ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1709 เล่น (1) / ตอนที่ 1710 เล่น (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1709 เล่น (1) / ตอนที่ 1710 เล่น (2)
ตอนที่ 1709 เล่น (1)
ดูเหมือนไม่มีใครเอาคำพูดของผู้อาวุโสแห่งตำหนักจิงหงมาใส่ใจ สายตาที่พวกผู้เยาว์มองผู้อาวุโสตำหนักจิงหงทำให้ผู้อาวุโสคนนั้นรู้สึกผิดขึ้นมา
ความจริงการกระทำของผู้อาวุโสคนนั้นในมุมมองของตำหนักจิงหงก็ไม่มีอะไรผิด ตำหนักจิงหงไม่มีความคิดจะล่วงเกินตำหนักอื่นๆ เลย ไม่ว่าจูเก๋ออินจะทำผิดขนาดไหนในวันนี้ แต่ตำหนักเงาจันทราก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์พิเศษอะไรกับตำหนักจิงหง ดังนั้น ท่าทีเป็นกลางของตำหนักจิงหงก็เป็นที่เข้าใจได้
ถ้านี่เป็นสถานการณ์ปกติทั่วไป คำพูดพวกนั้นก็อาจจะเป็นที่ยอมรับได้มากกว่านี้
แต่ปัญหาคือจวินอู๋เสียได้กระตุ้นให้ทุกคนต่อต้านการกระทำของจูเก๋ออินไปเมื่อครู่ ตอนนี้ผู้เยาว์ทุกคนจึงต่อต้านวิธีการที่โหดร้ายเกินไปของจูเก๋ออิน ผู้อาวุโสตำหนักจิงหงที่พยายามไกล่เกลี่ยสถานการณ์จึงทำให้สายตาของทุกคนแปลกไป
มันรู้สึกเหมือนว่า เพราะเขากลัวอำนาจของตำหนักมังกรสวรรค์ถึงได้เข้าข้างจูเก๋ออิน
พวกผู้เยาว์ต่างรู้สึกหวาดกลัววิธีการของจูเก๋ออิน และตอนนี้พวกเขาก็ ‘ค้นพบ’ แล้วว่าตำหนักจิงหงเข้าข้างตำหนักมังกรสวรรค์ นั่นยิ่งเตือนพวกเขาถึงความไม่กลัวอะไรเลยของตำหนักมังกรสวรรค์และการนิ่งเฉยของตำหนักจิงหง
เมื่อคิดว่าตนจะต้องอยู่ในตำหนักจิงหงไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง เหล่าผู้เยาว์ก็รู้สึกไม่พอใจกับการไม่ทำอะไรเลยของตำหนักจิงหง
นี่ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของพวกเขาได้เลย พวกเขาอยู่ในตำหนักจิงหงโดยที่ไม่ได้รับการปกป้องแต่อย่างใด ความรู้สึกต่อต้านจูเก๋ออินจึงแผ่ขยายไปยังตำหนักจิงหงด้วย
พอมีความรู้สึกต่อต้าน ใบหน้าที่พวกผู้เยาว์แสดงออกต่อผู้อาวุโสตำหนักจิงหงจึงดูไม่ดีนัก พวกเขาจากไปกันทีละกลุ่ม สายตาก่อนจากไปของพวกเขาทำให้ใบหน้าของผู้อาวุโสตำหนักจิงหงแข็งขึ้นเล็กน้อย
เขาไม่ได้โง่ ถึงจะได้ไม่เห็นความไม่พอใจที่ผู้เยาว์พวกนี้มีต่อเขา แต่ความไม่พอใจที่ยากแก่การเข้าใจนี้ทำให้ผู้อาวุโสตำหนักจิงหงสับสนและรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
ง่ายนักนี่ในการจัดเตรียมสิ่งต่างๆ ให้เด็กพวกนี้ แล้วพวกเขาก็ก่อปัญหากันเอง แต่ดันมาโทษตำหนักจิงหง สุดท้ายแล้วตำหนักจิงหงทำทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไรกัน
การประลองจบลงอย่างไม่มีความสุข ตำหนักจิงหงอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตำหนักมังกรสวรรค์ไม่ได้เห็นท่าทีเป็นกลางของพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ศิษย์ตำหนักอื่นๆ กลับเข้าใจผิดว่าพวกเขายอมจำนนต่ออำนาจของตำหนักมังกรสวรรค์
