ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1367 สมบัติจ๋า เรามาแล้ว! (5) / ตอนที่ 1368 สมบัติจ๋า เรามาแล้ว! (6)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1367 สมบัติจ๋า เรามาแล้ว! (5) / ตอนที่ 1368 สมบัติจ๋า เรามาแล้ว! (6)
ตอนที่ 1367 สมบัติจ๋า เรามาแล้ว! (5) / ตอนที่ 1368 สมบัติจ๋า เรามาแล้ว! (6)
ตอนที่ 1367 สมบัติจ๋า เรามาแล้ว! (5)
ตอนที่ 1367 สมบัติจ๋า เรามาแล้ว! (5)
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น จวินอู๋เสียก็ทำได้แค่ให้ฟ่านจัวลากเสี่ยวเจว๋ออกมาจากกองเครื่องหยกพวกนั้น
เสี่ยวเจว๋ถูกลากตัวออกมาด้วยสีหน้าสิ้นหวัง มือสองข้างยื่นออกไปอย่างอาลัยอาวรณ์เหมือนไม่อยากไปจาก “อาหารดีๆ”
จวินอู๋เสียกุมขมับ “เดี๋ยวค่อยกินทีหลัง”
เสี่ยวเจว๋มองจวินอู๋เสีย แล้วหันไปมองกองเครื่องหยกอีกครั้งก่อนจะเงียบลง
จวินอู๋เสียกำลังจะเดินออกไป แต่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงสั่งว่า “ให้เขาเอาติดตัวไปด้วยสองสามชิ้น”
เพื่อป้องกันไม่ให้เสี่ยวเจว๋ถูกล่อไปหาของกินอีก จวินอู๋เสียจึงสั่งให้พวกฟ่านจัวเอาเครื่องหยกติดตัวไปคนละสองสามชิ้น เสี่ยวเจว๋จะได้ไม่ว่างไปหาของกินระหว่างทาง
สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิใหญ่จนน่าตกใจ เยี่ยกูนำทางทุกคนเดินในสุสานอยู่นาน แต่ขนาดมีเขานำทางแล้ว พวกเขายังต้องเดินกันอีกไกล
จากเงินทองของมีค่าที่กองเป็นภูเขา ไปจนถึงเครื่องประดับหรูหราฟุ่มเฟือยขนาดใหญ่ การเดินอยู่ในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิทำให้ทุกคนได้เปิดหูเปิดตามากทีเดียว
“โห เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดินี่รวยจริงๆ รวยมากๆ” เฉียวฉู่กุมหัวใจที่เต้นรัว เกือบจะรับความตื่นเต้นทั้งหมดไม่ไหวแล้ว
แม้แต่จวินอู๋เสียที่สงบนิ่งยังต้องยอมรับ หลังจากได้เห็นสมบัติส่วนหนึ่งของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ
“ของทั้งหมดนี่ เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิใช้หมดหรือ” จู่ๆ จวินอู๋เสียก็เงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เย่าที่อยู่ข้างๆ นาง
จวินอู๋เย่าพูดพร้อมหัวเราะ “ทำไมต้องใช้ ของสวยๆ งามๆ ก็เก็บไว้ดู ของไม่มีประโยชน์ก็เก็บสะสมไว้เล่นๆ ใครจะกล้าเอาไป”
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย คำพูดของจวินอู๋เย่าทำให้นางรู้สึกแปลกๆ ความรู้สึกนั้นสอดคล้องกับสิ่งที่นางคาดเดาเอาไว้
“ใช่สิ ใครจะกล้าแตะต้องสิ่งของของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ แต่ถ้าเขารู้ว่า วันนี้สมบัติของเขากำลังถูกเด็กน้อยอย่างพวกเราจ้องจะเอาไป ไม่รู้ว่าเขาจะโกรธหรือไม่” จวินอู๋เสียพูดเบาๆ
“ไม่โกรธหรอก” จวินอู๋เย่ายิ้ม
“ท่านรู้ได้อย่างไร” จวินอู๋เสียจ้องจวินอู๋เย่า
จวินอู๋เย่าตอบว่า “เป็นถึงเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ ของพวกนี้จะคู่ควรให้สนใจได้อย่างไร”
“ดูเหมือนท่านจะรู้ดีจังนะ” จวินอู๋เสียพูด
จวินอู๋เย่าชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
กลับเป็นเยี่ยซาและเยี่ยเม่ยที่แอบเหงื่อแตกแทนนายท่านของพวกเขา
ไม่รู้ทำไม พวกเขารู้สึกว่าคำถามเมื่อสักครู่ของคุณหนูใหญ่ฟังดูแปลกๆ และนายท่าน…
นายท่านตอบเร็วไปหน่อยแล้ว!
