ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1557 เล่นด้วยก็ได้ (3) / ตอนที่ 1558 ดาบนั้นคืนสนอง (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1557 เล่นด้วยก็ได้ (3) / ตอนที่ 1558 ดาบนั้นคืนสนอง (1)
ตอนที่ 1557 เล่นด้วยก็ได้ (3) / ตอนที่ 1558 ดาบนั้นคืนสนอง (1)
ตอนที่ 1557 เล่นด้วยก็ได้ (3)
ตอนที่ 1557 เล่นด้วยก็ได้ (3)
พวกศิษย์ใหม่ส่วนใหญ่ล้วนรู้ตัวตนของกู่ซินเยียนกันอยู่แล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ตำหนักมารโลหิต แต่พวกเขาก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามล่วงเกินกู่ซินเยียน ความแตกต่างระหว่าง ‘เด็กฝึก’ กับบุตรีของจ้าวตำหนัก ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเทียบกันได้ ปกติเวลาพวกเขาเจอกู่ซินเยียน แม้ว่าจะไม่ได้ทำตัวเป็นสุนัขรับใช้อย่างพวกเด็กของตำหนักมารโลหิต แต่อย่างน้อยก็ยังทักทายนางด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม บวกกับใบหน้าที่งดงามของกู่ซินเยียน ในบรรดาเด็กสาวที่เข้าใหม่ นางเป็นหนึ่งในคนที่งดงามที่สุด
สำหรับกู่ซินเยียน พวกศิษย์ใหม่ต่างรู้สึกอิจฉาและชื่นชมมากเท่านั้น
ตอนที่คนของตำหนักมารโลหิตปกป้องจวินอู๋เสีย กู่ซินเยียนก็ไม่เคยออกหน้าเลยสักครั้ง ทำให้ทุกคนยิ่งชื่นชมกู่ซินเยียนมากขึ้นเพราะคิดว่านางไม่ชอบจวินอู๋เหมือนพวกเขา แต่ตอนนี้…
จวินอู๋เสียพูดกับกู่ซินเยียนแค่สองประโยค รวมทั้งหมดเจ็ดคำ กู่ซินเยียนก็ตามไปง่ายๆ อย่างนั้นเนี่ยนะ!
สถานการณ์นี้มันอะไรกัน!
นั่นคือคุณหนูใหญ่แห่งตำหนักมารโลหิตเชียวนะ!
จวินอู๋พูดแค่สองประโยคบัดซบนั่นก็พานางไปได้แล้วอย่างนั้นหรือ
ผู้เยาว์ทั้งหลายแทบจะลมปราณแตกซ่านบาดเจ็บภายในกันเลยทีเดียว
จวินอู๋เสียเดินออกจากหอพักอย่างรวดเร็ว นางเดินไปยังจุดที่เงียบสงบในสำนักธาราเมฆ ยามตะวันตกดิน แสงอาทิตย์สาดส่องไปทั่วพื้นดิน ปกคลุมอาคารหอพักสีขาวที่ตั้งตระหง่านอยู่ในร่มเงาอันอบอุ่น ขณะที่ศิษย์หลายคนเพิ่งกลับมาหลังจากเสร็จสิ้นการฝึก
เมื่อสายตาของจวินอู๋เสียเห็นร่างสูงท่ามกลางกลุ่มผู้เยาว์ นางก็ค่อยๆ ชะลอความเร็วลงขณะที่ยังคงเดินหน้าต่อไป
หลินเฮ่าอวี่เพิ่งกลับจากการฝึก เขาอยู่กับผู้เยาว์เลือดร้อนอีกหลายคน พวกเขามาจากสาขาหลักของตำหนักมารโลหิตเช่นเดียวกับกู่ซินเยียน ปู่ของเขาเป็นผู้อาวุโสของตำหนักมารโลหิต อาจกล่าวได้ว่าเขาเติบโตมาพร้อมกับกู่ซินเยียนตั้งแต่เด็กๆ การที่กู่ซินเยียนเป็นคุณหนูใหญ่ของตำหนักมารโลหิตทำให้ผู้เยาว์คนอื่นๆ กระตือรือร้นที่จะทำให้นางพอใจ และตัวตนของหลินเฮ่าอวี่ก็ทำให้ผู้เยาว์เหล่านั้นประจบประแจงเขาไม่หยุด
หลินเฮ่าอวี่มีรอยยิ้มเต็มใบหน้าขณะกำลังมีความสุขกับการประจบของคนอื่น แต่เมื่อเห็นจวินอู๋เสีย รอยยิ้มของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขารู้ดีว่าจวินอู๋เสียตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหนในช่วงนี้ เนื่องจาก ‘การปกป้อง’ จวินอู๋เสียของผู้เยาว์จากตำหนักมารโลหิตที่ทำภายใต้คำสั่งของเขา เขาเข้าใจดีว่า ‘การปกป้อง’ ทั้งหมดนั้นจะทำให้เกิดผลลัพธ์เช่นไรกับจวินอู๋เสีย
ชีวิตของจวินอู๋เสียต้องทนทุกข์ทรมานให้สาสม!
