ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1669 เคยเห็นมาก่อน (1) / ตอนที่ 1670 เคยเห็นมาก่อน (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1669 เคยเห็นมาก่อน (1) / ตอนที่ 1670 เคยเห็นมาก่อน (2)
ตอนที่ 1669 เคยเห็นมาก่อน (1)
“น้องเสีย เจ้าแน่ใจนะว่าดูไม่ผิด” เฟยเยียนถามอย่างประหลาดใจ
เฉียวฉู่ถูจมูกแล้วพูดว่า ”น่าจะไม่ผิดนะ ถึงหน้าตาจะเปลี่ยนไป แต่ดวงตาคู่นั้น ถึงตายข้าก็ไม่มีวันจำผิด ยิ่งไปกว่านั้น…ข้าก็ไม่คิดว่ากิริยาท่าทางของเยี่ยซาและเยี่ยกูจะมีใครเลียนแบบได้ง่ายๆ”
ถ้าเห็นคนที่ดูเหมือนจวินอู๋เสียแค่คนเดียว เฉียวฉู่อาจไม่มั่นใจขนาดนี้ แต่เขาเห็นอยู่ชัดๆ ว่าอีกสามคนที่อยู่กับคนที่สงสัยว่าจะเป็นจวินอู๋เสียนั้น สองคนในนั้นมีท่าทางเหมือนกับเยี่ยซาและเยี่ยกูมาก เขาจึงรู้ว่าตนจำไม่ผิด
เฟยเยียนหรี่ตาลง มุมปากยกยิ้มอย่างชั่วร้าย ถ้าจวินอู๋เสียมาที่นี่ด้วยตัวเอง งานเลี้ยงวันเกิดครั้งนี้จะต้องสนุกสุดยอดอย่างแน่นอน!
ทั้งสองคุยกันอยู่สักพัก แล้วก็แยกย้ายกันไป ทำเหมือนไม่ได้รู้จักกับอีกฝ่ายเลย
ภายในตำหนักจิงหงยังคงคหรือกครื้น กลุ่มคนจากสิบสองตำหนักที่มาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดนั้นดูเหมือนจะมาถึงกันทั้งหมดแล้ว กลุ่มอำนาจเล็กอื่นๆ ก็มาด้วยเช่นกัน พวกเขาต่างไม่กล้าพูดคำใดต่อหน้าสิบสองตำหนักที่แข็งแกร่ง
กู่ซินเยียนเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ภายใต้การต้อนรับอย่างอบอุ่นของศิษย์ตำหนักจิงหง ใบหน้างามน่ารักของนางประดับด้วยรอยยิ้มบาง ท่าทางของนางสุภาพและห่างเหิน ความเอะอะอึกทึกรอบด้านทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็ทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้ขณะยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขา พร้อมกับยิ้มและพูดคุยกับพวกเขาเล็กน้อย
ท่ามกลางฝูงชนจำนวนมาก สายตาของกู่ซินเยียนมองฝูงชน แต่เมื่อนางได้สบตากับดวงตาใสกระจ่างเย็นชาคู่หนึ่งเข้า นางก็อดตะลึงไปชั่วขณะไม่ได้
ดวงตาคู่นั้นหันไปอย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็เพียงพอจะทำให้หัวใจของกู่ซินเยียนเย็นยะเยือกแล้ว ความเย็นนั้นได้ไปจุดไฟที่ถูกระงับไว้ภายใน ทำให้การหายใจของนางเร็วขึ้น
จวินอู๋
กู่ซินเยียนไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง ดูเหมือนนางจะได้เจอคนคุ้นเคยอยู่ท่ามกลางฝูงชน สายตาของนางมองตามคนผู้นั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่ได้ฟังสิ่งที่ศิษย์ตำหนักจิงหงพูดเลยสักคำ
“เจ้ามองหาอะไรอยู่” ทันใดนั้น เสียงที่แฝงความรื่นเริงก็ดังขึ้นข้างหูของกู่ซินเยียน
กู่ซินเยียนสะดุ้งเล็กน้อย นางรีบเก็บความรู้สึกในแววตา แล้วหันหน้ากลับไปอย่างสงบขณะมองไปที่กู่อิ่งที่อยู่ข้างๆ
