ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1569 มาเล่นกันหน่อย (9) / ตอนที่ 1570 ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้สนิทกัน (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1569 มาเล่นกันหน่อย (9) / ตอนที่ 1570 ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้สนิทกัน (1)
ตอนที่ 1569 มาเล่นกันหน่อย (9) / ตอนที่ 1570 ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้สนิทกัน (1)
ตอนที่ 1569 มาเล่นกันหน่อย (9)
ตอนที่ 1569 มาเล่นกันหน่อย (9)
ครั้งนี้ตำหนักมารโลหิตสะดุดล้มคว่ำอย่างแรงจริงๆ ใบหน้าของกู่ซินเยียนดูแย่ลงเรื่อยๆ สถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไปเช่นนั้นเป็นเวลาหลายวัน ทำให้กู่ซินเยียนอยู่ในอารมณ์ที่ย่ำแย่จนไม่อยากทดสอบทักษะเสริมวิญญาณต่อ จึงหยุดการทดสอบลงชั่วคราว
กู่ซินเยียนไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น
ทำไมอยู่ดีๆ ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจก็พุ่งเป้าเจาะจงมาที่ตำหนักมารโลหิต ตามไล่ล่าไม่จบไม่สิ้นติดต่อกันหลายวันแบบนี้
สิ่งที่ทำให้กู่ซินเยียนรู้สึกอกสั่นขวัญหายมากขึ้นก็คือ นอกจากห้าตำหนักที่โจมตีพวกเขาอย่างเปิดเผยแล้ว ท่าทีของอีกหกตำหนักที่มีต่อพวกเขาก็ทำให้นางตกใจกลัวเช่นกัน แม้ว่าพวกนั้นจะไม่ได้โจมตีพวกเขาตรงๆ แต่คำพูดเยาะเย้ยถากถางก็ค่อยๆ ทวีรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คนที่เมื่อก่อนเคยมีเรื่องขัดแย้งกับตำหนักมารโลหิตแต่ไม่กล้าพูดอะไรเนื่องจากความแข็งแกร่งตำหนักมารโลหิต มาตอนนี้กลับกระโดดออกมาด่าทอตำหนักมารโลหิตเสียไม่เหลือดี
ตำหนักมารโลหิตเจอกระแสคลื่นลมปั่นป่วนมาตั้งแต่เปิดเรียน และค่อยๆ ถูกผลักเข้าไปอยู่ในกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนในสังคม
ศิษย์ของตำหนักมารโลหิตถูกไล่ล่าทำร้ายอย่างหนักทุกวัน พวกเขาต้องเจอกับชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย ความเจ็บปวดที่ไม่มีที่สิ้นสุดทั้งทางร่างกายและจิตใจทำให้พวกเขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ฝึกฝนพลังของตัวเองได้ จนทำให้ล้าหลังสหายในระดับเดียวกัน
กู่ซินเยียนสามารถทนต่อสิ่งต่างๆ ได้มากมาย แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่นางไม่สามารถทนได้!
หากการทรมานยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ พลังของเหล่าศิษย์ตำหนักมารโลหิตจะลดลงซึ่งเท่ากับการทำให้ความแข็งแกร่งในอนาคตของตำหนักมารโลหิตอ่อนแอลงด้วย!
สถานการณ์คลุ้มคลั่งนั้นดำเนินต่อไปเป็นเวลาครึ่งเดือน ในตำหนักมารโลหิต ยกเว้นกู่ซินเยียนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ศิษย์คนอื่นๆ ล้วนเข้าฝึกพร้อมอาการบาดเจ็บกันทั้งหมด สถานการณ์เลวร้ายอย่างถึงที่สุด
พวกผู้เยาว์ที่ถูกทำร้ายไม่เข้าใจว่าพวกเขาไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธ ถึงได้ทำให้อีกสิบเอ็ดตำหนักเกลียดชังพวกเขามากขนาดนั้น
