ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1683 ลุกจากที่ (1) / ตอนที่ 1684 ลุกจากที่ (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1683 ลุกจากที่ (1) / ตอนที่ 1684 ลุกจากที่ (2)
ตอนที่ 1683 ลุกจากที่ (1)
จื่อจินเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสียที่นั่งลง แล้วสายตาของนางก็เหลือบไปเห็นคนที่นั่งลงด้านหลังจวินอู๋เสีย
ไม่ใช่ครั้งแรกที่จื่อจินได้เห็นคนคนนั้น นางรู้ว่าเยี่ยซาปลอมตัวอยู่ แต่ไม่รู้ทำไม วันนี้นางรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัว ‘เยี่ยซา’ เปลี่ยนไป ปกติเยี่ยซากับเยี่ยกูไม่ค่อยพูดหรือยิ้ม และมักจะทำให้คนรู้สึกถึงความกดดันและเย็นชา แต่ ‘เยี่ยซา’ วันนี้กลับยิ้มมุมปากได้อย่างเป็นธรรมชาติ แม้ว่าจะเป็นรอยยิ้มบางๆ แต่ก็ทำให้คนรู้สึกว่ามันน่ากลัวและโลหิตเย็น บรรยากาศก็ดูเหมือนกดดันยิ่งกว่าเดิม จนแทบรู้สึกได้ถึงอันตราย เพียงแค่นั่งตรงข้ามกับเขา จื่อจินก็รู้สึกหนาวเย็นไปทั้งหลัง นางงอหลังลงโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เจ้าเรียกเยี่ยซามาด้วยหรือ” จื่อจินงงเล็กน้อย จวินอู๋เสียตัดสินใจว่าจะไม่ให้เยี่ยซากับเยี่ยกูเข้าร่วมงานเลี้ยงวันนี้ไม่ใช่หรือ
ทำไมจู่ๆ ถึงได้เปลี่ยนใจแล้วล่ะ
“อืม” จวินอู๋เสียตอบนิ่งๆ ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
จื่อจินมองจวินอู๋เสียอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่ ‘เยี่ยซา’ ไม่สามารถสลัดความรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติออกไปได้ แต่เยี่ยซาเป็นลูกน้องของจวินอู๋เสีย ย่อมไม่ดีหากนางจะถามมากเกินไป
“เมื่อสักครู่ตอนที่เจ้าออกไป เจ้าพลาดฉากเด็ดแล้ว” จื่อจินเลิกสนใจเรื่องนี้แล้วก็พูดขึ้น
“หืม มีเรื่องอะไร” จวินอู๋เสียเลิกคิ้วเล็กน้อย กวาดมองไปทั่วห้องโถงเพื่อหาเบาะแส และพบว่ากู่อิ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ กู่ซินเยียนหายไปจากงานเลี้ยงแล้ว ที่นั่งของเขาว่างเปล่า
จื่อจินหัวเราะเบาๆ และพูดว่า ”ดูเหมือนจูเก๋ออินจากตำหนักมังกรสวรรค์จะเล็งคุณหนูใหญ่ของตำหนักมารโลหิตเอาไว้ เมื่อสักครู่อาศัยว่าได้สุราเข้าปากไประหว่างงานเลี้ยง เขาก็วิ่งเข้าไปคุยกับกู่ซินเยียน โชคร้าย พูดไปได้ไม่กี่คำก็โดนกู่อิ่งไล่กลับมา ไปๆ มาๆ ทั้งสองฝ่ายก็ดูท่าทางไม่ดีเอามากๆ สุดท้ายกู่ซินเยียนก็พูดขึ้นมาว่า กู่อิ่งดื่มมากเกินไปแล้ว ให้เขากลับไปพักผ่อน แต่ข้าเห็นว่าตอนนั้นตาของกู่อิ่งใสชัดเจนดี ดูไม่เมาเลยสักนิด เขาแสดงออกชัดเจนเลยว่าไม่ไว้หน้าจูเก๋ออินแล้ว ตอนที่กู่อิ่งออกไป สีหน้าเขาดูไม่ดีเลย”
ในฐานะศิษย์ของตำหนักหยกวิญญาณ จื่อจินย่อมอยากให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้นในสิบสองตำหนัก ยิ่งวุ่นวายมากเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น นี่เป็นการแสดงที่นางไม่อยากพลาดอย่างแน่นอน