สิ่งที่ทำให้หลินเฮ่าอวี่พอใจยิ่งขึ้นก็คือนิสัยเย็นชาห่างเหินของจวินอู๋เสีย ผ่านมานานขนาดนี้ เด็กนั่นก็ยังไม่แสดงทีท่าอะไรเลย นั่นทำให้หลินเฮ่าอวี่มีเหตุผลมากขึ้นในการทรมานจวินอู๋เสีย โดยที่เขาไม่ต้องกังวลว่ากู่ซินเยียนจะตำหนิเขา
เมื่อเห็นสภาพของจวินอู๋เสีย หลินเฮ่าอวี่ก็มีความสุขอย่างถึงที่สุด
เป็นคนจากเผ่าจ้าววิญญาณเพียงคนเดียวแล้วอย่างไร
ก็แค่ไอ้โง่ไม่มีสมองคนหนึ่ง เขาใช้สมองแค่นิดเดียวก็เล่นงานมันถึงตายได้แล้ว!
แต่หลินเฮ่าอวี่ยิ้มได้ไม่นาน เขาก็ยิ้มไม่ออกอีกต่อไป!
เพราะเขาเห็นกู่ซินเยียนเร่งฝีเท้าไล่ตามหลังจวินอู๋เสีย ดูเหมือนจวินอู๋เสียจะจงใจรอนาง เขายืนอยู่ที่นั่นครู่หนึ่งจนกู่ซินเยียนไล่ตามทัน ทั้งสองคนเดินเคียงข้างกันจนกระทั่งหายไปจากสายตาของเขา
ภายใต้ดวงอาทิตย์อัสดงที่งดงาม ภาพด้านหลังของเด็กหนุ่มและเด็กสาวเดินเคียงกัน เป็นเหมือนเหล็กร้อนๆ ที่นาบลงบนดวงตาของหลินเฮ่าอวี่
นั่นเป็นภาพที่เขาไม่อยากเห็นมากที่สุด!
“สมควรตาย” หลินเฮ่าอวี่สาปแช่งเสียงเบา
เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมจวินอู๋ที่ไม่สนใจกู่ซินเยียนเลยจนถึงเมื่อวาน จู่ๆ วันนี้ก็มาเดินกับกู่ซินเยียน เขารู้ดีว่าตลอดการดำเนินตามแผนของเขา ความสัมพันธ์ระหว่างกู่ซินเยียนและจวินอู๋เสียไม่ได้คืบหน้าใดๆ เลย
ตอนที่ 1558 ดาบนั้นคืนสนอง (1)
กู่ซินเยียนเดินตามจวินอู๋เสียไปอย่างไร้จุดหมายในสำนักธาราเมฆ ทั้งสองเดินไปสักพัก จวินอู๋เสียก็ไม่ได้เปิดปากพูดอะไรเลย ทำให้กู่ซินเยียนกระวนกระวายใจเล็กน้อย
ต้องบอกว่า การที่จวินอู๋เชิญนางออกมาแบบนี้ มันก็เกินความคาดหมายของนางแล้ว นางเห็นสถานการณ์ที่จวินอู๋ต้องเผชิญและรู้ว่าแผนของหลินเฮ่าอวี่ได้ผล แต่จวินอู๋ก็ไม่ได้แสดงความอ่อนแอออกมาเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ตอนที่เขาโดนแกล้งทุกวัน จวินอู๋ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและไม่แยแสสิ่งใดเลย
ความเฉยเมยเย็นชาของจวินอู๋เสียทำให้กู่ซินเยียนผิดหวังอย่างมาก นางยอมเงียบปล่อยให้หลินเฮ่าอวี่ก่อเรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี้ จุดประสงค์ของนางก็คือการดึงจวินอู๋ให้มาเข้าร่วมกับตำหนักมารโลหิต แต่นางก็ยังไม่เบรรลุผลอย่างที่คิดไว้
จนกระทั่งวันนี้…
กู่ซินเยียนมองด้านหลังอันเย็นชาของจวินอู๋เสียที่อาบแสงพระอาทิตย์ตกดิน สีหน้าของนางค่อนข้างสับสน นางพยายามอย่างยิ่งที่จะคงรอยยิ้มสดใสเอาไว้
ในเรื่องหน้าตา จวินอู๋ก็แค่น่ามองเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงว่าในตำหนักมารโลหิตมีหนุ่มหล่ออยู่มากขนาดไหนเลย แค่ในสำนักธาราเมฆอย่างเดียว ก็มีเด็กหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาอยู่ไม่น้อย แต่ไม่รู้ทำไม กู่ซินเยียนจึงรู้สึกว่าจวินอู๋ที่อยู่ภายใต้แสงตะวันยามเย็นนั้นดูดีกว่าที่นางจำได้