ในการเดินทางมาที่ตำหนักจิงหงครั้งนี้ กู่อี้ได้ส่งกู่อิ่งมาด้วย แต่สองพี่น้องไม่ได้สนทนากันมากนักตลอดการเดินทาง
“ไม่มีอะไร” กู่ซินเยียนปกปิดสิ่งที่นางคิดอยู่โดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ทำไม ความอันตรายที่นางรู้สึกได้จากกู่อิ่งมักจะทำให้นางอยากลบร่องรอยของจวินอู๋ไปจากสายตาของเขา ไม่ต้องการให้กู่อิ่งสังเกตเห็นว่ามีคนเช่นนี้อยู่
กู่อิ่งมองสีหน้าของกู่ซินเยียนที่แสร้งทำเป็นนิ่ง แล้วมุมปากของเขาก็ยกยิ้มอย่างรื่นเริง แต่เขาก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ เขาจะไม่เห็นแววตาของกู่ซินเยียนเมื่อครู่ได้อย่างไร
กู่อิ่งหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วกวาดตามองฝูงชนที่เบียดเสียดกันอยู่ พยายามหาบางอย่างจากในนั้น
แต่ภายในห้องโถงใหญ่ของตำหนักจิงหง มีผู้คนมาร่วมงานเลี้ยงมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่ยืนอยู่บริเวณนั้นก็ถูกคลื่นมวลชนพัดพาไปแล้ว ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเจอเบาะแสอะไร
กู่ซินเยียนสังเกตเห็นสายตาของกู่อิ่งที่กวาดผ่านฝูงชน นางก็เกิดความวิตกกังวลขึ้นมาทันที จึงรีบพูดว่า ”ข้าเหนื่อย อยากไปพักผ่อนแล้ว เรื่องทางนี้ฝากท่านพี่ดูแลด้วยนะ”
“ได้” กู่อิ่งยักคิ้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย
แต่รอยยิ้มของกู่ซินเยียนกลับดูฝืนเล็กน้อย นางออกจากห้องโถงใหญ่โดยมีศิษย์ของตำหนักจิงหงพาไปยังที่พัก
งานเลี้ยงวันเกิดของจ้าวตำหนักจิงหงกินเวลาสิบวัน ภายในสิบวันนั้น ผู้คนที่มาร่วมงานเลี้ยงจะพักอยู่ในตำหนักจิงหง
ตอนที่ 1670 เคยเห็นมาก่อน (2)
กู่ซินเยียนเดินตามศิษย์ตำหนักจิงหงผ่านฝูงชนที่แออัดในห้องโถงใหญ่ไปยังทางเดินที่เงียบสงบ ศิษย์จากตำหนักอื่นเดินผ่านพวกเขาไปเป็นระยะ แต่สายตาของกู่ซินเยียนก็มองตรงไปข้างหน้าโดยไม่วอกแวก ในใจของนางมีภาพของคนที่ไม่อาจลบเลือนไปได้
ใช่เขาหรือไม่
เขาจะปรากฏตัวที่นี่ได้หรือ
กู่ซินเยียนแอบส่ายหน้า รู้สึกว่าตนเองอาจจะเข้าใจผิด
คนนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นคนของตำหนักเงาจันทรา แล้วเขาจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
หัวใจของนางปรารถนาให้มันเป็นความจริง แต่ก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้
“คุณหนูใหญ่กู่ นี่คือที่พักของท่าน หากมีสิ่งใดไม่ตรงกับความต้องการ บอกพวกเราได้เลย” ศิษย์ตำหนักจิงหงพูดอย่างกระตือรือร้น ไม่ต้องพูดถึงตำหนักมารโลหิตที่อยู่เบื้องหลังของกู่ซินเยียน แค่รูปลักษณ์ของนางก็เพียงพอจะทำให้พวกเขาอยากเอาใจนางได้แล้ว
กู่ซินเยียนพยักหน้าเล็กน้อย ในขณะที่นางเปิดประตูนั้นเอง ก็บังเอิญมีเด็กสาวอีกคนยืนอยู่ที่ประตูตรงข้ามกับห้องของนาง
