ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1355 หรือนี่จะเป็นความฝัน (1) / ตอนที่ 1356 หรือนี่จะเป็นความฝัน (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1355 หรือนี่จะเป็นความฝัน (1) / ตอนที่ 1356 หรือนี่จะเป็นความฝัน (2)
ตอนที่ 1355 หรือนี่จะเป็นความฝัน (1) / ตอนที่ 1356 หรือนี่จะเป็นความฝัน (2)
ตอนที่ 1355 หรือนี่จะเป็นความฝัน (1)
ตอนที่ 1355 หรือนี่จะเป็นความฝัน (1)
การที่เห็นบรรยากาศและท่าทางของคนคนหนึ่งเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในทันที ไม่ใช่สถานการณ์ที่จวินอู๋เสียเคยเห็นบ่อยนัก และถึงแม้ว่าบรรยากาศจะเปลี่ยนไป แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงได้ แต่ ‘เด็กหญิง’ ตรงหน้ากำลังทำให้จวินอู๋เสียรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ
แค่เพียงพริบตา คนตรงหน้านางก็ไม่ใช่เด็กหญิงใสซื่อไร้เดียงสาอีกต่อไป แต่เป็นเด็กหนุ่มที่มีสายตาคมกริบซึ่งเปล่งรังสีฆ่าฟันออกมาจากทั่วทั้งร่าง!
เสียงพื้นสั่นสะเทือนดังกึกก้องรุนแรงขึ้น และเสียงกระแทกก็ดังไปทั่วทุกหนแห่ง
หนูนรกที่อยู่บนไหล่ของ “เด็กหญิง” กระโจนลงมาในช่วงเวลาเดียวกันกับที่หน้ากากโลหะย้ายตำแหน่ง ร่างเล็กๆ ขนาดเท่าฝ่ามือของมันเปลี่ยนเป็นพยัคฆ์เขี้ยวดาบสีทองขณะที่มันลงสู่พื้น
“ใครมันบังอาจสร้างความเสียหายให้สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ!” เสียงที่นุ่มนวลสงบเสงี่ยมของเด็กหญิงพลันเปลี่ยนเป็นเสียงที่ดังชัดเจนของเด็กหนุ่ม ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย รังสีฆ่าฟันเปล่งออกมาจากร่างอย่างน่ากลัว!
เสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้น!!!
หลังคาของห้องโถงที่จวินอู๋เสียอยู่พลันเกิดรูขนาดใหญ่ขึ้น!
เศษหินแตกร่วงหล่นลงมาพร้อมกับฝุ่นละอองขนาดใหญ่ พวกมันหล่นลงบนสมบัติที่ปกคลุมพื้นห้องโถง ก่อให้เกิดเสียงกริ๊งๆ ขึ้น
เมฆฝุ่นขนาดใหญ่ลอยฟุ้งบดบังสายตาของจวินอู๋เสีย นางจึงเห็นเพียงร่างเบลอๆ ผ่านช่องขนาดใหญ่บนเพดาน
ก่อนที่นางจะมองออกว่าเป็นใคร เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ นางก็กระโจนขึ้นไปทันที โดยมีหมอกสีดำหลงเหลืออยู่ตรงจุดที่เขาเคยยืน
“คนที่ทำลายสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิต้องตาย!”
เสียงที่ดุดันเหี้ยมเกรียมดังขึ้น เด็กหนุ่มพุ่งผ่านเมฆฝุ่น กระโจนขึ้นไปบนช่องขนาดใหญ่นั้น พร้อมด้วยหนูนรกที่แปลงร่างเป็นพยัคฆ์เขี้ยวดาบพุ่งตามหลังเขาขึ้นไป!
ในขณะที่ฝ่าฝุ่นผงเข้าไป และกำลังจะเข้าโจมตีผู้บุกรุกนั้นเอง ร่างที่สง่างามสูงส่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา!