จูเก๋ออินกลับไปที่ห้องอย่างหงุดหงิดอารมณ์เสีย ภายในใจสับสนวุ่นวาย
บนเวทีประลองเมื่อครู่ เขาเห็นสายตาของพวกผู้เยาว์จากตำหนักอื่นอย่างชัดเจน ความระแวงในสายตาของพวกเขาทำให้เขาเกิดลางสังหรณ์ที่เลวร้าย เขาไม่คิดเลยว่าช่วงเวลาแห่งความภูมิใจในตัวเองวันนี้จะทำให้ตำหนักอื่นๆ เกิดความไม่พอใจตำหนักมังกรสวรรค์ของเขา คิดไม่ถึงเลยจริงๆ
การทรมานเยว่อี้เป็นเพียงเรื่องส่วนตัวของเขา แต่สุดท้ายด้วยคำพูดไม่กี่คำของจวินอู๋เสีย ทำให้เรื่องกลายเป็นตำหนักมังกรสวรรค์ใช้อำนาจข่มเหงรังแกคนอื่น และจูเก๋ออินก็พูดโต้แย้งไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว ตอนอยู่บนเวทีประลองเมื่อครู่ จูเก๋ออินไม่สามารถตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ระหว่างทางกลับห้อง เขาวิเคราะห์ทุกคำพูดของจวินอู๋เสียกลับไปกลับมาอย่างละเอียด แล้วก็ตระหนักถึงบางสิ่งขึ้นมาได้
เจ้าหมอนั่นแกล้งทำเป็นต่ำต้อยด้อยกว่าและอับจนหนทาง ความยโสโอหังและกำเริบเสิบสานของเขาจึงยิ่งเห็นได้อย่างชัดเจน ตอนแรกจูเก๋ออินคิดว่าเป็นนิสัยของจวินอู๋เสียที่ขี้ขลาดจนเกินทน แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามันมีบางอย่างทะแม่งๆ
“บัดซบ! ไอ้ระยำนั่นมันเล่นข้า!” จูเก๋ออินพูดด้วยความโกรธขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้ เขาทุบกำปั้นลงบนโต๊ะด้วยความหงุดหงิด ทันใดนั้น ผิวหน้าของโต๊ะไม้หงมู่แข็งๆ ก็เป็นรอยแตกราวกับใยแมงมุม
ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดพวกนั้นและท่าทางอ่อนแอของจวินอู๋เสีย คนจากตำหนักอื่นจะยุ่งกับเรื่องของตำหนักมังกรสวรรค์ไปทำไม
ตอนที่ 1710 เล่น (2)
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เฟยเยียนก็เข้ามาในห้องของจูเก๋ออิน ทันทีที่เข้าประตูมา เขาก็เห็นจูเก๋ออินขบกรามแน่นด้วยความโกรธ ทำให้เฟยเยียนแอบขำอยู่ในใจ
จูเก๋ออินถูกประคบประหงมเอาอกเอาใจจากทุกคนมาตั้งแต่เล็ก มีทั้งความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ แต่ไม่ได้เฉลียวฉลาดมีไหวพริบเท่าจวินอู๋เสีย คำพูดเพียงไม่กี่คำของจวินอู๋เสีย ไม่เพียงทำให้จูเก๋ออินไม่กล้าลงมือกับเยว่อี้ต่อหน้าฝูงชนเท่านั้น แต่ยังผลักจูเก๋ออินและตำหนักมังกรสวรรค์เข้าสู่ในกลางตาพายุอีกด้วย! แถมยังไม่มีช่องให้ตอบโต้ได้เลย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวโดยที่มือไม่ต้องเปื้อนโลหิตสักนิด
ด้วยนิสัยใจคอของจูเก๋ออิน คิดจะสู้กับจวินอู๋เสียก็เท่ากับรนหาที่ตาย ความพ่ายแพ้ครั้งนี้เป็นยาขมที่เขาจำต้องกินแล้ว!
ไม่ใช่แค่เขาที่ต้องกิน แต่ทั้งตำหนักมังกรสวรรค์ก็ต้องกิน!