เด็กสาวคนนั้นหน้าตาน่ารัก สวมเครื่องแบบของตำหนักเงาจันทรา กู่ซินเยียนไม่ได้สนใจนางมากนักและตั้งใจจะเข้าไปในห้อง แต่ทันใดนั้นเอง นางก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเข้า
“จื่อจิน”
เสียงเย็นชาเล็กน้อยดังขึ้นจากด้านหลังของกู่ซินเยียน กู่ซินเยียนสะดุ้ง แต่ไม่กล้าหันหน้ากลับไป
“มาที่ห้องข้า” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง แต่ดังมาจากด้านในเข้าไปอีกเล็กน้อย กู่ซินเยียนอดหันหน้ากลับไปไม่ได้ และเห็นเด็กหนุ่มที่ดูธรรมดาคนหนึ่งกำลังคุยกับเด็กสาวที่อยู่ห้องตรงข้ามนาง
ไม่ใช่เขา…
เด็กหนุ่มคนนั้นแต่งกายด้วยเครื่องแบบของตำหนักเงาจันทรา ใบหน้าของเขาแตกต่างจากใบหน้าของคนในความทรงจำของนาง แต่ดวงตาและเสียงนั้นกู่ซินเยียนรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
เด็กหนุ่มกับจื่อจินพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจื่อจินก็เดินตามหลังเด็กหนุ่มด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อเล็กน้อย กู่ซินเยียนยืนอยู่ที่หน้าประตูและมองด้านหลังจากทั้งคู่ที่เดินจากไปด้วยกัน ไม่รู้ทำไมในใจนางถึงได้รู้สึกเสียใจ
แม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนผู้นั้นจะมาปรากฏตัวที่นี่ และรู้ว่าต่อให้พวกเขาได้พบกันอีกครั้ง พวกเขาก็จะเป็นศัตรูกัน แต่หัวใจของนางก็อดคาดหวังไม่ได้ว่า หากมีสักวัน…ที่พวกเขาได้พบกันอีกครั้ง มันจะดีสักเพียงไหน
“คุณหนูใหญ่กู่” ศิษย์ตำหนักจิงหงเรียกเบาๆ อย่างงุนงง ขณะมองกู่ซินเยียนที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู
กู่ซินเยียนได้สติกลับมา นางยิ้มเป็นเชิงขอโทษก่อนจะเปิดประตูและเดินเข้าไปข้างใน
จื่อจินถูกจวินอู๋เสียพามาที่ห้องของจวินอู๋เสีย นางนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเงียบๆ และไม่กล้าขยับตัว
ในช่วงที่งานเลี้ยงวันเกิดดำเนินไปนี้ แขกทุกคนจะพักอยู่ในตำหนักจิงหง แต่เพื่อความสะดวก แขกบุรุษสตรีจะพักแยกกัน
“คุณชายจวิน ทำไมให้ข้ามาที่นี่เล่า” ดวงตาใสกระจ่างของจื่อจินมองไปที่จวินอู๋เสีย หลังจากที่ได้อยู่กับจวินอู๋เสียมาตลอดการเดินทาง แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพูด แต่จื่อจินก็พบว่าเด็กหนุ่มที่ไม่ค่อยพูดคนนี้มีความคิดที่ลึกซึ้งและฉลาดกว่าที่นางคิดเอาไว้
ปล้นขบวนรถม้าของตำหนักเงาจันทรา เอาชนะใจเยว่อี้ และในที่สุดก็ได้เข้ามาในตำหนักจิงหงในฐานะแขกจากตำหนักเงาจันทรา ความกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้เป็นสิ่งที่จื่อจินไม่สามารถจินตนาการได้เลย แต่จวินอู๋เสียก็ทำได้อย่างราบรื่น ในตอนที่ส่งบัตรเชิญก็ทำด้วยท่าทางที่สงบนิ่งมั่นคง ทำให้จื่อจินที่กระวนกระวายอย่างมากนั้นแอบชื่นชมในตัวเด็กหนุ่ม
