ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1399 หน้ากากภูติพฤกษา (2) / ตอนที่ 1400 หน้ากากภูติพฤกษา (3)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1399 หน้ากากภูติพฤกษา (2) / ตอนที่ 1400 หน้ากากภูติพฤกษา (3)
ตอนที่ 1399 หน้ากากภูติพฤกษา (2) / ตอนที่ 1400 หน้ากากภูติพฤกษา (3)
ตอนที่ 1399 หน้ากากภูติพฤกษา (2)
ตอนที่ 1399 หน้ากากภูติพฤกษา (2)
ปลายเถาวัลย์เลื้อยขึ้นไปรวมตัวกันที่ด้านบน กลายเป็นกรงขังทรงกลมขนาดใหญ่ที่ดักจับพวกคนพิษจำนวนมากเอาไว้ภายใน
จวินอู๋เสียค่อยๆ ลอยลงสู่พื้นอย่างสง่างาม เท้าของนางแตะลงบนพื้นที่แตกหักอย่างแผ่วเบา นางหรี่ตาลงมองกรงเถาวัลย์ขนาดใหญ่ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มสังหาร
“โทสะแห่งภูติไม้” นางเปล่งเสียงเบาๆ มือขวาที่แบอยู่กำแน่นทันที!
เกิดเสียงดังก้องไปทั่วบริเวณ!
ทันใดนั้น คุกเถาวัลย์ขนาดใหญ่ก็หดตัวและรัดแน่นเข้า จากที่ตอนแรกเป็นทรงกลมขนาดใหญ่มหึมา ก็กลายมาเป็นลำต้นหนาที่ก่อตัวขึ้นจากเถาวัลย์ ในตอนที่เถาวัลย์รัดแน่นขึ้น พวกคนพิษที่อยู่ข้างในก็ถูกบดขยี้กลายเป็นเศษเนื้อเละๆ อย่างรวดเร็ว โลหิตเหนียวๆ สีดำของพวกมันผสมอยู่ในเนื้อและกระดูกที่ถูกบดจนเละ และถูกพ่นออกมาตามช่องว่างเล็กๆ ระหว่างเถาวัลย์!
ในชั่วพริบตา รอบๆ ตัวจวินอู๋เสียก็กลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่ากว้างใหญ่ คนพิษที่อยู่ในวงกลมนั้นล้วนถูกส่งลงนรกทั้งหมด ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว
ภาพที่ศัตรูนับหมื่นถูกสังหารในไม่กี่วินาที เป็นเหมือนเหล็กตราร้อนๆ ที่นาบลงมา ประทับตราที่ไม่อาจลบได้ลงในใจทุกคนที่อยู่ที่นั่น
เหล่าทหารของรัฐฉูจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้างและเหลือเชื่ออย่างถึงที่สุด พวกเขามองต้นไม้สีเขียวที่ตั้งตระหง่าน สูงจนยอดขึ้นไปถึงก้อนเมฆ ถึงเถาวัลย์จะเปื้อนสีดำจากโลหิตที่ปนเปื้อน แต่ก็ทำให้ก้อนเมฆบนท้องฟ้าแยกออก และแสงสีทองก็ส่องผ่านยอดไม้ลงมา ทำให้สนามรบสว่างไสว ราวกับความหวังกำลังลงสู่โลกมนุษย์
มันน่าจะเป็นภาพที่น่าสยดสยองเมื่อคนพิษเกือบแสนคนถูกฆ่าตายในชั่วพริบตา แต่ไม่รู้ทำไม ทุกคนที่เห็นภาพนี้ต่างอดตะลึงกับความงามที่น่าเหลือเชื่อในช่วงเวลานั้นไม่ได้
แสงอาทิตย์ส่องลงมาผ่านร่มเงาสีเขียวที่ราวกับความฝัน ร่างที่ยืนอยู่ใต้แสงแดดดูเหมือนเทพที่ลงมาจากสวรรค์
นี่เป็นครั้งแรกที่จวินอู๋เสียใช้หน้ากากภูติพฤกษา ตอนอยู่ที่ผาสุดขอบฟ้า เพื่อใช้เวลาให้คุ้มค่า นางจึงไม่เคยออกจากสุสานเลยสักครั้ง ตอนนี้พลังของหน้ากากภูติพฤกษาทำให้นางรู้ว่า ทำไมท่ามกลางของวิเศษที่ทรงพลังมากมายนับไม่ถ้วน มันก็ยังโดดเด่นเหนือของวิเศษอย่างอื่นจนถูกนับว่าเป็นหนึ่งในของวิเศษที่ทรงพลังที่สุด
เมื่อพลังชีวิตหมดลง เถาวัลย์ก็ค่อยๆ หดตัวทีละนิด ท่ามกลางสายตาจ้องมองของทุกคนที่นั่น ต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้าจนถึงก้อนเมฆก็หดตัวกลายเป็นแสงขนาดเท่าเมล็ดถั่วเล็กๆ