คำพูดของเขาเหมือนจะบอกว่า “อยากได้อะไรเอาไปเลย ข้าไม่ว่า อย่างไรของทั้งหมดนี้ก็เป็นของข้าอยู่แล้ว เอาไปได้เท่าที่เจ้าต้องการเลย” ตอบแบบนี้จะไม่มีปัญหาแน่หรือ
ทั้งสองรู้สึกกลัวขึ้นมา ดูเหมือนคุณหนูใหญ่จะรู้อะไรบางอย่างแล้ว แต่ยังไม่กล้าชี้ชัดลงไป
เยี่ยกูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อมีจวินอู๋เย่าอยู่ด้วย เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมทำตัวเป็นนักโทษอย่างเชื่อฟัง ขณะที่ในใจของเขาคิดวิธีฆ่าเฉียวฉู่เอาไว้เป็นร้อยวิธีแล้ว
หลังจากเดินอยู่นานพอสมควร ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงหน้าประตูขนาดใหญ่ที่ทำจากหยก
ประตูนั้นใหญ่โตมหึมามากกว่าประตูอื่นๆ ที่พวกเขาเคยเห็น ประตูนั้นประกอบด้วยสองบาน ทำขึ้นจากหยกขนาดใหญ่ก้อนเดียว ถ้าพวกเขาไม่ได้เห็นมันด้วยตาตัวเอง ก็คงไม่มีใครจินตนาการได้ว่า ในโลกนี้จะมีหยกขนาดใหญ่แบบนี้อยู่ ประตูหยกฝังด้วยทองคำเป็นรูปตราสีทองพร้อมด้วยอัญมณีล้ำค่าขนาดเท่าไข่ไก่ฝังอยู่ ดูหรูหรางดงามมาก
“นี่คือตราฉิวเสอ” ฟ่านจัวมองไปที่ประตูหยกสองบาน มีรูปอสรขนาดใหญ่ฝังด้วยทองคำวาดเอาไว้
ตอนที่ 1368 สมบัติจ๋า เรามาแล้ว! (6)
อสูรตัวใหญ่ทะยานขึ้นท่ามกลางหมู่เมฆ ด้านหลังมีปีกสองข้าง เขี้ยวแหลมคมสองอันที่สามารถเจาะทะลุการป้องกันทุกรูปแบบยื่นออกมาจากปากของมัน
“ฉิวเสอเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของดินแดนเทพมารที่แสดงถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิชอบพวกอสรมาก ทั่วทั้งสามโลกชั้นกลางมีฉิวเสออยู่สองตัว และทั้งสองตัวก็อยู่ในมือของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ กล่าวกันว่าฉิวเสอนั้น นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์แล้ว ยังมีความพิเศษอีกอย่างด้วย มันไม่ใช่ทั้งสัตว์วิญญาณและร่างวิญญาณ แต่สามารถเดินทางระหว่างสองโลกได้ สามารถแปลงร่างเป็นรูปแบบกายเนื้อ หรือจะอยู่ในร่างวิญญาณก็ได้” ฟ่านจัวพูดช้าๆ
“คนจากดินแดนเทพมารคงใช้ฉิวเสอสองตัวนั้นเป็นแบบทำประตูบานนี้ ให้พวกมันเป็นผู้พิทักษ์คอยปกป้องการพักผ่อนอันสงบสุขของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของฟ่านจัว เยี่ยกูก็อดชำเลืองมองเด็กหนุ่มไม่ได้ สิ่งที่เขาพูดค่อนข้างใกล้เคียงความจริงทีเดียว
จวินอู๋เย่าเลิกคิ้ว แล้วยกมือขึ้นผลักประตูหยกให้เปิดออก!
ประตูหยกขนาดมหึมาถูกผลักเปิดออก มันส่งเสียงดังพร้อมเผยให้เห็นด้านใน
ทุกอย่างที่อยู่ด้านหลังประตูปรากฏขึ้นต่อสายตาของพวกจวินอู๋เสีย
มันเป็นวังขนาดมหึมาที่มีเพดานสูงจนน่าตกใจ โซ่หนาสิบแปดเส้นห้อยลงมาจากทุกด้านของห้องโถง ปลายอีกด้านหนึ่งมาบรรจบกันที่ตรงกลาง โลงศพสีดำขนาดใหญ่ถูกโซ่พวกนั้นดึงให้ลอยอยู่กลางอากาศ!