จวินอู๋เสียฟังคำพูดของจื่อจินอยู่เงียบๆ ตามที่คาดไว้ จูเก๋ออินที่นั่งอยู่ไม่ไกลนักมีสีหน้าบึ้งตึง และกู่ซินเยียนก็ก้มหน้าตลอดเวลาโดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่านางคิดอะไรอยู่ในใจ แต่ก็ดูเหมือนที่จื่อจินพูด
แต่ว่า…
จวินอู๋เสียยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
นางเคยเจอกับกู่อิ่งมาก่อน กู่อิ่งไม่ใช่คนที่จะเชื่อฟังใคร ด้วยนิสัยของกู่อิ่ง ถ้าเขาไม่พอใจจูเก๋ออิน ต่อให้บนหัวของจูเก๋ออินแบกรัศมีจ้าวตำหนักน้อยตำหนักมังกรสวรรค์อยู่ เกรงว่ากู่อิ่งก็ไม่ลังเลที่จะทำให้เขากระอักโลหิตไปสามฟุตตรงนั้นแหละ รวมทั้งตัดสัมพันธ์กับจูเก๋ออินต่อหน้าทุกคนด้วย ยิ่งกว่านั้นกู่ซินเยียนพูดแค่ไม่กี่คำก็กลับไปแล้ว นี่ไม่ใช่นิสัยของกู่อิ่งเลย
นอกจากนั้น…
จวินอู๋เสียมองไปที่กู่ซินเยียน ในตอนนั้นกู่ซินเยียนก็เงยหน้าขึ้นมาพอดี ใบหน้าของนางซีดเล็กน้อย สายตาว่างเปล่าของนางกวาดมองไปรอบห้องโถงใหญ่ พอสบตาจวินอู๋เสียเข้า นางก็สะดุ้งเล็กน้อย แล้วรีบก้มหน้าลงดื่มสุราต่อ
กู่อิ่งออกไปโดยไม่ก่อเรื่องอะไรเพราะคำพูดของกู่ซินเยียนจริงหรือ
จวินอู๋เสียไม่รู้สึกเลยสักนิดว่า กู่ซินเยียนจะมีอิทธิพลต่อกู่อิ่งมากขนาดนั้น ตอนที่กู่ซินเยียนและกู่อิ่งอยู่ด้วยกันนั้น จวินอู๋เสียเห็นได้ไม่ยากเลยว่ากู่ซินเยียนกลัวกู่อิ่งจากก้นบึ้งของหัวใจ
ตอนที่ 1684 ลุกจากที่ (2)
จวินอู๋เสียยังคงสังเกตทุกอย่างด้วยท่าทางสงบนิ่ง การลุกออกไปของกู่อิ่งไม่ใช่เพราะคำพูดไม่กี่คำของกู่ซินเยียนอย่างแน่นอน
แล้วเพราะอะไร
“เจ้าว่า ตำหนักมารโลหิตกับตำหนักมังกรสวรรค์จะมาทะเลาะกันที่นี่หรือเปล่า” จื่อจินค่อนข้างตื่นเต้น จวินอู๋เสียยังไม่ทันทำอะไร คุณชายทั้งสองของตำหนักมารโลหิตกับตำหนักมังกรสวรรค์ก็มีเรื่องกันแล้ว นี่หมายความว่าพวกเขาอาจไม่ต้องทำอะไรก็นั่งรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้เลยน่ะสิ
จวินอู๋เสียส่ายหน้า ”กู่อิ่งนี่ช่างเถอะ แต่กู่ซินเยียนจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องขึ้นหรอก ยิ่งกว่านั้นการทะเลาะเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ไม่มีความหมายอะไรเลย ตำหนักต่างๆ ก็ทะเลาะกันเป็นปกติอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยสักนิด”
สิบสองตำหนักก็ทะเลาะกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง
ตอนอยู่ที่ผาสุดขอบฟ้า ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจก็เข่นฆ่าตำหนักสรรพชีวิต แม้ว่าจะมีคนบาดเจ็บล้มตาย แต่สิบสองตำหนักก็ยังไม่ต่อสู้กันอย่างเปิดเผยจริงๆ
เว้นแต่ว่า…
จวินอู๋เสียมองไปที่จูเก๋ออินซึ่งนั่งหน้าตึงอยู่
จูเก๋ออินโดนกู่อิ่งฉีกหน้า แม้ว่าคำพูดสุดท้ายของกู่ซินเยียนจะช่วยผ่อนคลายบรรยากาศลงได้บ้าง แต่หน้าของจูเก๋ออินก็ยังไม่น่าดูอยู่ดี