จวินอู๋เสียโบกมือ ตุ้มหูที่อยู่บนพื้นก็ลอยเข้ามาในมือของนาง
สะอาดเกลี้ยงเกลา ไม่มีรอยเปื้อนเลยแม้แต่นิด จวินอู๋เสียสวมมันกลับเข้าที่หูของนางอย่างเงียบๆ
ไม่ว่าใครก็ไม่อยากจะเชื่อภาพที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกเขา ถ้าไม่ใช่พื้นดินแตกที่ยังปรากฏอยู่ตรงหน้า ถ้าไม่ใช่เพราะเนื้อและโลหิตที่กระจายอยู่เต็มพื้นสนามรบ ทุกคนคงคิดว่านี่เป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น
ตอนที่หน้ากากภูติพฤกษาโจมตี เฉียวฉู่ก็ถอยจากสนามรบทันที ตอนนี้เขามองไปที่พื้นดินว่างเปล่า แล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่อย่างเงียบๆ
“ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมพี่ใหญ่อู๋เย่าถึงพยายามอย่างมากเพื่อหาหน้ากากนั้นให้จวินเสีย นี่มัน…น่ากลัวเกินไปแล้ว…”
พลังของคนเพียงคนเดียวสามารถฆ่าคนพิษเกือบแสนคนได้ในพริบตา พลังมหาศาลเช่นนี้ ทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้จริงๆ
“นี่คือพลังของหน้ากากภูติพฤกษา…” ฮวาเหยาพึมพำขณะมองจวินอู๋เสียที่ยืนอยู่คนเดียวในพื้นที่ว่างเปล่าด้วยสายตาตื่นเต้น
บนสนามรบที่มีการต่อสู้รุนแรงเป็นเวลานานพลันเงียบกริบลงทันที แม้แต่พวกคนพิษที่บ้าคลั่งไร้สติก็ยังตกใจกับกลิ่นเหม็นเน่าที่ลอยอยู่ในอากาศ กลิ่นโลหิตของพรรคพวกตัวเอง ทำให้ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังที่เหนือกว่าอย่างสิ้นเชิง
ตอนที่ 1400 หน้ากากภูติพฤกษา (3)
หลังจากพวกคนพิษจำนวนมากถูกกวาดล้าง ทหารของรัฐฉูก็ได้ทีขี่แพะไล่ การต่อสู้เริ่มพลิกกลับเป็นการโจมตีฝ่ายเดียว
พวกของเฉียวฉู่ได้เห็นพลังอันยิ่งใหญ่ของหน้ากากภูติพฤกษากับตาตัวเอง ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก โลหิตในกายเดือดพล่าน พวกเขาต่างต่อสู้เต็มกำลังอย่างไม่ยอมน้อยหน้าคนอื่นๆ
ในที่สุดเหล่าทหารของรัฐฉูก็ปีนขึ้นจากความสิ้นหวังอันมืดมิดไปสู่แสงสว่าง ในใจของพวกเขารู้สึกซับซ้อนอย่างมาก พวกเขารวมตัวกันอย่างรวดเร็วเพื่อจะเริ่มโต้กลับ แต่แล้วก็พบว่า…
ไม่มีโอกาสให้พวกเขาได้แสดงฝีมือมากนัก
กลุ่มผู้เยาว์ที่มีแสงสีม่วงห่อหุ้มร่างมีฝีมือร้ายกาจน่าทึ่งมาก แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้แสดงทักษะที่ท้าทายสวรรค์อย่างโทสะแห่งภูติไม้ แต่การลงมือของพวกเขาก็ยังทำให้เหล่าทหารรัฐฉูพากันปากอ้าตาค้างได้อยู่ดี
เมื่อเห็นกองทัพคนพิษที่เคยทำให้พวกเขาตกอยู่ในความคับแค้นสิ้นหวัง ถูกกำจัดลงอย่างบ้าคลั่งเหมือนเกี่ยวข้าวสาลี ภายใต้การร่วมกันของกลุ่มผู้เยาว์ ในใจของเหล่าทหารก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
พลังของพวกเขากับผู้เยาว์กลุ่มนี้แตกต่างกันมากจนไม่อาจเอามาเปรียบเทียบกันได้เลย
พลังของกลุ่มผู้เยาว์ไม่กี่คนยังแข็งแกร่งกว่าพลังของทั้งกองทัพที่มีทหารอยู่หลายแสนคน!
