ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1657 ร่วมอวยพรวันเกิด (5) / ตอนที่ 1658 ยืมใช้ (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1657 ร่วมอวยพรวันเกิด (5) / ตอนที่ 1658 ยืมใช้ (1)
นั่นไม่ใช่ลางดีเลยสักนิด…
เยี่ยซาพูดไม่ออกเล็กน้อย คุณหนูใหญ่มีบุคลิกเย็นชา แต่ความเอาใจใส่และความอ่อนหวานโดยไม่ได้ตั้งใจของนางทำให้พวกเด็กสาวๆ หลงหัวปักหัวปำได้จริงๆ
ความจริงคือ ท่าทาง ‘เอาใจใส่’ เล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ จวินอู๋เสียแค่เลียนแบบคนอื่นโดยที่นางไม่ได้เข้าใจอะไรพวกนี้เลยสักนิด นางไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรกับหัวใจของเด็กสาวได้บ้างเวลาที่นางปฏิบัติกับสาวๆ ด้วยท่าทางเช่นนี้ขณะที่แต่งตัวเป็นบุรุษ
เยี่ยซาถอนหายใจอยู่ในใจและแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น เขาภาวนาอยู่ในใจว่าตอนที่นายท่านกลับมาแล้วรู้เรื่องพวกนี้เข้า นายท่านของเขาจะไม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
พวกเขาเดินลงภูเขาฝูเหยา ที่เชิงเขาไม่ค่อยมีร่องรอยของผู้คน จื่อจินก้าวไปบนถนน นางสวมเสื้อคลุมและห่อตัวเองไว้ข้างในอย่างอบอุ่น เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองไปที่ด้านหลังของจวินอู๋เสียอยู่เป็นระยะ
หลังจากเดินอยู่นาน ในที่สุดจื่อจินก็ไม่สามารถทนกับความเงียบได้อีกต่อไป นางเอ่ยปากถามว่า ”เราจะไปที่ตำหนักจิงหงกันทั้งอย่างนี้หรือ”
จวินอู๋เสียชะงักเท้า นางหันกลับมามองจื่อจินด้วยสายตาสงสัย
ใบหน้าของจื่อจินแดงระเรื่อทันที นางแสร้งทำเป็นใจกล้าและพูดว่า ”ตอนอยู่ที่ภูเขาฝูเหยามีคนเห็นหน้าของข้าหลายคน พวกเขารู้แล้วว่าข้าเป็นคนของตำหนักหยกวิญญาณ เจ้าคิดจะไปที่นั่นแบบนี้จริงๆ หรือ”
จวินอู๋เสียส่ายหน้า ”เราจะยังไม่ไปที่ตำหนักจิงหง”
“หือ” จื่อจินชะงักไปเล็กน้อย
จวินอู๋เสียกล่าวว่า ”เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการทุกอย่างเอง” พูดจบก็หันกลับไปเดินหน้าต่อ
เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการทุกอย่างเอง
คำพูดง่ายๆ ไม่กี่คำนั้น เมื่อมันเข้าไปอยู่ในใจของจื่อจิน ก็ก่อให้เกิดระลอกคลื่นขึ้นในทะเลสาบที่เงียบสงบแห่งนั้น
จวินอู๋เสียไม่คิดที่จะไปตำหนักจิงหงทั้งๆ แบบนี้อยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงจื่อจินที่เคยก่อความวุ่นวายขึ้นบนภูเขาฝูเหยา แค่ใบหน้าของจวินอู๋เสียเองก็จะให้ปรากฏต่อหน้าสิบสองตำหนักไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้น ถึงจื่อจินจะไม่ปรากฏตัว ทุกคนก็รู้ว่ามีคนจากตำหนักหยกวิญญาณมา
จวินอู๋เสียไม่ได้รีบร้อนตรงไปที่ตำหนักจิงหง แต่กลับพาจื่อจินและคนอื่นมาที่ทางสัญจรหลัก พวกเขาหยุดพักเมื่อไปถึงที่นั่น จวินอู๋เสียไม่ได้บอกว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ ทำให้ในใจของจื่อจินเต็มไปด้วยคำถามมากมาย
แต่เยี่ยซาและเยี่ยกูไม่เคยตั้งคำถามอะไรมากนัก จื่อจินจึงไม่กล้าพูดมากเกินไป ดังนั้นนางจึงอยู่นั่นกับพวกเขาอย่างเงียบๆ
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน บนถนนกว้างแห่งนั้นก็มีรถม้าสองคันแล่นมาจากระยะไกล รถม้าสองคันถูกสร้างอย่างประณีต สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากที่สุดคือธงที่โบกสะบัดอยู่เหนือรถม้า บนธงสีขาวเงินปักตราพระจันทร์เสี้ยวสีทองเข้ม
ทุกคนทั่วทั้งสามโลกชั้นกลางต่างรู้จักตรานี้กันทั้งนั้น มันเป็นตราของหนึ่งในสิบสองตำหนัก ตราของตำหนักเงาจันทรา!