เฟยเยียนที่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่อยากเปลืองน้ำลายกับเจ้าหมอนี่เลย แต่เพื่อแผนการของพวกเขา เฟยเยียนจึงยิ้มออกมาและหลอกล่อโน้มน้าวเขา
“ข้าแค่อยากดื่มกับซินเยียนและคุยกับนางนิดหน่อยเท่านั้น เจ้ากู่อิ่งนั่นตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ พูดจาก็แปลกประหลาด อยากฆ่าข้าอย่างนั้นเรอะ” ยิ่งคิดจูเก๋ออินก็ยิ่งโมโห เขาเป็นบุตรชายคนเดียวของจ้าวตำหนักมังกรสวรรค์ และเป็นแก้วตาดวงใจของบิดามาตั้งแต่เด็ก ได้รับยกย่องว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดจากทุกคนที่อยู่รอบตัวเขา เขาเคยโดนคนทำเช่นนี้ใส่ที่ไหนกัน
เฟยเยียนเทสุราให้จูเก๋ออินแล้วพูดอย่างอดทนว่า ”คุณชายอย่าโกรธเลย อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นคนของตำหนักมารโลหิต ตำหนักมารโลหิตมักจะโม้ว่าตัวเองสามารถเทียบกับตำหนักเปลวเพลิงปีศาจได้ ก็ย่อมดูถูกตำหนักอื่นอยู่แล้ว คนนั้นคือจ้าวตำหนักน้อยของตำหนักมารโลหิต ก็เลยหยิ่งยโสพูดจาไม่คำนึงถึงคนอื่น คุณชายใจเย็นลงก่อนเถอะ”
ดูเผินๆ เหมือนเฟยเยียนกำลังเกลี้ยกล่อมจูเก๋ออิน แต่ถ้าคิดถึงคำพูดของเขาให้ดีๆ จะเห็นได้ว่าเฟยเยียนกำลังเติมน้ำมันเข้าไปในกองไฟต่างหาก
การพูดกรอกหูจูเก๋ออินถึงความหยิ่งยโสของตำหนักมารโลหิตอย่างต่อเนื่องยิ่งทำให้จูเก๋ออินที่ยังหนุ่มและเลือดร้อนโกรธเคืองมากขึ้นไม่ใช่หรือ
“หมอนั่นเนี่ยนะ ยังนับว่าเป็นจ้าวตำหนักน้อยของตำหนักมารโลหิตด้วยหรือ ล้อเล่นน่า! กู่อี้ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด อย่าคิดว่าแซ่กู่ก็จะเป็นจ้าวตำหนักคนต่อไปของตำหนักมารโลหิตได้ มีแต่ผีแหละที่รู้ว่าไอ้เวรนั่นมาจากไหน กู่อี้ไม่เคยคิดจะอบรมเลี้ยงดูเจ้านั่นให้เป็นจ้าวตำหนักคนต่อไปเลย มันยังจะคิดว่าตัวเองสำคัญอยู่อีกเรอะ” จูเก๋ออินไม่เพียงรู้สึกโกรธ แต่ยังรู้สึกว่ากู่อิ่งฉีกหน้าเขาต่อหน้ากู่ซินเยียนและเฟยเยียนด้วย ทำให้ยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้น
คนพูดไม่ได้ตั้งใจพูด แต่คนฟังตั้งใจฟัง มือของเฟยเยียนที่กำลังรินสุราชะงักเล็กน้อย แต่สีหน้าไม่ได้แสดงอะไรออกมา ยังคงใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเดิม
จูเก๋ออินกระดกสุราเข้าปากเพื่อระงับไฟในใจ
“เสี่ยวเยียน ข้าจะบอกให้นะ เจ้าอย่าไปมองไอ้สุนัขกู่อิ่งนั่น หมอนั่นมันไม่ได้สำคัญอะไรต่อตำหนักมารโลหิตเลย เจ้าเพิ่งเข้าร่วมตำหนักเรา ยังมีอะไรที่เจ้าไม่รู้อีกมาก ในสิบสองตำหนักมีเรื่องสกปรกต่ำช้าอยู่เยอะ ถ้าตำหนักมารโลหิตจะเลือก พวกเขาก็จะเลือกกู่ซินเยียนเป็นจ้าวตำหนักคนต่อไป ไอ้เวรนั่นไม่มีโอกาสหรอก”
“แต่…เขาเป็นบุตรชายของจ้าวตำหนักมารโลหิตไม่ใช่หรือ ตำแหน่งจ้าวตำหนักมักสืบทอดจากบิดาไปที่บุตรชายนี่” เฟยเยียนแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ
จูเก๋ออินยิ้มเยาะแล้วพูดว่า ”ก็ใช่ ปกติตำแหน่งจะสืบทอดไปที่บุตรชาย แต่บุตรชายคนนั้นต้องเป็นโลหิตเนื้อเชื้อไขที่แท้จริงของเขาเสียก่อน!”