“อยู่ที่นี่อย่าเรียกข้าว่าคุณชายจวิน” จวินอู๋เสียนวดขมับ นางสังเกตเห็นว่าในบรรดาแขกจากตำหนักมารโลหิต มีกู่ซินเยียนและกู่อิ่งอยู่ด้วย นางไม่สนใจคนอื่นมากนักหรอก แต่สองคนนี้เคยมีปฏิสัมพันธ์กับนางโดยตรงมาก่อน ตอนที่ 1669 เคยเห็นมาก่อน (1)
“น้องเสีย เจ้าแน่ใจนะว่าดูไม่ผิด” เฟยเยียนถามอย่างประหลาดใจ
เฉียวฉู่ถูจมูกแล้วพูดว่า ”น่าจะไม่ผิดนะ ถึงหน้าตาจะเปลี่ยนไป แต่ดวงตาคู่นั้น ถึงตายข้าก็ไม่มีวันจำผิด ยิ่งไปกว่านั้น…ข้าก็ไม่คิดว่ากิริยาท่าทางของเยี่ยซาและเยี่ยกูจะมีใครเลียนแบบได้ง่ายๆ”
ถ้าเห็นคนที่ดูเหมือนจวินอู๋เสียแค่คนเดียว เฉียวฉู่อาจไม่มั่นใจขนาดนี้ แต่เขาเห็นอยู่ชัดๆ ว่าอีกสามคนที่อยู่กับคนที่สงสัยว่าจะเป็นจวินอู๋เสียนั้น สองคนในนั้นมีท่าทางเหมือนกับเยี่ยซาและเยี่ยกูมาก เขาจึงรู้ว่าตนจำไม่ผิด
เฟยเยียนหรี่ตาลง มุมปากยกยิ้มอย่างชั่วร้าย ถ้าจวินอู๋เสียมาที่นี่ด้วยตัวเอง งานเลี้ยงวันเกิดครั้งนี้จะต้องสนุกสุดยอดอย่างแน่นอน!
ทั้งสองคุยกันอยู่สักพัก แล้วก็แยกย้ายกันไป ทำเหมือนไม่ได้รู้จักกับอีกฝ่ายเลย
ภายในตำหนักจิงหงยังคงคหรือกครื้น กลุ่มคนจากสิบสองตำหนักที่มาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดนั้นดูเหมือนจะมาถึงกันทั้งหมดแล้ว กลุ่มอำนาจเล็กอื่นๆ ก็มาด้วยเช่นกัน พวกเขาต่างไม่กล้าพูดคำใดต่อหน้าสิบสองตำหนักที่แข็งแกร่ง
กู่ซินเยียนเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ภายใต้การต้อนรับอย่างอบอุ่นของศิษย์ตำหนักจิงหง ใบหน้างามน่ารักของนางประดับด้วยรอยยิ้มบาง ท่าทางของนางสุภาพและห่างเหิน ความเอะอะอึกทึกรอบด้านทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ก็ทำได้เพียงอดกลั้นเอาไว้ขณะยืนอยู่ท่ามกลางพวกเขา พร้อมกับยิ้มและพูดคุยกับพวกเขาเล็กน้อย
ท่ามกลางฝูงชนจำนวนมาก สายตาของกู่ซินเยียนมองฝูงชน แต่เมื่อนางได้สบตากับดวงตาใสกระจ่างเย็นชาคู่หนึ่งเข้า นางก็อดตะลึงไปชั่วขณะไม่ได้
ดวงตาคู่นั้นหันไปอย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็เพียงพอจะทำให้หัวใจของกู่ซินเยียนเย็นยะเยือกแล้ว ความเย็นนั้นได้ไปจุดไฟที่ถูกระงับไว้ภายใน ทำให้การหายใจของนางเร็วขึ้น
จวินอู๋
กู่ซินเยียนไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง ดูเหมือนนางจะได้เจอคนคุ้นเคยอยู่ท่ามกลางฝูงชน สายตาของนางมองตามคนผู้นั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่ได้ฟังสิ่งที่ศิษย์ตำหนักจิงหงพูดเลยสักคำ
“เจ้ามองหาอะไรอยู่” ทันใดนั้น เสียงที่แฝงความรื่นเริงก็ดังขึ้นข้างหูของกู่ซินเยียน
กู่ซินเยียนสะดุ้งเล็กน้อย นางรีบเก็บความรู้สึกในแววตา แล้วหันหน้ากลับไปอย่างสงบขณะมองไปที่กู่อิ่งที่อยู่ข้างๆ
ในการเดินทางมาที่ตำหนักจิงหงครั้งนี้ กู่อี้ได้ส่งกู่อิ่งมาด้วย แต่สองพี่น้องไม่ได้สนทนากันมากนักตลอดการเดินทาง
