ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1701 บรรพบุรุษเจ้าสิ (1) / ตอนที่ 1702 บรรพบุรุษเจ้าสิ (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1701 บรรพบุรุษเจ้าสิ (1) / ตอนที่ 1702 บรรพบุรุษเจ้าสิ (2)
ตอนที่ 1701 บรรพบุรุษเจ้าสิ (1)
กลุ่มผู้เยาว์ไม่กล้าส่งเสียงอะไรออกมาอีก พวกเขาไม่กล้ายั่วยุพระพุทธรูปองค์ใหญ่อย่างเฉียวฉู่ ใครๆ ก็รู้ว่าคนของตำหนักเปลวเพลิงปีศาจผู้นี้อารมณ์ร้ายนัก บวกกับสถานะของตำหนักเปลวเพลิงปีศาจในสิบสองตำหนัก คนที่กล้าแตะเฉียวฉู่ก็มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น
“เฮ้ย! เจ้าคนจากตำหนักมังกรสวรรค์นั่นน่ะ เมื่อไรจะเสร็จเสียที! ยึดเวทีไว้นานเกินไปแล้วหรือไม่ อย่ามัวแต่ขวางทางซิวะ ตกลงจะสู้หรือไม่สู้ ไม่สู้ก็ไสหัวออกมา!” เฉียวฉู่เงยหน้าขึ้นตะโกนอย่างหยาบคายใส่จูเก๋ออินที่ทำรุนแรงกับเยว่อี้บนเวทีประลอง
เฉียวฉู่เห็นการกระทำของเฟยเยียนและหรงรั่วเมื่อครู่นี้แล้ว เขาก็ได้รับข้อความจากเฟยเยียนบนแผ่นหยกเช่นเดียวกัน ดังนั้นจวินอู๋เสียก็น่าจะมาถึงที่นี่เร็วๆ นี้ สิ่งที่เฉียวฉู่ต้องการทำในตอนนี้ก็คือทำให้เยว่อี้อยู่ได้จนถึงตอนที่จวินอู๋เสียมา ไม่เช่นนั้นเยว่อี้ได้ตายด้วยน้ำมือของจูเก๋ออินอย่างแน่นอน
จูเก๋ออินขมวดคิ้วมองเฉียวฉู่ที่ตะโกนใส่เขาจากกลางฝูงชน เมื่อเห็นเครื่องแบบตำหนักเปลวเพลิงปีศาจบนตัวเฉียวฉู่ ดวงตาของเขาก็ฉายแววไม่พอใจ เขากระทืบเท้าลงบนหลังของเยว่อี้ทันที แรงกระทืบทำให้เยว่อี้กระอักโลหิตออกมา
“ทำไมสหายผู้นี้ถึงได้ร้อนใจนัก การประลองระหว่างข้ากับคุณชายเยว่ยังไม่จบ พอมันจบเมื่อไร เจ้าย่อมขึ้นมาได้อยู่แล้ว” จูเก๋ออินพูดจาเหน็บแนม
เฉียวฉู่ด่าความน่ารังเกียจของจูเก๋ออินอยู่ในใจ ไม่ว่าใครก็สามารถเห็นได้ว่าสภาพของเยว่อี้นั้นใกล้หมดลมหายใจแล้ว จะลุกขึ้นมาสู้ต่อได้ที่ไหนกัน แต่จูเก๋ออินกลับโกหกอย่างหน้าไม่อายและยืนกรานจะยืดเวลาต่อสู้ออกไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่เห็นกันอยู่แล้วว่าใครเป็นผู้ชนะ
“อย่ามาพูดเพ้อเจ้อเรื่อยเปื่อยกับข้า ข้าไม่สนใจจะดูเจ้ารังแกสุนัขที่นี่ รู้สึกดีมากหรือไม่ที่ได้ข่มเหงรังแกคนอ่อนแอ ตำหนักมังกรสวรรค์นี่ช่างยโสโอหังโดยแท้” เฉียวฉู่ถากถาง ซ่อนเจตนาแท้จริงของเขาไว้เบื้องหลังความไม่พอใจที่ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจมีต่อตำหนักมังกรสวรรค์
ตำหนักมังกรสวรรค์มีความสัมพันธ์ค่อนข้างใกล้ชิดกับตำหนักมารโลหิต ทำให้ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจที่พยายามขึ้นครองตำแหน่งสูงสุดรู้สึกไม่พอใจพวกเขา ดังนั้นคำถากถางของเฉียวฉู่จึงไม่ทำให้ผู้คนเกิดความสงสัย
พูดถึงเรื่องการกดขี่ข่มเหงแล้ว ในบรรดาสิบสองตำหนัก จะมีตำหนักไหนที่สามารถเทียบกับตำหนักเปลวเพลิงปีศาจได้
การที่ศิษย์ของตำหนักเปลวเพลิงปีศาจไม่อยากให้คนจากตำหนักอื่นทำอะไรตามใจชอบต่อหน้าเขาเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้อย่างง่ายดาย
คำพูดของเฉียวฉู่ค่อนข้างหยาบคาย ทำให้จูเก๋ออินหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย แต่เขายังไม่พอใจกับความอัปยศและความทรมานของเยว่อี้ ทว่า…สายตาของจูเก๋ออินมองผ่านไปยังกู่ซินเยียนที่อยู่ด้านล่างเวทีประลอง
บิดาของจูเก๋ออินพยายามให้พวกเขากอดขาตำหนักมารโลหิตเอาไว้ ครั้งนี้เขาวางแผนให้จูเก๋ออินเข้าใกล้กู่ซินเยียน ถ้าเป็นเวลาอื่นจูเก๋ออินอาจจะยับยั้งตัวเองได้บ้าง เนื่องจากความรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงจากแรงกดดันของตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ แต่สถานการณ์ในตอนนี้คือโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเขาในการแสดงตนต่อหน้าตำหนักมารโลหิตไม่ใช่หรือ
เมื่อจูเก๋ออินมีความคิดเช่นนั้น แววตาหงุดหงิดของเขาจึงหายไปทันที เขาเชิดหน้ามองเฉียวฉู่อย่างเย่อหยิ่งอวดดี
“การประลองย่อมมีกฎ ในเมื่อข้ากับคุณชายเยว่ยังไม่มีใครยอมแพ้และยังไม่มีใครตกเวที ก็หมายความว่าการประลองนี้ยังไม่จบ ถ้าสหายจากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจคิดว่ามีอะไรไม่ถูกต้องละก็ เจ้าก็ไปถามคนจากตำหนักจิงหงดูว่ากฎของการประลองนี้เป็นอย่างไร การแข่งขันครั้งนี้ทั้งคุณชายเยว่และข้ายังไม่ได้ผลสรุปเลย จะให้มันจบก่อนเวลาอันควรได้อย่างไร” ขณะที่พูด เท้าที่เหยียบเอวของเยว่อี้อยู่ก็ออกแรงเพิ่ม เยว่อี้ส่งเสียงครวญครางออกมา
ตอนที่ 1702 บรรพบุรุษเจ้าสิ (2)
วิธีของจูเก๋ออินทำให้คนจำนวนมากไม่สามารถทนเขาได้ แต่ไม่มีใครกล้าต่อต้านจูเก๋ออินตรงๆ ถึงอย่างไรเขาก็คือจ้าวตำหนักน้อยของตำหนักมังกรสวรรค์
สีหน้าของเฉียวฉู่ยิ่งไม่น่าดูมากขึ้น เขามองเยว่อี้ที่หน้าซีดราวกระดาษและติดอยู่ใต้เท้าของจูเก๋ออิน ดวงตาของเขาฉายแววน่ากลัว
ไม่มีใครยอมแพ้อย่างนั้นหรือ
เยว่อี้ไม่เหลือแรงจะพูดออกมาด้วยซ้ำ แล้วเขาจะบอกยอมแพ้ได้อย่างไร จูเก๋ออินเอาเท้าเหยียบเยว่อี้ไว้ ไม่ให้เขามีโอกาสหนีออกจากเวทีประลอง เห็นได้ชัดว่าเขาอยากให้เยว่อี้ตายบนเวทีนั้น!
ความไร้ยางอายของจูเก๋ออินทำให้เฉียวฉู่เกลียดการที่เขาไม่สามารถพุ่งเข้าไปฉีกใบหน้าที่น่ารังเกียจนั้นได้ แต่เศษเสี้ยวของความมีเหตุมีผลในใจของเขาบอกเขาว่า การที่เขาพูดออกไปนั้นก็มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้แล้ว ถ้าเขาโจมตีจูเก๋ออินจริงๆ เขาก็อาจทำให้ศิษย์คนอื่นของตำหนักเปลวเพลิงปีศาจสงสัยได้
เมื่อโดนสถานะของตัวเองในตอนนี้กดไว้ เฉียวฉู่ก็ทำได้แค่กล้ำกลืนความโกรธลงไป ในใจปรารถนาให้จวินอู๋เสียมาถึงเสียที
บรรยากาศรอบเวทีประลองแปลกไป คนที่นั่นไม่ได้โง่ พวกเขาเห็นได้ว่าการประลองระหว่างจูเก๋ออินและเยว่อี้เกินกว่าขอบเขตของการประลองปกติแล้ว หลังจากจูเก๋ออินเหนือกว่าคู่ต่อสู้อย่างท่วมท้น เขาก็ไม่หยุด แต่กลับตัดเส้นทางถอยของเยว่อี้ไปจนหมด และควบคุมตัวเขาเอาไว้บนเวที
ต่อหน้าต่อตาทุกคน จูเก๋ออินทำเหมือนทำกับเหยื่อที่ไร้ทางสู้ ยกเท้าขึ้นกระทืบร่างของเยว่อี้อย่างต่อเนื่อง
เสียงกระดูกแตกดังออกมา ทำให้ทุกคนที่ได้ยินพากันขนลุกขนพอง
ใบหน้าที่หล่อเหลาของเยว่อี้ฟกช้ำดำเขียวไปหมด ดั้งจมูกหักจากการกระทืบของจูเก๋ออิน กระดูกสีขาวโผล่ออกมาให้เห็นจากบาดแผล โลหิตไหลนองไปทั่วพื้น
กู่ซินเยียนรู้สึกติดขัดในอกราวกับจะหายใจไม่ออก ในฐานะของคุณหนูใหญ่แห่งตำหนักมารโลหิต ความขัดแย้งระหว่างตำหนักอื่นๆ จะเป็นประโยชน์และไม่มีผลเสียใดๆ กับนาง ในตอนที่ตำหนักอื่นๆ ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ตำหนักมารโลหิตจึงจะมีโอกาสผงาดขึ้นมา
แต่ตอนนี้ นางกำลังปวดหัวตุบๆ จากกลิ่นคาวโลหิตที่คละคลุ้งนั่น
“ไปตามผู้อาวุโสของตำหนักจิงหงมาที่นี่” กู่ซินเยียนสูดหายใจเข้าลึกและพูดเบาๆ กับศิษย์ของตำหนักมารโลหิตที่อยู่ข้างๆ นาง
ศิษย์ตำหนักมารโลหิตคนนั้นมองกู่ซินเยียนอย่างงุนงง ”คุณหนูใหญ่ ท่าน…”
กู่ซินเยียนแสร้งทำเป็นนิ่งและพูดว่า ”ตำหนักมังกรสวรรค์ตั้งใจจะลากเราเข้าไปในเรื่องนี้ด้วย มันไม่เพียงจะทำให้เราเป็นศัตรูกับตำหนักเงาจันทราเท่านั้น แต่เขายังยั่วยุคนจากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจต่อหน้าทุกคน เราจะปล่อยให้เขาทำตามใจชอบต่อไปไม่ได้” กู่ซินเยียนมองออกว่าจูเก๋ออินมีเจตนาเช่นไร ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะไม่ยอมให้จูเก๋ออินทำสำเร็จได้แน่
“แต่คนของตำหนักจิงหงจะ…กล้ายุ่งหรือ” ศิษย์ตำหนักมารโลหิตพูดอย่างระมัดระวัง ไม่ว่าอย่างไรจูเก๋ออินก็เป็นจ้าวตำหนักน้อยของตำหนักมังกรสวรรค์ ตำหนักจิงหงอาจจะกลัวมีปัญหาได้
กู่ซินเยียนตอบว่า ”ตำหนักจิงหงจะไม่มีวันยอมให้ศิษย์คนใดเสียชีวิตในอาณาเขตของพวกเขาหรอก ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ยากที่จะตอบคำถามได้”
คนจากสิบสองตำหนักพวกนี้มาที่นี่เพื่อร่วมฉลองวันเกิดของจ้าวตำหนักจิงหง ถ้ามีใครต้องเสียชีวิตในอาณาเขตของตำหนักจิงหง ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะเป็นใครก็ตาม ตำหนักจิงหงก็ยังต้องตอบคำถามเรื่องนี้กับตำหนักอื่นๆ อยู่ดี
ตราบใดที่คนของตำหนักจิงหงไม่ได้โง่เขลาเกินไปนัก พวกเขาย่อมต้องการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นอย่างแน่นอน
ศิษย์ตำหนักมารโลหิตพยักหน้า และวิ่งออกไปจากฝูงชนทันที
บนเวทีประลอง จูเก๋ออินยังคงทรมานเยว่อี้ไม่หยุด เมื่อเห็นสภาพอันเลวร้ายของเยว่อี้ รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ลึกขึ้น