พอเห็นชายหนุ่มรูปหล่อเคลื่อนไหวต้านสายลม เท้าของเขาเหยียบอยู่บนอากาศ สายลมแรงพัดเส้นผมสีดำยาวของเขาไปทางด้านหลัง ใบหน้าที่งดงามไร้ที่ติของเขาแสดงออกถึงความเกรี้ยวกราด
ในทันทีนั้นเอง เด็กหนุ่มก็รู้สึกว่าโลหิตในกายทั้งหมดกลายเป็นน้ำแข็ง แววตาโหดเหี้ยมน่ากลัวของเขาหายไป เขายืนเบิกตากว้างอ้าปากค้างมองชายหนุ่มผู้หล่อเหลาที่อยู่ตรงหน้า
“จักร…”
ก่อนที่คำพูดจะหลุดออกจากปากเด็กหนุ่ม เงาดำก็พุ่งเข้าใส่เขากลางอากาศ พวกเขาร่วงกลับลงไปในห้องโถงด้านล่าง!
ทันใดนั้น สมบัติจำนวนมากก็กระเด็นขึ้นไปจากแรงกระแทกครั้งใหญ่ และตกลงมาเหมือนห่าฝนโปรยปรายไปทั่ว
พวกของเฉียวฉู่ที่ยืนอยู่บนหลังคาของห้องโถงมองไปยังร่างที่เยี่ยเม่ยพุ่งเข้าชนอย่างโหดเหี้ยมด้วยความสับสนงุนงง ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกระทันกันเกินไป พวกเขายังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
“นั่น…มีคนอยู่ในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิจริงๆ หรือ” เฉียวฉู่พูดพลางชะเง้อคอมองลงไป แต่เนื่องจากเมฆฝุ่นหนาเกินไป เขาจึงมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเลย
ตอนที่จวินอู๋เสียบังเอิญตกลงไปในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ พวกเฉียวฉู่ต่างตกอยู่ในอาการตื่นตระหนก ในตอนนั้นเองพวกเขาก็ได้เห็นพลังอันน่าสะพรึงกลัวของจวินอู๋เย่าอีกครั้ง
บุรุษผู้ที่มักจะมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเสมอนั้น พอร่างของจวินอู๋เสียหายไปจากสายตา รอยยิ้มทั้งหมดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่ออร่าที่เปล่งออกมาร่างกายของเขาก็ทำให้พวกของเฉียวฉู่แทบหายใจไม่ออก
ตอนที่ 1356 หรือนี่จะเป็นความฝัน (2)
พวกเขาเห็นกับตาตัวเอง จวินอู๋เย่าที่โกรธจัดไม่ได้ใช้อย่างอื่นทำลายเขตแดนที่กางไว้หน้าสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิเลยนอกจากพละกำลังล้วนๆ
และเขาก็ทำให้เกิดช่องขนาดใหญ่บนหลังคาของสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ!
พลังที่รุนแรงนั้นทำให้พวกเขาที่ยืนอยู่ข้างนอกรู้สึกว่าทั้งพื้นและภูเขาสั่นสะเทือนไปหมด ราวกับว่าสวรรค์จะถล่มลงมา และแผ่นดินกำลังจะแยกออกจากกัน เป็นภาพที่น่ากลัวอย่างแท้จริง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จวินอู๋เย่าแสดงพลังต่อหน้าพวกเขา แต่ครั้งนี้มันทำให้พวกเฉียวฉู่รู้สึกเคารพจวินอู๋เย่ามากขึ้นไปอีก
พลังที่สามารถทำลายสวรรค์และพื้นพิภพได้แบบนั้น ไม่ใช่พลังที่มนุษย์จะสามารถมีได้
ในตอนที่จวินอู๋เย่าทำการโจมตีครั้งแรก พวกเขาต่างคิดว่าพวกเขาจะต้องถูกทำลายไปพร้อมกับสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิอย่างแน่นอน
“นั่นคือผู้พิทักษ์สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิหรือ พี่ใหญ่อู๋เย่า ปล่อยให้เยี่ยเม่ยจัดการกับเขาคนเดียวจะดีหรือ” เฟยเยียนอดถามอย่างกังวลไม่ได้ ตอนที่เงาดำนั้นพุ่งเข้ามาหาพวกเขาเมื่อสักครู่ พวกเขารู้สึกได้ถึงรังสีกดดันอย่างรุนแรงที่ปล่อยออกมาจากตัวเขา พลังแบบนั้นเหนือกว่าคนจากสิบสองตำหนักที่พวกเขาเคยพบมาเสียอีก
มันทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาว่า ในกลุ่มพวกเขาทั้งหมด พลังของคนผู้นั้นด้อยกว่าจวินอู๋เย่าแค่คนเดียวเท่านั้น และยังแข็งแกร่งกว่าเยี่ยซาและเยี่ยเม่ยอยู่นิดหน่อย
จวินอู๋เย่าไม่ตอบ เขาลอยนิ่งอยู่กลางอากาศ พวกเฉียวฉู่ที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาไม่รู้ว่าดวงตาของจวินอู๋เย่าเปลี่ยนเป็นสีม่วงไปแล้ว
ดวงตาสีม่วงคู่นั้นมองเห็นร่างเล็กๆ ท่ามกลางกลุ่มฝุ่นที่หมุนวนเป็นลูกคลื่น แล้วในทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เปลี่ยนกลับไปเป็นสีดำสนิทตามปกติ จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นและพลังที่มองไม่เห็นก็ยกร่างเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่หลังสมบัติจำนวนมากมายมหาศาลนั้นลอยขึ้นมาใกล้เขาอย่างช้าๆ
“เอ๋ เสี่ยวเฮย!” ดวงตาคมของเฉียวฉู่มองเห็นแมวดำตัวน้อยขณะที่มันค่อยๆ ลอยเข้ามาตรงหน้าจวินอู๋เย่า
สายตาของเจ้าแมวดำเย็นชา มันแค่ชำเลืองมองเฉียวฉู่แวบเดียวเท่านั้น
“นั่นน้องเสีย” ฮวาเหยาพูดพลางจ้องมองแมวดำด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย และนึกถึงทักษะเคลื่อนย้ายวิญญาณที่จวินอู๋เสียเคยใช้ตอนที่พวกเขาอยู่ในสำนักชิงอวิ๋น
ในร่างของแมวดำตัวน้อยตอนนี้ น่าจะเป็นจวินอู๋เสียอย่างแน่นอน
จวินอู๋เย่ายื่นมือออกมาอุ้มเจ้าแมวดำที่ข้างในเป็นจวินอู๋เสียเอาไว้ในอ้อมแขน ความเหี้ยมโหดในดวงตาของเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาลูบหูแมวดำอย่างนุ่มนวลและพูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “เจอตัวแล้ว”
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เย่า
นอกจากเฉียวฉู่และฮวาเหยาแล้ว คนอื่นๆ ไม่รู้ว่าจวินอู๋เสียมีความสามารถนั้น จึงพากันตกตะลึงเล็กน้อย
ที่ด้านล่าง เสียงการต่อสู้ดังขึ้นดึงดูดความสนใจของพวกเขา
พวกเขาไม่คิดเลยว่าจะมีคนอยู่ในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิจริงๆ!
“เราควรลงไปช่วยพี่เยี่ยเม่ยหรือเปล่า” เฉียวฉู่ถามอย่างตื่นเต้นพลางถูหมัดตัวเอง
จวินอู๋เย่ากลับส่ายหัว
ที่ห้องโถงด้านล่าง เด็กหนุ่มถูกเยี่ยเม่ยเหวี่ยงกลับไปที่พื้น หลังของเขากระแทกพื้นอย่างแรง แต่สายตาของเขายังคงจ้องมองผ่านเมฆฝุ่นกลุ่มใหญ่ไปที่ร่างของบุรุษซึ่งอยู่เหนือหลังคาห้องโถง เขาก้มหน้าเล็กน้อยและยิ้มบางๆ ให้กับแมวดำที่อุ้มไว้ในอ้อมแขน เด็กหนุ่มไม่สามารถละสายตาจากร่างนั้นได้
“จักร…” เด็กหนุ่มพูดตะกุกตะกัก ก่อนที่เขาจะพูดจบ เยี่ยเม่ยก็ชกเด็กหนุ่มคนนั้น ทำให้เขาต้องกลืนคำพูดพวกนั้นกลับลงคอ
ในที่สุดความเจ็บปวดบนใบหน้าก็ทำให้เด็กหนุ่มได้สติอีกครั้ง เขามองคนที่ตรึงเขาไว้กับพื้นอย่างสับสน สีหน้าของบุรุษคนนั้นดูดุดันมาก
“เยี่ยเม่ย…ทำไมเจ้า…” เด็กหนุ่มไม่คิดว่าเขาจะได้เจอสหายที่คุ้นเคย จึงไม่สามารถระงับสีหน้าประหลาดใจได้