วิกฤตของรัฐฉูจบสิ้นลงในเวลาไม่นาน ผู้ครองรัฐฉูที่ยืนอยู่ในค่ายทหารเฝ้ามองคนพิษกลุ่มสุดท้ายถูกกำจัด เส้นประสาทที่ตึงเครียดมานาน ในที่สุดก็ผ่อนคลายลง เมื่อความเครียดหายไป ขาของเขาก็อ่อนแรงจนเกือบจะล้มลงบนพื้น
แม่ทัพใหญ่รีบวิ่งไปพยุงเขาขึ้น ฮ่องเต้รัฐฉูพูดขึ้นทันทีว่า “เร็วเข้า! ไปขอบคุณฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนกับข้า!”
พวกเฉียวฉู่ได้ต่อสู้จนหนำใจ ร่างกายของพวกเขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างมาก ขณะที่พากันสำรวจผลการต่อสู้ของตัวเอง
ซากศพคนพิษที่กองเป็นภูเขาเลากานั้น เป็นภาพที่น่าสยดสยองอย่างแท้จริง
“เผาเสีย” จวินอู๋เสียเหลือบมองซากพวกนั้นแวบหนึ่ง
เฉียวฉู่ลงมือทันทีโดยไม่ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง มังกรเพลิงพุ่งออกจากหมัดของเขา เข้าห่อหุ้มซากศพของพวกคนพิษทันที
เสียงเปะทุจากเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ กลายเป็นสัญญาณการเฉลิมฉลองการสิ้นสุดการรบครั้งนี้ เปลวไฟได้กลืนกินหุ่นเชิดที่น่าสมเพชภายใต้ท้องฟ้าในฤดูร้อน
จวินอู๋เย่าค่อยๆ ลอยลงมาจากอากาศ มายืนอยู่ข้างๆ จวินอู๋เสีย
การต่อสู้ครั้งนี้ เขาไม่ได้ลงมือเลย แค่ลอยตัวอยู่กลางอากาศอย่างเงียบๆ ชมการต่อสู้ครั้งแรกของผู้เยาว์กลุ่มนี้หลังการเก็บตัวฝึกฝน
เมื่อเขาได้เห็นกระบวนท่าที่หมดจดงดงามของจวินอู๋เสีย จวินอู๋เย่าก็รู้สึกว่ามันงดงามสมบูรณ์แบบมาก นักเต้นที่เก่งที่สุดในโลกก็ยังเทียบไม่ได้กับท่าทางการออกหมัดออกเท้าในสนามรบของนาง
“เป็นอย่างไรบ้าง” เขาเลิกคิ้วถามยิ้มๆ
จวินอู๋เสียแตะหน้ากากภูติพฤกษาที่หูของนาง และพูดว่า “ใช้ดีมาก”
ตอนแรกนางคิดว่าหน้ากากภูติพฤกษาเป็นแค่ของวิเศษที่ช่วยเพิ่มพลังวิญญาณเท่านั้น ไม่เคยคิดมาก่อนว่า ภายใต้การชี้แนะจากจวินอู๋เย่า มันจะซ่อนพลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้เอาไว้
ตอนนั้นที่เขาไม่ยอมเลิกหา ก็เพราะว่าเขาต้องการให้สิ่งที่ดีที่สุดกับนาง
และเขาก็ทำได้แล้ว
ไม่มีอะไรดีไปกว่าหน้ากากภูติพฤกษาอีกแล้ว
“ชอบก็ดีแล้ว” จวินอู๋เย่าหัวเราะเบาๆ แค่คำว่า “ดีมาก” ของจวินอู๋เสียคำเดียว ก็ทำให้เขาพอใจได้มากกว่าถ้อยคำหวานๆ เสียอีก
ขณะที่พวกเขาพูดคุยหัวเราะกัน ฮ่องเต้รัฐฉูกับแม่ทัพใหญ่ก็เดินออกมาจากกองทัพของพวกเขา ทหารรัฐฉูต่างพากันแหวกทางเดินให้โดยไม่กล้าก้าวออกมาข้างหน้า
“ถวายบังคมฝ่าบาท! วันนี้ได้ฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนมาช่วย นับเป็นโชคดีของรัฐฉู! ฝ่าบาทโปรดรับการคารวะจากข้าด้วย! ขอบคุณท่านที่ช่วยรัฐฉูให้พ้นหายนะ!” ผู้ครองรัฐฉูคุกเข่าลงตรงหน้าจวินอู๋เสียต่อหน้าทุกคนโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย!