ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1415 เข้าเมือง (3) / ตอนที่ 1416 ผู้ใจบุญ (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1415 เข้าเมือง (3) / ตอนที่ 1416 ผู้ใจบุญ (1)
ตอนที่ 1415 เข้าเมือง (3) / ตอนที่ 1416 ผู้ใจบุญ (1)
ตอนที่ 1415 เข้าเมือง (3)
ตอนที่ 1415 เข้าเมือง (3)
“เจ้าเมืองใจดีอย่างนั้นหรือ” จวินอู๋เสียพึมพำกับตัวเองขณะนั่งอยู่ในห้อง คิดถึงสิ่งที่ทหารพูดให้ฟัง และพบว่ามันน่าตลกมาก ถ้าเขาใจดีจริงๆ ทำไมถึงให้คนเข้าเมืองแค่วันละสามร้อยคน การปล่อยคนเข้าเมืองในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นชัดว่าเมืองชิงเฟิงยังสามารถรับคนได้มากกว่านี้ แต่พวกเขาก็ยังยืนกรานที่จะปล่อยให้คนเข้าเมืองในจำนวนแค่นี้ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ลี้ภัยที่อยู่ในเพิงนอกเมืองก็ไม่ได้รับการดูแลเลยแม้แต่น้อย
การกระทำที่ดูเหมือนใจดีนี้ ในสายตาของจวินอู๋เสียแล้ว เป็นเพียงความพยายามหลอกผู้คนที่ห่วยแตกมาก
ตอนที่เข้าเมืองชิงเฟิง จวินอู๋เสียได้สังเกตเห็นแล้วว่าถนนและตรอกซอกซอยภายในเมืองชิงเฟิงไม่ค่อยมีผู้คนหนาแน่นมากนัก ชัดเจนเลยว่าเมืองนี้ยังรับคนได้อีก หรือจะบอกว่าพวกเขายังเหลือที่ว่างอยู่อีกมากก็ได้
บนถนนที่นางเดินผ่าน นางไม่เห็นคนสูงอายุและเด็กๆ มากนัก จำนวนประชากรก็ดูปกติเหมือนเมืองทั่วไป ถ้าหากเป็นอย่างที่ทหารคนนั้นบอก เมืองชิงเฟิงมักจะรับคนแก่และเด็กเข้าเมืองก่อนเสมอ อย่างนั้นจำนวนผู้สูงอายุและเด็กในเมืองชิงเฟิงก็ควรมากกว่าที่นางเห็นสิ
นอกจากนั้น พวกคนพิษได้ทำการโจมตีมานานกว่าหนึ่งปี และเมืองชิงเฟิงก็เริ่มเปิดรับผู้ลี้ภัยมาเกินหกเดือนแล้ว คำนวนจากอัตราสามร้อยคนต่อวัน ในเมืองควรมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหลายหมื่นคน แค่คนประเภทที่พวกเขาอ้างว่ารับเข้าเมืองก่อนอย่างเดียว ก็เป็นไปไม่ได้แล้วที่จะส่งผลออกมาแบบที่นางเห็นในเมือง
“มีอะไรแปลกๆ ในเมืองนี้จริงๆ” จวินอู๋เสียยิ้มหยัน นางเอามือเท้าคางมองดูเจ้าแมวดำที่นอนอยู่บนโต๊ะ
“เจ้านาย” แมวดำตัวน้อยพูดพลางเลียอุ้งเท้าของตัวเอง
“หืม”
“ไม่สังเกตหรือว่าอะไรหายไป” เจ้าแมวดำพูดอย่างเกียจคร้าน
จวินอู๋เสียสะดุ้งเล็กน้อย นางคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว
เจ้าแมวดำนั่งตัวตรงมองสบตาจวินอู๋เสีย แล้วพูดเสียงเรียบว่า “เยี่ยซา เยี่ยเม่ย เยี่ยกู…”
ทันใดนั้นจวินอู๋เสียก็นึกขึ้นได้ว่า ครั้งนี้นางและจวินอู๋เย่าเหาะมาด้วยความเร็วสูงมาก พวกเขาลืมสามพี่น้องสกุลเย่ไปเสียสนิท!
“พวกนั้นจะหาทางมาที่นี่ได้เอง” จวินอู๋เสียพูดหลังจากกระแอมเล็กน้อย
เจ้าแมวดำจ้องจวินอู๋เสียอย่างพูดไม่ออก มันไม่ห่วงเยี่ยซากับอีกสองคนหรอก พวกนั้นมีพลังดูแลตัวเองได้ แต่มันเป็นห่วงใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกับกระต่ายโลหิตที่อยู่ในอ้อมแขนของเยี่ยซาและเยี่ยเม่ยมากกว่า…
“ยังหัววันอยู่ ข้าว่าจะไปดูสถานการณ์ในเมืองนี้หน่อย” จวินอู๋เสียลุกขึ้น นางตั้งใจจะออกไปทันที แต่ก็ยังไปบอกจวินอู๋เย่าก่อน จวินอู๋เย่าอยากไปด้วย แต่ก็โดนจวินอู๋เสียสั่งให้อยู่ในโรงแรมด้วยเหตุผลว่าเขาต้องรอให้พวกเยี่ยซามาถึงก่อน
จวินอู๋เย่าไม่มีทางเลือก ได้แต่มองจวินอู๋เสียออกไปคนเดียวอย่างโศกเศร้า
ดังนั้น ตอนที่พวกของเยี่ยซาที่เร่งรีบอย่างสุดกำลังมาถึง ท้องฟ้าก็ดำมืดเท่ากับใบหน้าของจวินอู๋เย่าในตอนนั้นเลยทีเดียว
ในเมืองชิงเฟิงนั้นสงบเงียบ จวินอู๋เสียเดินไปตามถนนกว้าง มองดูพ่อค้าเร่ตะโกนขายของและชาวเมืองที่ผ่อนคลายอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เพราะนางรู้ว่าโลกภายนอกวุ่นวายและอันตรายเพียงใด มองดูคนพวกนี้แล้ว คงคิดจริงๆ ว่าดินแดนนี้สงบสุขและไม่มีภัยพิบัติอยู่ข้างนอกเลย
ประชาชนในเมืองชิงเฟิงดูเหมือนไม่ได้รับรู้ถึงวิกฤตข้างนอก พวกเขายังใช้ชีวิตสบายๆ ตามปกติ จวินอู๋เสียสังเกตทุกอย่างอย่างรอบคอบและพบว่าง่ายมากที่จะแยกความแตกต่างระหว่างพลเมืองที่อาศัยอยู่ในเมืองชิงเฟิงกับผู้ลี้ภัย แค่มองดูตาก็บอกได้แล้ว พวกผู้ลี้ภัยที่หลบหนีเข้ามาในเมืองมักจะมีท่าทางไม่มั่นคง แตกต่างจากท่าทางผ่อนคลายสบายๆ ของผู้อยู่อาศัยเดิม
จวินอู๋เสียเดินไปรอบๆ เมือง จำนวนผู้ลี้ภัยที่นางเห็นนั้นน้อยกว่าที่คิด อย่างมากสุดก็หลายพันคน ไม่ตรงกับจำนวนที่นางคำนวนเอาไว้อย่างคร่าวๆ ก่อนหน้านี้
ตอนที่ 1416 ผู้ใจบุญ (1)
จวินอู๋เสียเดินไปรอบๆ เมือง จำนวนผู้ลี้ภัยที่นางเห็นนั้นน้อยกว่าที่คิด อย่างมากสุดก็หลายพันคน ไม่ตรงกับจำนวนที่นางคำนวนเอาไว้คร่าวๆ ก่อนหน้านี้
ขณะที่จวินอู๋เสียกำลังสังเกตสิ่งต่างๆ ในเมือง นางบังเอิญเห็นผู้ลี้ภัยกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาในเมืองชิงเฟิง กำลังถูกทหารของเมืองพาไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ที่แห่งนั้นมีบ้านที่ทรุดโทรมมากหลายหลัง มันมืดสลัวและอับมาก คนที่อยู่ที่นั่นดูซูบผอม เสื้อผ้าก็สกปรก
จวินอู๋เสียสังเกตพวกเขาจากเงามืด และนางก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดจากคำพูดที่ได้ยิน
สถานที่แห่งนั้นถูกใช้เป็นที่พักของผู้ลี้ภัยที่เพิ่งเข้ามาในเมืองเมื่อไม่นานมานี้ ส่วนใหญ่เป็นคนแก่และเด็ก พวกเขาไม่มีเงินติดตัวมากนัก ไม่สามารถหาที่พักเองได้ จึงต้องอาศัยคนในเมืองจัดการให้
พวกคนที่เข้ามาในเมือง แม้ว่าจะดูซูบผอม แต่ก็มีสีหน้าโล่งใจขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่าการเข้ามาในเมืองชิงเฟิงจะทำให้พวกเขาห่างไกลจากความทุกข์และอันตราย แม้ว่าสภาพแวดล้อมจะไม่ดี แต่มันก็ดีกว่าใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัวนอกกำแพงเมือง
พวกทหารจากไปทันทีหลังจากส่งผู้ลี้ภัยมาที่นี่ เตือนพวกเขาว่าอย่าย้ายไปเองและอยู่ที่นั่นเพื่อรอคนจัดสถานที่ให้พวกเขาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
เมื่อจวินอู๋เสียเห็นทหารกลับไป นางก็ทาถ่านลงบนใบหน้าและเสื้อผ้า ก่อนจะเข้าไปอยู่ในหมู่ผู้ลี้ภัย
ภายในบ้านดินที่มืดสลัวและเปียกชื้นแต่ละหลังเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก ในห้องพักมีเตียงขนาดใหญ่อยู่แค่เตียงเดียว ผ้าห่มสกปรกมาก ทุกคนที่นี่เป็นแค่คนแก่กับเด็กเล็กและสตรีกลุ่มหนึ่งซึ่งในที่สุดก็รอดพ้นฝันร้ายมาซ่อนตัวที่นี่ได้ พวกเขาจึงไม่กล้าบ่นเกี่ยวกับสภาพที่ย่ำแย่ไม่น่าอยู่
ในความเป็นจริงแล้ว นอกจากคนแก่และเด็กที่อ่อนแอกลุ่มนี้ ผู้ลี้ภัยคนอื่นๆ ที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในเมืองทุกวันคือคนรวยที่ติดสินบนเข้ามาเหมือนกับที่จวินอู๋เสียทำ เนื่องจากคนพวกนั้นมีเงิน จึงไม่ต้องทนทุกข์กับสถานที่เช่นนี้
นอกจากกลุ่มคนที่เพิ่งเข้าเมืองมาวันนี้ ยังมีบางคนที่เพิ่งเข้าเมืองมาไม่นานอยู่ที่นั่นด้วย เมื่อเห็นว่ามีคนใหม่เข้ามา พวกเขาจึงเข้าไปทักทายพูดคุยกับคนกลุ่มใหม่ด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องกังวล เราจะอยู่ที่นี่ไม่นาน อย่างมากก็หนึ่งสัปดาห์ เจ้าเมืองชิงเฟิงจะจัดหาที่ดีๆ ให้กับเราพร้อมงานให้ทำ มีที่ให้เราอยู่และข้าวให้เรากิน” ป้าแก่ๆ คนหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าอยู่ที่ค่ายผู้ลี้ภัยนี้มาหลายวันแล้ว บอกกับกลุ่มที่เพิ่งเข้ามาในค่ายผู้ลี้ภัยเกี่ยวกับสถานการณ์ที่นั่นอย่างมีน้ำใจ
“ใช่แล้ว ป้ารองจากเรือนตะวันออกมาที่นี่ก่อนเราสองวัน ท่านเจ้าเมืองจัดการให้นางไปที่อื่นเมื่อวันก่อนนี้เอง นางกลับมาที่นี่เมื่อวาน เอาอาหารอร่อยๆ มาให้เรา เราต้องทนอยู่ที่นี่อีกแค่ไม่กี่วัน เดี๋ยวก็ได้ไปอยู่ที่ดีๆ เหมือนกัน” สตรีสูงอายุอีกคนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าเหี่ยวย่นของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ทนทุกข์มามากแล้ว พวกเขาจึงโหยหาที่จะอยู่อย่างสงบสุข
คนกลุ่มใหม่ที่ยังคงรู้สึกว้าวุ่นใจก็สบายใจขึ้นอย่างรวดเร็วจากคำพูดของคนอื่นๆ ที่นั่น และเกิดความมั่นใจว่าสิ่งต่างๆ จะดีขึ้นในที่สุด
จวินอู๋เสียเฝ้ามองทุกอย่างจากเงามืด รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
ในขณะที่นางยังคงครุ่นคิดขณะที่ซ่อนตัวอยู่ ทันใดนั้นนางก็สังเกตเห็นบุรุษหลายคนที่แต่งตัวหรูหราท่าทางหยิ่งยโสเดินเข้ามาในค่ายผู้ลี้ภัยที่สกปรก
กลุ่มผู้ลี้ภัยที่อยู่ในเมืองชิงเฟิงมาหลายวันแล้วก็เริ่มตะโกนทันทีที่เห็นบุรุษกลุ่มนั้นปรากฏตัว
“ทุกคนมาเร็ว! ท่านผู้ใจบุญมาแล้ว!”
เสียงโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นดังขึ้น คนที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้านก็รีบวิ่งออกมา เบียดกันอยู่ริมทางแคบๆ ทั้งสองด้าน ดวงตาเฝ้ามองกลุ่มคนที่ดูไม่เข้ากับสถานที่แห่งนั้นด้วยความกระตือรือร้น
จวินอู๋เสียเดินตามฝูงชนและหลบออกไปโดยไม่มีใครสังเกตเห็น