ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1645 ความกังวลที่ซ่อนอยู่ของตำหนักมารโลหิต (3) / ตอนที่ 1646 ความกังวลที่ซ่อนอยู่ของตำหนักมารโลหิต (4)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1645 ความกังวลที่ซ่อนอยู่ของตำหนักมารโลหิต (3) / ตอนที่ 1646 ความกังวลที่ซ่อนอยู่ของตำหนักมารโลหิต (4)
ตอนที่ 1645 ความกังวลที่ซ่อนอยู่ของตำหนักมารโลหิต (3) / ตอนที่ 1646 ความกังวลที่ซ่อนอยู่ของตำหนักมารโลหิต (4)
ตอนที่ 1645 ความกังวลที่ซ่อนอยู่ของตำหนักมารโลหิต (3)
ตอนที่ 1645 ความกังวลที่ซ่อนอยู่ของตำหนักมารโลหิต (3)
ใบหน้าของกู่อิ่งถูกตบอย่างแรง โลหิตไหลออกมาทางมุมปากของเขา แต่แววตาของกู่อี้ไม่มีร่องรอยของความปวดร้าวแม้แต่น้อย สายตาของเขายังคงเย็นชาไม่เหมือนสายตาที่บิดามองลูกเลยแม้แต่น้อย
“เจ้ารู้ความผิดของตัวเองหรือยัง” กู่อี้ถามเสียงเย็น
กู่อิ่งเอียงหน้ากลับมามองตรงเข้าไปในดวงตาของกู่อี้อย่างใจเย็น ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้มสดใส แต่โลหิตที่ไหลออกมาจากมุมปากของเขาทำให้ดูสยองมาก แววตาของเขายังคงรื่นเริงราวกับว่าคนที่ถูกตบไม่ใช่เขา
“รู้แล้ว” กู่อิ่งตอบอย่างเชื่อฟัง
“ไอ้คนไร้ประโยชน์ ในเมื่อรู้ความผิดตัวเองแล้ว ทำไมยังไม่ไปรับโทษอีก” น้ำเสียงของกู่อี้ไม่มีความสงสารเห็นใจอยู่เลยสักนิด เขาทำราวกับกู่อิ่งเป็นศัตรู
“ขอรับ” กู่อิ่งพยักหน้าแล้วหันหลังเดินจากไปอย่างเงียบๆ
กู่อี้จ้องมองด้านหลังของกู่อิ่ง แววตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
ใครจะคิดว่าจ้าวตำหนักมารโลหิตจะไม่ลงรอยกันกับบุตรชายของตัวเอง
กู่อิ่งเดินออกไปจากสายตาของกู่อี้อย่างช้าๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อยขณะเดินผ่านศิษย์ของตำหนักมารโลหิต เมื่อเหล่าศิษย์เห็นกู่อิ่ง ทุกคนก็พากันก้มหัวโดยอัตโนมัติ ไม่กล้าจ้องมองสภาพใบหน้าของกู่อิ่ง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าทำไมจ้าวตำหนักที่เป็นกันเองอยู่เสมอถึงได้ใจแข็งกับคุณชายนัก มันเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่กู่อิ่งเป็นเด็กเล็กแล้ว กู่อี้โหดร้ายและเข้มงวดกับเขาอย่างถึงที่สุด โหดมากเสียจนคนอื่นๆ ที่เห็นก็ยังรู้สึกปวดใจ ตอนแรกผู้คนต่างคิดว่าจ้าวตำหนักหวังให้ลูกเป็นมังกร เขาถึงได้เข้มงวดขนาดนั้น แต่กู่อี้ไม่ได้โหดร้ายกับกู่ซินเยียนบุตรีของเขาขนาดนั้น เขาทำอย่างที่บิดาแท้ๆ ทำกัน แม้ว่าจะมีบ้างที่เข้มงวด แต่ส่วนใหญ่เขาก็เอาใจใส่และรักใคร่เอ็นดูกู่ซินเยียนเป็นอย่างดี
กู่อิ่งเดินผ่านตำหนักมารโลหิตไปเหมือนไม่มีใครอยู่รอบๆ รอยฝ่ามือห้านิ้วสีแดงและคราบโลหิตตรงมุมปากทำให้ไม่มีใครกล้ามองเขา เขาเดินตามลำพังไปยังคุกใต้ดินของตำหนักมารโลหิตซึ่งเป็นสถานที่ลงโทษศิษย์ของตำหนักมารโลหิต