ถนนที่พวกของจวินอู๋เสียรออยู่นี้คือถนนที่ตำหนักเงาจันทราต้องใช้เพื่อไปยังตำหนักจิงหง!
ภายในรถม้าที่กำลังกระแทกกระเทือนมีผู้เยาว์หลายคนนั่งรวมกันอยู่ในรถม้าคันแรก ล้อหมุนไปตามเส้นทาง และพวกผู้เยาว์ข้างในก็นั่งกระเทือนอยู่ในรถม้ามาห้าวันแล้ว พวกเขาเริ่มขี้เกียจเล็กน้อย ร่างเอนพิงด้านข้างของรถม้าราวกับหมดเรี่ยวแรง
มีเพียงคนเดียวที่นั่งตัวตรง เป็นคนที่ผู้เยาว์คนอื่นๆ นั่งห่างออกไปโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าคนอื่นๆ จะค่อนข้างเบียดเสียดกัน แต่ก็ไม่มีใครกล้าล่วงล้ำเข้าไปในพื้นที่รอบตัวเด็กหนุ่มคนนั้น
“อีกนานแค่ไหนกว่าเราจะไปถึงตำหนักจิงหง ร่างข้าใกล้จะแหลกอยู่แล้ว” ผู้เยาว์คนหนึ่งโอดครวญขณะเหยียดแขน ใบหน้าบิดเบี้ยวดูทุกข์ทรมาน
การไปร่วมอวยพรวันเกิดนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่สิบสองตำหนักต่างแอบวางแผนร้ายต่อกันอยู่นั้น ก็ไม่อาจมองว่าเป็นเรื่องที่ดีได้เลย ทุกคนต่างรู้แก่ใจดีว่านอกจากคนของพวกเขาเองแล้ว เมื่อพวกเขาไปถึงตำหนักจิงหง สิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญก็มีเพียงฝ่ายตรงข้ามที่ไม่ถูกกัน
ตอนที่ 1658 ยืมใช้ (1)
“ทนอีกหน่อย ไม่รู้ว่าตำหนักจิงหงจะเตรียมที่พักให้เราดีหรือเปล่า ถ้าไม่มีใครมาดูแลพวกเราตอนไปถึงที่นั่น มันคงน่าหงุดหงิดจริงๆ” ผู้เยาว์อีกคนอดบ่นออกมาไม่ได้
ตำหนักเงาจันทรากับตำหนักจิงหงอยู่ไม่ไกลกันนัก แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ค่อยดี การที่สองตำหนักอยู่ใกล้กันทำให้เกิดการปะทะกันบ่อยครั้งในการต่อสู้แย่งชิงอำนาจ อาจกล่าวได้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองตึงเครียดมาก งานเฉลิมฉลองวันเกิดของจ้าวตำหนักจิงหงครั้งนี้ แม้ว่าคำเชิญจะถูกส่งไปที่ตำหนักเงาจันทราแล้ว แต่ตำหนักเงาจันทราก็จงใจถ่วงเวลาไปจนถึงนาทีสุดท้ายกว่าจะส่งกลุ่มผู้เยาว์ที่เพิ่งเข้าร่วมตำหนักเงาจันทราไปร่วมอวยพรวันเกิดได้
ความหมายก็คือทำแบบขอไปทีนั่นแหละ
ในบรรดากลุ่มคนจากตำหนักเงาจันทรา คนเดียวที่พอจะถือได้ว่าเหมาะสมก็คือผู้เยาว์ที่นั่งหลังตรง มีข่าวลือว่าผู้เยาว์คนนี้คือหลานชายบุญธรรมของผู้อาวุโสคนหนึ่งแห่งตำหนักเงาจันทรา เขาเติบโตขึ้นมาในตำหนักเงาจันทราตั้งแต่เล็ก ในตำหนักเงาจันทรา เขาได้รับการยกย่องว่ามีความสามารถโดดเด่น แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่ผู้เยาว์คนอื่นๆ ไม่ชอบ
นั่นก็คือความหัวแข็งของเขา
เด็กหนุ่มคนนี้ไม่พูดมากและมีพลังที่แข็งแกร่ง ตามเหตุผลแล้วเขาควรเป็นหนึ่งในผู้นำของกลุ่มในรุ่นเดียวกับเขา แต่คนผู้นี้กลับเลือกที่จะฟังแต่ผู้อาวุโสคนนั้นเท่านั้น ไม่ฟังคนอื่นเลย และยังไม่ชอบพูดคุยกับคนอื่นด้วย แม้ว่าผู้เยาว์คนอื่นๆ จะเป็นมิตรกับเขา เขาก็จะปฏิเสธด้วยคำพูดที่เย็นชาและไม่เป็นมิตร
เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็ห่างเหินจากผู้เยาว์คนอื่นๆ และคนในตำหนักเงาจันทราก็ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวไป
ในการเดินทางครั้งนี้ ผู้เยาว์คนอื่นๆ พูดคุยหยอกเย้ากัน เขาเป็นคนเดียวที่ถูกคว่ำบาตร แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจแม้แต่น้อย เขานั่งอยู่เงียบๆ ตามองจมูก จมูกมองใจ เงียบราวกับว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น
“ใครจะรู้” กลุ่มผู้เยาว์ต่างบ่นออกมาด้วยความเบื่อหน่าย
ทันใดนั้น รถม้าที่กำลังเคลื่อนที่ก็กระแทกอย่างรุนแรง ทำให้พวกผู้เยาว์ที่อยู่ข้างในรถม้าเซถลาไปข้างหน้า พวกเขากระแทกเข้าด้วยกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ดูน่าสมเพชมาก
รถม้าหยุดกะทันหัน!
ในที่สุดพวกผู้เยาว์ที่อยู่ข้างในรถม้าก็ยันตัวเองขึ้นมาได้ ความหงุดหงิดจากการเดินทางอยู่แล้วทำให้พวกเขายิ่งโกรธมากขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น ขับรถม้าไม่เป็นหรืออย่างไร! ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเรอะ” เด็กหนุ่มคนหนึ่งกระโจนลงจากรถม้าด้วยความโกรธ เตรียมจะสั่งสอนบทเรียนให้กับคนขับรถม้า
แต่ผ่านไปสักพักก็ยังไม่มีเสียงดังมาจากนอกรถ
พวกผู้เยาว์ที่อยู่ในรถม้าเริ่มรู้สึกแปลกๆ
ทันใดนั้น กลิ่นโลหิตจางๆ ก็ลอยเข้ามาจากด้านนอกรถม้า
“เจ้านั่นคงไม่ได้พลั้งมือฆ่าคนขับรถม้าไปแล้วใช่หรือไม่ ไม่อย่างนั้นใครจะขับรถม้า!” ผู้เยาว์คนหนึ่งสูดกลิ่นโลหิตแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยสีหน้ากังวล แต่คำพูดของเขาทำให้คนรู้สึกผิดหวังจริงๆ สิ่งที่เขาห่วงไม่ใช่เรื่องที่สหายของเขาฆ่าคนบริสุทธิ์ แต่ห่วงว่าจะไม่มีใครขับรถม้าให้พวกเขาต่างหาก
ปฏิกิริยาของผู้เยาว์คนอื่นๆ ก็เหมือนกันหมด พวกเขาก้าวออกจากรถม้ากันทีละคน ตั้งใจจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ทันทีที่ก้าวออกจากรถม้า ใบหน้าของผู้เยาว์พวกนั้นก็ซีดเผือดทันที!
ถนนกว้างตรงหน้าพวกเขาเปื้อนโลหิตสีแดงฉาน เด็กหนุ่มคนที่กระโดดออกจากรถม้าเมื่อครู่ถูกตัดหัวขาด ร่างที่ไร้หัวของเขานอนจมกองโลหิตของตัวเอง ในสายตาของผู้เยาว์ทุกคนที่นั่นมีแต่สีแดงน่าสยดสยอง!
ท่ามกลางฉากนองโลหิตอันน่ากลัวนั้น เด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าม้า มือของเขายกขึ้นปลอบโยนเจ้าม้าที่กำลังตกใจกลัว
“จวิน…จวินอู๋…” ผู้เยาว์คนหนึ่งจำคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาได้ทันที!