ความจริง กู่ซินเยียนคิดไว้ว่ามีใครบางคนกำลังปลุกปั่นสร้างปัญหาทั้งหมดนี้อยู่เบื้องหลัง แต่จากข่าวที่นางรวบรวมมาได้ ความสัมพันธ์ระหว่างห้าตำหนักที่โจมตีพวกเขานั้นไม่ค่อยดีนัก มีความขัดแย้งระหว่างพวกเขาเกิดขึ้นหลายครั้ง จนถึงขนาดที่เฉียวฉู่ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตำหนักเปลวเพลิงปีศาจและฮวาเหยาศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตำหนักจื่อเหลยทะเลาะวิวาทกันต่อหน้าทุกคนก่อนที่งานชุมนุมเทพยุทธ์จะเริ่มต้นขึ้นเสียอีก พวกเขาสองคนเป็นเหมือนน้ำกับไฟ หากพวกเขาเจอกันในสำนักธาราเมฆ ประกายไฟจะแล่นแปลบปลาบ แล้วก็จะเกิดการทะเลาะขึ้นอีก สถานการณ์ส่วนใหญ่ของอีกสามตำหนักก็จะคล้ายๆ กันนี้
พวกหัวหน้าผู้เยาว์จากตำหนักต่างๆ สบตากันไม่ได้เลย ถ้ามาบอกนางว่าใครบางคนสามารถทำให้ทั้งห้าคนนี้ทำตามความต้องการของเขาได้และมุ่งเป้ามาที่ตำหนักมารโลหิตพร้อมกัน ถึงตายนางก็ไม่เชื่อ คนพวกนั้นแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น และยังอยู่คนละตำหนัก ถ้ามีใครที่สามารถสั่งพวกเขาให้ทำตามได้จริงๆ มันจะต้องน่ากลัวมากแน่ๆ
ดังนั้นกู่ซินเยียนจึงตัดความคิดนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่กู่ซินเยียนไม่เคยนึกฝันหรอกว่า ความคิดที่ดูเกินความเป็นจริงนั้น นั่นแหละคือความจริง
เพียงแต่มันเป็นความจริงที่น่าตกใจเกินกว่าจะมีใครกล้าเชื่อ
กู่ซินเยียนจึงเดินเฉียดผ่านความจริงไปแบบนั้น
กู่ซินเยียนนั่งไม่ติดแล้ว ถ้าเรื่องยังดำเนินไปแบบนี้ ตัวนางน่ะไม่เป็นไร แต่ผู้เยาว์คนอื่นๆ ของตำหนักมารโลหิตจะอยู่ไม่รอดในสำนักธาราเมฆ ภายใต้ความจนหนทางนั้น กู่ซินเยียนพยายามหาหนทางแก้ไขปัญหา นางใช้ตำแหน่งคุณหนูใหญ่แห่งตำหนักมารโลหิตเชิญเฉียวฉู่จากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ หรงรั่วจากตำหนักหวนจิต เฟยเยียนจากตำหนักมังกรสวรรค์ ฮวาเหยาจากตำหนักจื่อเหลย และฟ่านจัวจากตำหนักเสวียนเทียนมาเพื่อสนทนากันสักเล็กน้อย
ตอนที่ 1570 ขอโทษนะ แต่เราไม่ได้สนิทกัน (1)
ผู้เยาว์ทั้งห้าที่กู่ซินเยียนเชิญมานั้นเป็นห้าคนที่แข็งแกร่งที่สุดจากห้าตำหนัก พวกเขายังเป็นผู้นำของกลุ่มศิษย์ใหม่ในสำนักธาราเมฆจากแต่ละตำหนักด้วย
จับโจรก็ต้องจับหัวหน้า หลักการนี้กู่ซินเยียนเข้าใจดี มีแต่ทำให้คนทั้งห้าเลิกเป็นศัตรูกับตำหนักมารโลหิตเท่านั้นถึงทำให้ทั้งห้าตำหนักหยุดโจมตีได้
นอกจากพวกเฉียวฉู่แล้ว กู่ซินเยียนยังเชิญจวินอู๋เสียไปด้วย เนื่องจากเรื่องที่เกิดกับตำหนักมารโลหิตในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ ทำให้ทั้งสองไม่ได้พบกันเพื่อทดสอบทักษะเสริมวิญญาณมาระยะหนึ่งแล้ว กู่ซินเยียนจึงเชิญจวินอู๋เสียไปด้วย จะได้ทำให้เกิดความปรองดองกันทุกฝ่าย