ภายในคุกใต้ดินที่มืดสลัว มีเครื่องมือทรมานของหลากหลายชนิด เมื่อศิษย์ในคุกใต้ดินเห็นกู่อิ่งปรากฏตัว พวกเขาก็เดินเข้าไปทำความเคารพทันที
กู่อิ่งไม่สนใจพวกเขา แต่กลับเดินไปที่ราวทรมานด้วยตัวเอง
“ข้ามารับการลงโทษ” กู่อิ่งพูดอย่างเฉยเมย
คนที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในคุกใต้ดินมองหน้ากัน จากนั้นก็ก้าวเข้าไปโดยไม่พูดอะไร เขาช่วยกู่อิ่งถอดชุดตัวนอกออกให้เหลือเพียงชุดบางๆ ข้างใน ก่อนจะมัดเขาไว้บนราวทรมาน
เสียงแส้ฟาดดังก้องอยู่ในคุกใต้ดินที่มืดสลัว มันฟังแสบแก้วหูเป็นพิเศษในความเงียบเช่นนี้
เสียงนั้นดำเนินไปครึ่งวัน และหยุดลงในตอนกลางคืน
ศิษย์ที่ดำเนินการลงโทษได้ล่าถอยออกไปจากคุกใต้ดินแล้ว ในคุกใต้ดินที่มืดสลัวแห่งนั้น มีเพียงกู่อิ่งที่โลหิตออกเต็มตัวอยู่ตามลำพัง เขาถูกมัดไว้บนราวทรมาน หัวห้อยตกลง ชุดตัวในบางๆ นั่นฉีกขาดเป็นริ้วๆ ด้วยแส้ที่ฟาดลงมานับไม่ถ้วน บาดแผลฉีกขาดเนื้อแตกพาดสลับไปมา โลหิตจับตัวแข็งอยู่บนบาดแผล มีเพียงใบหน้าหล่อเหลานั่นเท่านั้นที่ไม่มีบาดแผลใดๆ แต่มันซีดขาวปราศจากสีโลหิต
ดวงตาของกู่อิ่งปิดอยู่ทั้งสองข้าง ผมของเขายุ่งเหยิงเล็กน้อย เขาดูเหมือนคนเป็นลมแต่มือยังถูกเชือกมัดไว้บนราวทรมาน
ทันใดนั้น ร่างเงาสีดำก็เดินออกมาท่ามกลางแสงไฟสลัว เขามองกู่อิ่งที่ถูกมัดอยู่บนราวพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย
“คุณชาย”
กู่อิ่งลืมตาขึ้นช้าๆ เขาเงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นรอยแส้เป็นแนวยาวที่คอของเขา ตั้งแต่หูยาวลงมาจนถึงไหปลาร้า
ตอนที่ 1646 ความกังวลที่ซ่อนอยู่ของตำหนักมารโลหิต (4)
ทันใดนั้น ร่างเงาสีดำก็เดินออกมาท่ามกลางแสงไฟสลัว เขามองกู่อิ่งที่ถูกมัดอยู่บนราวพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย
“คุณชาย”
กู่อิ่งลืมตาขึ้นช้าๆ เขาเงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นรอยแส้เป็นแนวยาวที่คอของเขา ตั้งแต่หูยาวลงมาจนถึงไหปลาร้า
ภายใต้ความมืดสลัวนั้น ดวงตาของกู่อิ่งทอประกายเย็นยะเยือกน่ากลัว มุมปากของเขาโค้งขึ้น ริมฝีปากที่มีโลหิตสีแดงดูน่ากลัวอย่างมาก
“หืม”
“ทำไมคุณชายต้องทนรับความเจ็บปวดเช่นนี้ คุณชายอยากให้ข้า…”
กู่อิ่งส่ายหน้า เสียงหัวเราะดังออกจากปากของเขา
“เจ็บปวด บาดเจ็บเล็กน้อยแค่นี้ไม่สะดุ้งสะเทือนหรอก ถ้าข้าทนเจ็บแค่นี้ไม่ได้ ข้าคงตายไปหลายพันครั้งแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา”
เครื่องทรมานจำนวนมากของตำหนักมารโลหิตทำให้ผู้คนต้องสูดปาก แม้แต่ในสิบสองตำหนักทั้งหมดก็ยังยากจะหาใครเทียบเคียงได้ แทบไม่มีใครสามารถทนเครื่องทรมานทั้งหมดที่นี่ได้ แต่กู่อิ่งลิ้มรสพวกมันมาหมดแล้วทุกอัน เครื่องทรมานทั้งหมดนี้ได้ทิ้งรอยแผลลึกไว้บนร่างกายของเขา พูดได้เลยว่าเขารู้จักคุ้นเคยกับทุกอย่างในสถานที่นี้มากกว่าผู้คุมและผู้ทำการทรมานเสียอีก