ภายในห้องโถงใหญ่ มีสมบัติมากมายวางเอาไว้ แพรวพราวระยิบระยับไปหมด ของวิเศษพวกนั้นส่องประกายราวกับดวงดาวในห้องโถงที่มืดสลัว
ทุกคนที่ได้เห็นภาพนั้นพากันยืนตะลึง พวกเขาเคยจินตนาการว่าสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิจะมีสมบัติมากมายขนาดไหน แต่พอได้มาเห็นด้วยตาตัวเองแล้ว พวกเขาก็ได้รู้ว่า สิ่งที่ตัวเองคิดเอาไว้นั้นน่าขำสิ้นดี
ของวิเศษมากมายนับไม่ถ้วนวางเรียงเป็นแถวบนชั้นโครงกระดูกสีขาวที่เรียงแถวกันเป็นร้อยๆ ชั้น ส่องแสงแวววาวเผยให้เห็นพลังที่บรรจุอยู่ภายใน
เมื่อมองเข้าไปข้างใน พวกเขาไม่สามารถมองเห็นห้องโถงขนาดมหึมาทั้งหมดได้ เนื่องจากแถวชั้นวางโครงกระดูกยื่นออกมาเต็มแน่นห้องไปหมด ตอนแรกดูเหมือนจะวางไว้มั่วๆ แต่มันก็มีรูปแบบของมันอยู่ จริงๆ แล้วพวกเขาสร้างรูปแบบแปลกๆ ขึ้นตรงกลางห้องโถงที่ชี้ไปยังจุดที่โลงศพถูกแขวนอยู่
โลงศพที่แขวนลอยอยู่กลางอากาศนั้นมีขนาดใหญ่มาก แม้ว่ามันจะเป็นสีดำทั้งหมด แต่เมื่อมองดูดีๆ แล้ว จะเห็นว่ามีตราสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนซ่อนอยู่ภายในสีดำทั้งหมดนั้น ถักทอเข้าหากันอย่างแน่นหนา
“นั่นคงเป็น…โลงศพ…ของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ” หรงรั่วเงยหน้าขึ้นมองโลงศพที่ถูกแขวนเอาไว้กลางอากาศ หัวใจเหมือนถูกก้อนหินขนาดใหญ่กดทับ รู้สึกกดดันจนแทบหายใจไม่ออก
ทุกคนเดาได้ว่าใครเป็นเจ้าของโลงศพนั้น เมื่อมาถึงจุดนี้ที่ของวิเศษทั้งหมดที่พวกเขาแสวงหามาอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่พวกเขากลับไม่รู้สึกดีใจเลย สายตาของทุกคนเอาแต่จ้องมองไปที่โลงศพที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา
ผู้ที่พักผ่อนอย่างสงบอยู่ตรงนั้นคือ เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ ผู้ที่รวมสามโลกชั้นกลางให้เป็นหนึ่งเดียว…ผู้นำแห่งดินแดนเทพมาร!
ข่าวลือและเรื่องราวเกี่ยวกับเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิทั้งหมดที่พวกเขาเคยได้ฟัง ในตอนนี้ได้เข้าเกาะกุมหัวใจพวกเขา สร้างความกดดันที่หนักหน่วง พวกเขาไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด แต่กลับพบว่าตัวเองกำลังหายใจไม่ออกภายใต้ความกดดันจากคำว่า ‘เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ’
ตอนที่พวกเขาตระหนักว่าเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ ผู้ที่เคยทำให้ทั้งสามโลกชั้นกลางต้องสั่นสะเทือน อยู่เหนือหัวของพวกเขา พวกผู้เยาว์ทั้งกลุ่มก็ไม่อาจทำเป็นเล่นได้อีกต่อไป
เฉียวฉู่ประสานมือก้มหัวลงคารวะไปทางโลงศพครั้งแล้วครั้งเล่า
ปากของเขาพึมพำไม่หยุด
“ท่านเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ พวกเราทุกคนมาที่นี่วันนี้เพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ ขอพวกเรายืมของของท่านหน่อยนะขอรับ หวังว่าท่านจะไม่รังเกียจนะขอรับ”