เรื่องที่ตำหนักมารโลหิตกลายเป็นจุดสนใจในสำนักธาราเมฆส่วนใหญ่เป็นเพราะจวินอู๋ ดังนั้นกู่ซินเยียนจึงสงสัยว่าเพราะหลินเฮ่าอวี่พยายามจะบังคับให้จวินอู๋ยอมจำนน และให้คนของตำหนักมารโลหิตไปทะเลาะกับตำหนักอื่นๆ หรือเปล่า ถึงทำให้ตำหนักอื่นๆ เป็นศัตรูกับพวกเขา
กู่ซินเยียนอยากใช้ปัญหาของจวินอู๋แก้ไขความขัดแย้งระหว่างตำหนักต่างๆ
และจวินอู๋เสียก็ตอบรับคำเชิญของกู่ซินเยียน
กู่ซินเยียนกำหนดสถานที่นัดพบเป็นที่ริมทะเลสาบในสำนักธาราเมฆ พืชพรรณที่ริมทะเลสาบเป็นสีเขียวมรกต มีเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วและกลิ่นหอมของดอกไม้ ทำให้รู้สึกสงบและผ่อนคลายมาก เป็นสถานที่ที่พวกศิษย์ใหม่มากมายชอบไปอยู่ เหตุผลที่กู่ซินเยียนเลือกที่นั่น ประการแรกก็เพื่อผ่อนคลายบรรยากาศที่ตึงเครียด ประการที่สอง นางหวังว่าสิ่งที่นางพูดวันนี้จะมีคนจากตำหนักอื่นที่อยู่รอบๆ ทะเลสาบได้ยิน พวกเขาจะได้กระจายคำพูดของนางไปยังตำหนักต่างๆ
อย่างไรเสีย กู่ซินเยียนต้องระวังเรื่องชื่อเสียงของตำหนักมารโลหิต เนื่องจากอีกหกตำหนักไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับตำหนักมารโลหิต จึงไม่มีคุณสมบัติพอที่นางจะเชิญพวกเขาเข้าร่วม แต่จากสถานการณ์ของตำหนักมารโลหิตแล้ว นางไม่มีทางเลือกอื่น
ต้องพูดเลยว่ากู่ซินเยียนฉลาดไม่น้อย นางพิจารณาทุกด้านอย่างละเอียด และเนื่องจากเป็นสตรี ต่อให้นางพูดอย่างสุภาพอ่อนโยน ก็ไม่มีใครคิดว่าไม่เหมาะสม อย่างไรเสีย สาวงามก็มักจะได้รับการปฏิบัติที่ดีอยู่เสมอ
ในวันนั้น กู่ซินเยียนพาหลินเฮ่าอวี่ไปกับนางและมาถึงสถานที่นัดพบตั้งแต่เช้า นางนั่งเงียบๆ อยู่บนม้านั่งหินในศาลาหลังเล็กที่ริมทะเลสาบ มองหาพวกเฉียวฉู่ที่มาสาย
เฉียวฉู่กำลังเดินไปยังสถานที่นัดพบ และก็บังเอิญเจอกับฮวาเหยาที่มีใบหน้าเย็นชา
เมื่อเห็นฮวาเหยา เฉียวฉู่ก็ตาเป็นประกาย เพื่อเล่นละครตบตาแล้ว หลังจากมาถึงภูเขาฝูเหยา เขาไม่กล้าติดต่อกับสหายคนอื่นๆ อีก แต่เฉียวฉู่ตัวติดกับฮวาเหยาจนชิน จึงรู้สึกจิตตกอยู่บ้าง
พอได้มาเจอฮวาเหยาง่ายๆ แบบนี้ เฉียวฉู่ก็แทบจะเก็บอาการตื่นเต้นไว้ไม่ได้ เขาอยากจะกางแขนกระโจนเข้าใส่ฮวาเหยาแล้วใช้อ้อมกอดพี่หมีกอดพี่ฮวาแน่นๆ สักที
ฮวาเหยาย่อมสังเกตเห็นความตื่นเต้นของเจ้าโง่เฉียวฉู่ และเทียบกับเฉียวฉู่แล้ว เขานิ่งสงบกว่ามาก เมื่อเห็นริมฝีปากของเฉียวฉู่กำลังจะเผยรอยยิ้ม ฮวาเหยาก็พูดเสียงเย็นชาว่า “สุนัขดีไม่ขวางทางหรอกนะ เจ้าไม่รู้เรื่องนี้หรืออย่างไร”
เฉียวฉู่ที่กำลังดีใจโดนฮวาเหยาโยนน้ำแข็งใส่หน้าทั้งถัง รอยยิ้มที่ยังไม่ทันเบ่งบานก็เหี่ยวเฉาลงทันที
เฉียวฉู่รู้สึกน้อยใจ พี่ฮวาปากร้ายมาก หัวใจดวงน้อยๆ ของเขาบอบช้ำเหลือเกินแล้ว
“หา บ้านเจ้าเป็นเจ้าของถนนหรืออย่างไร” เฉียวฉู่เอ่ยปากหาเรื่อง แต่ในใจที่แท้จริงนั้น…
พี่ฮวา ทำไมไร้น้ำใจไร้คุณธรรมแบบนี้! หัวใจน้อยๆ ของข้าเจ็บปวดนัก!
ฮวาเหยามองเฉียวฉู่ด้วยสายตาเย็นชาและเดินต่อไปอย่างเฉยเมย เฉียวฉู่ได้แต่เดินตามหลังอย่างเศร้าๆ แต่ยังคงแสดงสีหน้าเกลียดชังให้คนอื่นเห็น