กู่อิ่งเป็นคนเดียวที่ผ่านการลงโทษมาทุกรูปแบบแล้วและยังไม่ตาย
คิ้วของบุรุษคนนั้นยิ่งขมวดแน่นเข้าไปอีก
“แทนที่จะพูดเรื่องนี้ เจ้าควรส่งคนไปดูสำนักธาราเมฆไม่ใช่หรือ พวกเขาปล่อยตัวศิษย์ทุกคนออกมากระทันหันแบบนี้ ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน กลุ่มคนที่ข้าส่งไปสำนักธาราเมฆก่อนหน้าก็ไม่มีใครรอดกลับมาสักคน เกรงว่าสำนักธาราเมฆคงรู้อะไรเข้าแล้ว ต้องมีเหตุผลที่พวกเขาตัดสินใจแบบนี้ ถ้าเจ้าไม่อยากให้สิ่งนั้นหลุดรอดสายตาไป เจ้าก็ควรส่งคนไปเฝ้าดูพวกเขาเอาไว้ให้ดี” กู่อิ่งเหมือนจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดบนร่างกาย เขาพูดกับบุรุษชุดดำด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“ข้าส่งคนไปดูพวกเขาแล้ว แต่สำนักธาราเมฆมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งอยู่ไม่น้อย คนที่เราส่งไปหากไม่พบจุดจบก่อนเวลาอันควรก็เสียชีวิตในภูเขาฝูเหยา ไม่ง่ายเลยที่เราจะเฝ้าดูพวกเขาอย่างใกล้ชิด” บุรุษชุดดำตอบด้วยน้ำเสียงจนปัญญา
กู่อิ่งเม้มปาก “พวกเจ้าใจดีกับคนพวกนั้นเกินไป ถ้าเพียงแต่พวกเจ้าโจมตีให้เร็วกว่านี้ ด้วยวิธีของสำนักธาราเมฆ พวกเจ้าแค่ต้องควบคุมศิษย์ที่ฝึกฝนอยู่ในสำนักเท่านั้น แล้วเจ้าพวกสำนักธาราเมฆก็จะลังเลไม่กล้าลงมือกับพวกเจ้าแล้ว”
จากมุมมองของกู่อิ่ง การทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เป็นสิ่งจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
“ขอรับ” บุรุษคนนั้นยอมรับฟังคำตักเตือนของกู่อิ่งอย่างถ่อมตัว
“ช่างเถอะ พระหนีได้แต่วัดยังอยู่ ในเมื่อเจ้าไม่สามารถเข้าไปในสำนักธาราเมฆได้ ก็ส่งคนไปประจำอยู่ที่เชิงเขาให้คอยเฝ้าดูไว้ ไม่จำเป็นต้องเข้าใกล้มากเกินไป เราแค่ต้องรู้ว่าพวกนั้นจะไปที่ไหนกันเท่านั้น” กู่อิ่งพูด
“ขอรับ”
“เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว ข้าอยากพักผ่อน” พูดจบกู่อิ่งก็หลับตาราวกับว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในคุกใต้ดินและบนร่างกายเขาไม่มีบาดแผลน่ากลัวอะไรทั้งนั้น
บุรุษคนนั้นหายตัวไปในเงามืด แค่แวบเดียวก็ไม่เหลือร่องรอยของเขาอยู่อีก ในคุกใต้ดินที่ว่างเปล่าและกว้างใหญ่ มีเพียงกู่อิ่งอยู่คนเดียวเท่านั้น
สิบวันต่อมา ศิษย์ที่ถูกปล่อยตัวกลับมาจากสำนักธาราเมฆก็กลับมาถึงตำหนักมารโลหิต
กู่อี้ออกไปรับพวกเขาด้วยตัวเองที่หน้าประตูเพื่อต้อนรับกู่ซินเยียนกลับตำหนักมารโลหิต ระหว่างทางสองบิดาลูกคุยกันอย่างร่าเริงมีความสุขมาก ดวงตาของกู่อี้เต็มไปด้วยความห่วงใยและรักใคร่เอ็นดูกู่ซินเยียน
ตั้งแต่ต้นจนจบ กู่อิ่งเดินตามอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ เขามองกู่ซินเยียนที่ได้รับความรักจากกู่อี้ รอยยิ้มไม่เคยจางหายไปจากใบหน้าของเขาเลย