”คุณชาย” เฟยเยียนเก็บแววตายิ้มเยาะแล้วมองจูเก๋ออินอย่างเชื่อฟัง
จูเก๋ออินกำลังหงุดหงิด เขาเห็นเฟยเยียนเข้ามาแต่สีหน้าดำทะมึนก็ไม่ได้จางหายไป ”ข้าไม่น่าปล่อยให้ไอ้เด็กตำหนักเงาจันทราคนนั้นพูดจาเหลวไหลเลย! น่าจะจัดการเยว่อี้ให้จบๆ ไปเสียก่อนที่เจ้านั่นจะมา วันนี้เจ้าเด็กนั่นมาที่เวทีประลองแล้วพูดจาเหลวไหลไร้สาระ ทำให้ข้าต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัด”
ยิ่งคิดจูเก๋ออินก็ยิ่งโกรธ เขาไม่เคยต้องอัดอั้นตันใจเช่นนี้มาก่อน มีหมวกใบใหญ่สวมหัวอยู่เช่นนี้ เขาไม่มีโอกาสอธิบายตัวเองเลย
ถ้าเป็นเวลาอื่น เขาคงฟาดเจ้าเด็กปากพล่อยนั่นให้ตายด้วยฝ่ามือเดียวไปแล้ว
เหตุการณ์วันนี้เป็นผลมาจากความยโสอวดดีของจูเก๋ออิน ถ้าเขาฆ่าเยว่อี้ไปก่อนหน้านี้ แม้ว่าจวินอู๋เสียจะมายังที่เกิดเหตุ นางก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เขาก็สามารถเดินจากไปได้โดยไร้รอยขีดข่วน ไม่ต้องเผชิญหน้ากับจวินอู๋เสีย จวินอู๋เสียจะไม่มีโอกาสจับผิดเขาและไม่มีโอกาสพูดคำเหล่านั้นเลย และถ้าเขาลงมือกับจวินอู๋เสียทันทีที่พบกันแทนที่จะใช้ท่าทีข่มเหงรังแกคนเช่นนั้น จวินอู๋เสียก็จะไม่สามารถใช้คำพูดของนางกระตุ้นให้ผู้เยาว์คนอื่นๆ เกิดความกลัวขึ้นมาได้
แต่ทั้งหมดนี้จูเก๋ออินไม่ได้ทำ เขาอยากทรมานเยว่อี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจะใช้เยว่อี้สร้างความอัปยศให้กับจวินอู๋เสีย จึงทำให้จวินอู๋เสียมีโอกาสโต้กลับได้
“คุณชายไม่จำเป็นต้องโกรธ เรื่องของตำหนักเงาจันทราน่ะเรื่องเล็ก แต่ตอนนี้เรามีเรื่องสำคัญกว่าต้องจัดการ” เฟยเยียนพูดอย่างอ่อนโยน รู้ว่าจูเก๋ออินเกลียดจวินอู๋เสียแล้ว
พูดแล้วก็ตลก การใช้อำนาจข่มเหงรังแกคนและยั่วยุจวินอู๋เสียนี้ก็เริ่มจากการกระทำของจูเก๋ออินเองทั้งนั้น แค่เพราะจวินอู๋เสียไม่ยอมจำนน นางจึงได้รับความเกลียดชังจากจูเก๋ออิน คนใจแคบเช่นนี้ช่างน่ารังเกียจและไร้ยางอายจริงๆ
จูเก๋ออินไม่ได้สังเกตเห็นแววตาดูถูกเหยียดหยามที่ซ่อนอยู่ของเฟยเยียน ใจของเขาจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เท่านั้น
“เจ้าพูดถูก ตำหนักเงาจันทราไม่มีค่าพอ แต่ไอ้สารเลวที่เล่นงานข้าวันนี้ ทำให้ข้ากลายเป็นตัวตลกต่อหน้าทุกคน และยังทำให้ตำหนักมังกรสวรรค์เราถูกเข้าใจผิดด้วย แม้ว่าอำนาจของตำหนักมังกรสวรรค์จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เพราะมีตำหนักมารโลหิตและตำหนักเปลวเพลิงปีศาจอยู่เหนือเรา เราจึงไม่เป็นที่สังเกตมากนัก แต่วันนี้ไอ้หมอนั่นผลักเราออกมาสู่แสงไฟ ข้าเห็นความเป็นศัตรูที่มีต่อเราในแววตาของคนตำหนักอื่นอย่างชัดเจน นั่นไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย” จูเก๋ออินนวดหว่างคิ้วตัวเองอย่างปวดหัว จากนั้นก็หันไปมองเฟยเยียนและพูดว่า
“โชคดีที่เจ้าจัดการได้ทันเวลา ทำให้เรื่องไม่เลวร้ายไปกว่านี้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่ามันจะเลวร้ายถึงขนาดไหน”
ในเวลานั้นสมองของจูเก๋ออินกำลังสับสน เขาไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนสถานการณ์ได้อย่างไร จนกระทั่งเฟยเยียนปรากฏตัวขึ้นชี้ทางออกให้เขา