับจวินอู๋เสียมัดติดกับราชวงศ์ แล้วถีบหัวส่งลูกชายทั้งหลายของพระองค์ออกไปให้นางชี้นิ้วเลือกตามอำเภอใจ!
แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว!
ตอนที่ 124 รอความตายเกิด (1)
บนโลกนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจภายหลัง ฮ่องเต้ทรงรู้ และมั่วเซวี่ยนเฝ่ยเองก็รู้
ตอนนี้พวกเขาได้แต่อธิษฐานว่าคนเพียงคนเดียวที่จะสามารถทำตามพระบัญชาของพระองค์ และสามารถหยุดนางมารร้ายที่กำลังอาละวาดอยู่ในขณะนี้จะมาถึงได้ทันการณ์ เมื่อขันทีไปถึง หากจวินเสี่ยนยังมีชีวิตอยู่ก็ดีไป แต่หากจวินเสี่ยนตายไปแล้ว เกรงว่าพระองค์อาจต้องสวรรคตตามจวินเสี่ยนไปด้วย!
สายลมยามวิกาลนั้นหนาวนัก แต่ก็ไม่ได้หนาวเหน็บเท่ากับฉากการสังหารหมู่เบื้องล่างกำแพงวัง กลิ่นคาวเลือดโชยไปทั่ว จนทำให้ท้องไส้ของหลายคนปั่นป่วน คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นขุนนางสำคัญของรัฐชี แต่เวลานี้ร่างของพวกเขากลับถูกตัดขาดออกจากกัน กลายเป็นเพียงซากศพที่ถูกทิ้งขว้างอยู่ข้างกำแพงวังอย่างน่าอนาถา
หลังจากร่างของขุนนางคนสุดท้ายร่วงลงกับพื้น จวินอู๋เสียก็ยกแขนของนางขึ้น ทหารของกองทัพรุ่ยหลินที่รับหน้าที่เป็นเพชฌฆาตจำเพาะก็ก้าวถอยหลัง เช็ดทำความสะอาดดาบของพวกเขาก่อนจะเก็บมันเข้าฝักตามเดิม
แม้ว่าดาบพวกนั้นจะถูกเช็ดจนสะอาดแล้ว แต่พวกมันก็ไม่อาจลบล้างความจริงที่ว่าพวกมันได้พรากชีวิตขุนนางจำนวนมากไปในค่ำคืนนี้
จวินอู๋เสียมองไปที่ฮ่องเต้และกระตุกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย
ฮ่องเต้ที่ประทับอยู่บนกำแพงวังสั่นสะท้านเพราะรอยยิ้มนั้นของนาง ทรงรีบร้อนตรัสชมกลับไปว่า “อู๋เสียเอ๋ย วันนี้เจ้าทำได้ยอดเยี่ยมนัก การกำจัดขุนนางชั่วเหล่านี้ก็เหมือนกับการช่วยกำจัดโรคร้ายที่อาจก่อให้เกิดภัยพิบัติขึ้นในภายหน้าได้ เจ้าช่างคล้ายกับจวินเสี่ยนจริงๆ จวนหลินอ๋องจะได้รับการตกรางวัลอย่างงามแน่นอน!”
รอยยิ้มของจวินอู๋เสียค่อยๆ เรียบจางลง ดวงตาของนางแข็งกร้าวขึ้น ในขณะที่ทั้งพระพักตร์ของฮ่องเต้ถูกปกคลุมไปด้วยพระเสโทเย็นๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่ฮ่องเต้มีรับสั่งถึงจวินเสี่ยนก่อน และจวินอู๋เสียก็เข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ภายในคำพูดของฮ่องเต้เป็นอย่างดี
ยอดเยี่ยม! นี่แหละผลลัพธ์ที่นางต้องการ!
ในที่สุดฮ่องเต้ก็ไม่อาจทนต่อการคุกคามของความตายได้อีกต่อไปและเลือกที่จะส่งจวินเสี่ยนคืนให้
แต่…
ความว่างเปล่าวิ่งผ่านดวงตาจวินอู๋เสียไปอย่างรวดเร็ว รับสั่งที่ว่าจะพระราชทานรางวัลให้แก่จวนหลินอ๋องของฮ่องเต้ ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ จากจวินอู๋เสียแม้แต่คำเดียว นางเพียงปรายตามองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ไม่มีแม้แต่คำขอบคุณตามระเบียบพิธีการ จวินอู๋เสียเดินเข้าไปหาสัตว์ร้ายสีดำและกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังของมันอย่างช้าๆ
มุมพระโอษฐ์ของฮ่องเต้กระตุก และพระพักตร์ของพระองค์ก็แดงก่ำ แม้ว่าพระองค์จะทรงกริ้วแค่ไหนแต่ในเวลานี้ก็ทรงทำได้เพียงอดทน จวินอู๋เสียไม่ได้ต้องการคำชมของพระองค์ ยิ่งไม่ได้อยากได้รางวัลใดๆ นางต้องการเพียงจวินเสี่ยนเท่านั้น!
ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันอย่างเงียบๆ ฮ่องเต้ลอบอธิษฐานในใจว่าขอให้จวินเสี่ยนยังปลอดภัยดีด้วยเถิด พระองค์หวังไว้เป็นอย่างยิ่งว่าคนที่พระองค์ส่งไปจะกลับมาพร้อมกับจวินเสี่ยนที่ไร้ซึ่งรอยขีดข่วนใดๆ
ในเวลานี้ ไม่มีผู้ใดในโลกนี้ที่จะห่วงความปลอดภัยของจวินเสี่ยนมากไปกว่าพระองค์อีกแล้ว พระองค์อยากให้จวินเสี่ยนรีบบึ่งมาที่นี่โดยเร็ว แล้วห่อปีศาจน้อยบ้านพวกเขากลับจวนไปเสีย!
เวลาค่อยๆ ล่วงเลยไป พระเสโทเย็นเยียบบนพระนลาฏของฮ่องเต้ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เสียงฝีเท้าหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ฮ่องเต้หันพระพักตร์กลับไปมอง แต่ภาพที่พระองค์ทรงคาดหวังกลับกลายเป็นสีหน้าซีดเผือดของขันทีข้างพระวรกาย
ในที่สุด ขันทีที่พระองค์ส่งไปเพื่อหยุดยั้งโศกนาฏกรรมก็วิ่งกลับมาพร้อมกับใบหน้าเคร่งขรึม เขาไม่ได้พาจวินเสี่ยนกลับมาด้วย!
“จวินเสี่ยนเล่า! จวินเสี่ยนอยู่ที่ไหน!” ฮ่องเต้กระชากคอเสื้อขันทีที่รับพระบัญชาให้ไปตามจวินเสี่ยนกลับมา พระสุรเสียงของพระองค์ประหม่าและร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด
ขันทีผู้นั้นแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว “ทูล…ฝ่า…ฝ่าบาท เมื่อ…เมื่อบ่าวไปถึงที่นั่น ที่…ที่แห่งนั้นก็ว่างเปล่าแล้ว มี…มีเพียงกองเลือดเหลืออยู่เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ…”
เสียงระเบิดดังขึ้นในใจของฮ่องเต้ทันที
พระองค์เกือบทรุดพระวรกายลงไปกับพื้น
กองเลือด…
หรือว่า…ไม่สิไม่…
หรือจะเป็น…จวินเสี่ยนถูกฆ่าตายแล้วอย่างนั้นหรือ!
เป็นเวลาหลายปีที่ฮ่องเต้ปรารถนาให้จวินเสี่ยนตาย แต่ในเวลานี้ข่าวการตายของเขากลับทำให้พระองค์รู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
จวินเสี่ยนตายแล้ว! จวินอู๋เสียจะไม่มีวันปล่อยพระองค์ไป!
ความหวังของฮ่องเต้พังทลายลง พร้อมๆ กับความกลัวที่เกาะกุมไปทั้งพระหฤทัย พระองค์ไม่กล้าผินพระพักตร์ไปมองจวินอู๋เสียแม้แต่น้อย พระเนตรของพระองค์เบิกกว้างและพระเสโทเย็นๆ ก็ไหลบ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง
จวินอู๋เสียจะต้องบุกเข้ามาในวังอย่างแน่นอน และหลังจากนั้นทุกคนก็จะถูกฝังไปพร้อมกับจวินเสี่ยน!
“ฝ่าบาท!” เสียงเรียกหวานๆ ที่เหมือนใบมีดคมกริบปลุกให้พระองค์ได้สติคืนมา ฮ่องเต้ราวกับถูกสายฟ้าฟาดลงกลางพระสิรัฐิ พระหทัยเต้นโครมครามด้วยความหวาดกลัวเป็นล้นพ้น
“มี…มีอะไรหรือ” ฮ่องเต้พยายามทำตัวให้เป็นปกติ และตรัสถามกลับไปด้วยเสียงสั่น
จะให้รู้ไม่ได้เด็ดขาด! ให้จวินอู๋เสียรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าจวินเสี่ยนถูกฆ่าตายไปแล้ว!
ดวงตาเย็นชาของจวินอู๋เสียเย็นเยียบขึ้นกว่าเดิมหลายร้อยพันเท่า สายตาที่จ้องมองไปทางฮ่องเต้ราวกับใบมีดน้ำแข็งที่เจาะทะลุร่างของพระองค์
ทันใดนั้น รูม่านตาของนางก็หดตัวลง เจตนาฆ่าไหลทะลักออกมาจากร่างบางและแผ่ขยายท่วมท้นไปทั่วฟ้า
เขากล้าดีอย่างไร!