“ไม่มีอะไร” กู่ซินเยียนปกปิดสิ่งที่นางคิดอยู่โดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ทำไม ความอันตรายที่นางรู้สึกได้จากกู่อิ่งมักจะทำให้นางอยากลบร่องรอยของจวินอู๋ไปจากสายตาของเขา ไม่ต้องการให้กู่อิ่งสังเกตเห็นว่ามีคนเช่นนี้อยู่
กู่อิ่งมองสีหน้าของกู่ซินเยียนที่แสร้งทำเป็นนิ่ง แล้วมุมปากของเขาก็ยกยิ้มอย่างรื่นเริง แต่เขาก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ เขาจะไม่เห็นแววตาของกู่ซินเยียนเมื่อครู่ได้อย่างไร
กู่อิ่งหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วกวาดตามองฝูงชนที่เบียดเสียดกันอยู่ พยายามหาบางอย่างจากในนั้น
แต่ภายในห้องโถงใหญ่ของตำหนักจิงหง มีผู้คนมาร่วมงานเลี้ยงมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่ยืนอยู่บริเวณนั้นก็ถูกคลื่นมวลชนพัดพาไปแล้ว ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเจอเบาะแสอะไร
กู่ซินเยียนสังเกตเห็นสายตาของกู่อิ่งที่กวาดผ่านฝูงชน นางก็เกิดความวิตกกังวลขึ้นมาทันที จึงรีบพูดว่า ”ข้าเหนื่อย อยากไปพักผ่อนแล้ว เรื่องทางนี้ฝากท่านพี่ดูแลด้วยนะ”
“ได้” กู่อิ่งยักคิ้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย
แต่รอยยิ้มของกู่ซินเยียนกลับดูฝืนเล็กน้อย นางออกจากห้องโถงใหญ่โดยมีศิษย์ของตำหนักจิงหงพาไปยังที่พัก
งานเลี้ยงวันเกิดของจ้าวตำหนักจิงหงกินเวลาสิบวัน ภายในสิบวันนั้น ผู้คนที่มาร่วมงานเลี้ยงจะพักอยู่ในตำหนักจิงหง
ตอนที่ 1670 เคยเห็นมาก่อน (2)
กู่ซินเยียนเดินตามศิษย์ตำหนักจิงหงผ่านฝูงชนที่แออัดในห้องโถงใหญ่ไปยังทางเดินที่เงียบสงบ ศิษย์จากตำหนักอื่นเดินผ่านพวกเขาไปเป็นระยะ แต่สายตาของกู่ซินเยียนก็มองตรงไปข้างหน้าโดยไม่วอกแวก ในใจของนางมีภาพของคนที่ไม่อาจลบเลือนไปได้
ใช่เขาหรือไม่
เขาจะปรากฏตัวที่นี่ได้หรือ
กู่ซินเยียนแอบส่ายหน้า รู้สึกว่าตนเองอาจจะเข้าใจผิด
คนนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นคนของตำหนักเงาจันทรา แล้วเขาจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
หัวใจของนางปรารถนาให้มันเป็นความจริง แต่ก็คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้
“คุณหนูใหญ่กู่ นี่คือที่พักของท่าน หากมีสิ่งใดไม่ตรงกับความต้องการ บอกพวกเราได้เลย” ศิษย์ตำหนักจิงหงพูดอย่างกระตือรือร้น ไม่ต้องพูดถึงตำหนักมารโลหิตที่อยู่เบื้องหลังของกู่ซินเยียน แค่รูปลักษณ์ของนางก็เพียงพอจะทำให้พวกเขาอยากเอาใจนางได้แล้ว
กู่ซินเยียนพยักหน้าเล็กน้อย ในขณะที่นางเปิดประตูนั้นเอง ก็บังเอิญมีเด็กสาวอีกคนยืนอยู่ที่ประตูตรงข้ามกับห้องของนาง
เด็กสาวคนนั้นหน้าตาน่ารัก สวมเครื่องแบบของตำหนักเงาจันทรา กู่ซินเยียนไม่ได้สนใจนางมากนักและตั้งใจจะเข้าไปในห้อง แต่ทันใดนั้นเอง นางก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเข้า