“จวินอู๋ เจ้าอยากพูดอะไรกับข้าอย่างนั้นหรือ” กู่ซินเยียนเก็บความคิดที่ลอยไปไกลกลับมา นางทนไม่ไหวจนต้องถามออกมาในที่สุด
นางอยากรู้มากว่าทำไมวันนี้จวินอู๋ถึงมาหานาง เป็นเพราะเขาทนโดนคนพวกนั้นกลั่นแกล้งไม่ไหวแล้ว ก็เลยจะขอให้นางช่วยอย่างนั้นหรือ
จวินอู๋เสียหยุดเดินและหันหน้าเล็กน้อยเพื่อมองกู่ซินเยียน
“เจ้าอยู่สาขาภูติวิญญาณใช่หรือไม่” จวินอู๋เสียถาม
กู่ซินเยียนชะงักไปนิดหนึ่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมจวินอู๋เสียถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา นางอึ้งอยู่พักหนึ่งก็พยักหน้า
“ใช่”
พลังวิญญาณของกู่ซินเยียนก็ไม่เลว แต่ในงานชุมนุมเทพยุทธ์นางเข้าร่วมการแข่งภูติวิญญาณ ภูติวิญญาณของนางเป็นประเภทอาวุธ และเป็นชนิดหายากที่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ มันเป็นแส้ยาว แต่สามารถเปลี่ยนเป็นดาบคู่ในระหว่างการต่อสู้ซึ่งหายากมาก
ภูติอาวุธแปรผันพบเจอได้ยากมากในสามโลกชั้นกลาง ต่อให้กู่ซินเยียนไม่ใช่คุณหนูใหญ่ของตำหนักมารโลหิต แค่ภูติวิญญาณของนางก็ทำให้นางมีค่ามากแล้ว นี่คือที่มาของความมั่นใจในตัวเองของนาง
แต่…
จวินอู๋ถามเรื่องนั้นทำไม
นี่มันแตกต่างจากที่นางคิดเอาไว้
“เจ้าแสดงให้ข้าดูได้หรือไม่” จวินอู๋เสียถามต่อ
แววตาของกู่ซินเยียนเต็มไปด้วยความสับสน ไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ จวินอู๋เสียก็แสดงความสนใจภูติวิญญาณของนาง แต่เนื่องจากนางยังหวังว่าจะสามารถดึงจวินอู๋เสียเข้าสู่ตำหนักมารโลหิตได้ เรื่องเล็กน้อยอย่างการแสดงภูติวิญญาณให้ดูนั้นย่อมเป็นสิ่งที่นางไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว
กู่ซินเยียนเรียกภูติวิญญาณของนางออกมาอย่างรวดเร็วราวกับอยากแสดงให้จวินอู๋เสียเห็นพลังของภูติวิญญาณของนาง ทันใดนั้น แส้สีเงินยาวก็ปรากฏขึ้นที่มือของกู่ซินเยียน มันมีรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนแส้ทรงกลมอื่นๆ ความยาวของแส้เหมือนขอบใบมีด รูปร่างแบน ปลายสองด้านบางละเอียดเหมือนปีกจั๊กจั่น ไม่ต่างจากใบมีดของจริงเลย
แทนที่จะบอกว่ามันคือแส้ จวินอู๋เสียรู้สึกว่ามันเหมือนดาบอ่อนที่ยาวเหลือเชื่อเสียมากกว่า
“ใช้ให้ดูหน่อย” จวินอู๋เสียพูด
เป็นครั้งแรกที่กู่ซินเยียนเห็นคนเอ่ยปากขอนางอย่างเป็นธรรมชาติเช่นนี้ แต่นางก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจเช่นกัน แส้สีเงินอันงดงามในมือนางสะบัดออกไป ทำให้เกิดเส้นแสงสีเงินแวววาวสายหนึ่ง ความอ่อนของแส้ยาวนั้นดีกว่าดาบอ่อนของจริงมาก