“จื่อจิน”
เสียงเย็นชาเล็กน้อยดังขึ้นจากด้านหลังของกู่ซินเยียน กู่ซินเยียนสะดุ้ง แต่ไม่กล้าหันหน้ากลับไป
“มาที่ห้องข้า” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง แต่ดังมาจากด้านในเข้าไปอีกเล็กน้อย กู่ซินเยียนอดหันหน้ากลับไปไม่ได้ และเห็นเด็กหนุ่มที่ดูธรรมดาคนหนึ่งกำลังคุยกับเด็กสาวที่อยู่ห้องตรงข้ามนาง
ไม่ใช่เขา…
เด็กหนุ่มคนนั้นแต่งกายด้วยเครื่องแบบของตำหนักเงาจันทรา ใบหน้าของเขาแตกต่างจากใบหน้าของคนในความทรงจำของนาง แต่ดวงตาและเสียงนั้นกู่ซินเยียนรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
เด็กหนุ่มกับจื่อจินพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจื่อจินก็เดินตามหลังเด็กหนุ่มด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อเล็กน้อย กู่ซินเยียนยืนอยู่ที่หน้าประตูและมองด้านหลังจากทั้งคู่ที่เดินจากไปด้วยกัน ไม่รู้ทำไมในใจนางถึงได้รู้สึกเสียใจ
แม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนผู้นั้นจะมาปรากฏตัวที่นี่ และรู้ว่าต่อให้พวกเขาได้พบกันอีกครั้ง พวกเขาก็จะเป็นศัตรูกัน แต่หัวใจของนางก็อดคาดหวังไม่ได้ว่า หากมีสักวัน…ที่พวกเขาได้พบกันอีกครั้ง มันจะดีสักเพียงไหน
“คุณหนูใหญ่กู่” ศิษย์ตำหนักจิงหงเรียกเบาๆ อย่างงุนงง ขณะมองกู่ซินเยียนที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู
กู่ซินเยียนได้สติกลับมา นางยิ้มเป็นเชิงขอโทษก่อนจะเปิดประตูและเดินเข้าไปข้างใน
จื่อจินถูกจวินอู๋เสียพามาที่ห้องของจวินอู๋เสีย นางนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเงียบๆ และไม่กล้าขยับตัว
ในช่วงที่งานเลี้ยงวันเกิดดำเนินไปนี้ แขกทุกคนจะพักอยู่ในตำหนักจิงหง แต่เพื่อความสะดวก แขกบุรุษสตรีจะพักแยกกัน
“คุณชายจวิน ทำไมให้ข้ามาที่นี่เล่า” ดวงตาใสกระจ่างของจื่อจินมองไปที่จวินอู๋เสีย หลังจากที่ได้อยู่กับจวินอู๋เสียมาตลอดการเดินทาง แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยพูด แต่จื่อจินก็พบว่าเด็กหนุ่มที่ไม่ค่อยพูดคนนี้มีความคิดที่ลึกซึ้งและฉลาดกว่าที่นางคิดเอาไว้
ปล้นขบวนรถม้าของตำหนักเงาจันทรา เอาชนะใจเยว่อี้ และในที่สุดก็ได้เข้ามาในตำหนักจิงหงในฐานะแขกจากตำหนักเงาจันทรา ความกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้เป็นสิ่งที่จื่อจินไม่สามารถจินตนาการได้เลย แต่จวินอู๋เสียก็ทำได้อย่างราบรื่น ในตอนที่ส่งบัตรเชิญก็ทำด้วยท่าทางที่สงบนิ่งมั่นคง ทำให้จื่อจินที่กระวนกระวายอย่างมากนั้นแอบชื่นชมในตัวเด็กหนุ่ม
“อยู่ที่นี่อย่าเรียกข้าว่าคุณชายจวิน” จวินอู๋เสียนวดขมับ นางสังเกตเห็นว่าในบรรดาแขกจากตำหนักมารโลหิต มีกู่ซินเยียนและกู่อิ่งอยู่ด้วย นางไม่สนใจคนอื่นมากนักหรอก แต่สองคนนี้เคยมีปฏิสัมพันธ์กับนางโดยตรงมาก่อน