ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1725 ไม่ไว้ใจ (1) / ตอนที่ 1726 ไม่ไว้ใจ (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1725 ไม่ไว้ใจ (1) / ตอนที่ 1726 ไม่ไว้ใจ (2)
ตอนที่ 1725 ไม่ไว้ใจ (1)
“เจ้ายังตกใจอยู่หรือ” กู่อิ่งเอียงคอมองจื่อจิน
จื่อจินก้มหน้าลง แล้วส่ายหน้าเล็กน้อย
กู่อิ่งหัวเราะเบาๆ และพูดว่า ”รีบกลับไปเถอะ”
จื่อจินเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มสดใสของกู่อิ่งด้วยแววตาลังเล ขณะที่นางสบตากับกู่อิ่งนั้นเอง หัวใจของนางก็หวั่นไหว นางรีบก้มหน้าลงและวิ่งหนีไป
กู่อิ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม เขามองจื่อจินที่วิ่งหนีไปอย่างลนลาน รอยยิ้มสดใสอ่อนโยนบนใบหน้าของเขาค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละนิด
“ตำหนักเงาจันทรา…”
หัวใจของจื่อจินเต้นแรงไปตลอดทางที่วิ่งกลับห้อง ความรู้สึกแปลกๆ ในหัวใจยังคงไม่หายไป เมื่อนึกได้ว่านางออกไปเพื่อเอาอาหารมาให้เยว่อี้และสุดท้ายก็กลับมามือเปล่า นางจึงเดินต่อไปที่ห้องเยว่อี้ด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน
ภายในห้องของเยว่อี้ จวินอู๋เสียเพิ่งเสร็จสิ้นการรักษาเบื้องต้นสำหรับเยว่อี้
เมื่อจื่อจินเห็นจวินอู๋เสีย หัวใจนางก็เต้นผิดจังหวะ แต่ความรู้สึกที่นางเคยมีต่อจวินอู๋เสียเมื่อก่อนนี้ได้หายไปโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกที่อยู่ในหัวใจของนางตอนนี้กลับมุ่งไปที่เด็กหนุ่มซึ่งนางบังเอิญเจอที่สวน
จื่อจินอาศัยอยู่ในตำหนักหยกวิญญาณมาตั้งแต่เล็ก เพราะตำหนักหยกวิญญาณ นางจึงมีความเกลียดชังต่อศิษย์ของสิบสองตำหนัก แต่ไม่รู้ทำไม สำหรับเด็กหนุ่มที่งดงามเจิดจ้าคนนั้น นางไม่สามารถทำให้ตัวเองรู้สึกไม่ชอบเขาได้เลยสักนิด นางยังจำได้ ตอนที่นางพบกู่อิ่งครั้งแรก กู่อิ่งไม่ถูกกับจูเก๋ออิน ทำให้นางอดคิดไม่ได้ว่า สิบสองตำหนักก็ใช่ว่าจะไม่มีคนดีอยู่เลย
“เรื่อง…ข้าวต้ม…ไม่มีคนอยู่ในครัวเลย” จื่อจินไม่กล้าสบตาจวินอู๋เสีย จึงได้หลบตา นางไม่อยากให้จวินอู๋เสียรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในสวนเมื่อครู่ เนื่องจากสิ่งน่ารังเกียจที่จูเก๋ออินทำไว้ และในขณะเดียวกันนางก็ไม่อยากให้จวินอู๋เสียรู้ว่านางพบกับกู่อิ่ง
ถึงอย่างไร กู่อิ่งก็มาจากตำหนักมารโลหิต และจวินอู๋เสียก็เห็นคนของสิบสองตำหนักเป็นศัตรู
“ข้าให้คนไปเตรียมแล้ว” จวินอู๋เสียพูดอย่างเฉยชา ไม่แสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำพูดของจื่อจินมากนัก
อาการของเยว่อี้ในตอนนี้ เพื่อให้เขาหายดีให้เร็วที่สุด จึงจำเป็นต้องใช้อาหารยา และอาหารยาที่จวินอู๋เสียคิดขึ้นนั้น นอกจากตัวนางเองแล้ว ก็มีเพียงเยี่ยซาและเยี่ยเม่ยที่รู้วิธีทำ ทั้งสองคนได้รับการสอนทีละขั้นตอนจากจวินอู๋เสีย
“อ๊ะ อ๋อ” จื่อจินชะงักเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ได้แต่ก้มหน้าเงียบ ความรู้สึกแปลกๆ เข้ามาในใจนาง
ในเวลาไม่นาน เยี่ยกูก็เดินถือชามข้าวต้มที่ส่งกลิ่นหอมออกมา กลิ่นนั้นแตกต่างจากข้าวต้มธรรมดาทั่วไป มันมีกลิ่นขมเจืออยู่เล็กน้อย
เมื่อจื่อจินได้กลิ่นนั้น นางก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ชามข้าวต้มทันที
เยี่ยกูไม่ได้สนใจสายตาของจื่อจิน เขาเดินไปที่ข้างเตียงของเยว่อี้ จากนั้นก็มองไปที่จวินอู๋เย่าซึ่งนั่งไขว้ห้างอยู่บนเก้าอี้ แล้วหันไปมองจวินอู๋เสียที่อยู่ข้างๆ จวินอู๋เย่า เขาถอนหายใจอยู่ในใจและยกชามข้าวต้มขึ้นอย่างยอมจำนน เขานั่งบนขอบเตียงของเยว่อี้และหยิบช้อนขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ ”พี่เลี้ยงเด็ก”
“เดี๋ยวก่อน!” ทันใดนั้น จื่อจินก็ตะโกนออกมา
เยี่ยกูหันไปมองจื่อจินอย่างงุนงง
สายตาของจื่อจินจ้องเขม็งไปที่ชามข้าวต้ม ข้าวต้มนี้ค่อนข้างพิเศษ มันไม่ได้ทำจากธัญพืชทั่วไป สีข้าวต้มเป็นสีเขียวจางๆ ทำให้จื่อจินรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
“นี่คืออะไร” จื่อจินเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสียด้วยสายตาสงสัยและแข็งกร้าวเล็กน้อย
จวินอู๋เสียหรี่ตาลง เมื่อเห็นสายตาของจื่อจินดูแตกต่างออกไป นางก็เอ่ยถามขึ้นช้าๆ ว่า ”เจ้ากังวลเรื่องอะไร”
ตอนที่ 1726 ไม่ไว้ใจ (2)
คำพูดของจวินอู๋เสียทำให้จื่อจินสะดุ้งเล็กน้อย สายตาที่นางมองจวินอู๋เสียก็ค่อยๆ สั่นไหว
นางกังวลเรื่องอะไร แม้แต่ตัวนางเองก็อธิบายไม่ถูก ที่จริง ตอนที่คำพูดพวกนั้นหลุดออกจากปากนาง จื่อจินก็รู้สึกเสียใจแล้ว แต่คำพูดที่พูดไปแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดออกไป ไม่สามารถเอากลับคืนได้
“ข้า…”
“เอามานี่” จวินอู๋เสียพูดพลางมองเยี่ยกู
เยี่ยกูเดินไปตรงหน้าจวินอู๋เสีย จากนั้นจวินอู๋เสียก็เอื้อมมือมาตักข้าวต้มใส่ปากตัวเองหนึ่งช้อนก่อนจะกลืนมันลงไป
นางรู้ว่าจื่อจินสงสัยอะไร
“ได้แล้วใช่หรือไม่” จวินอู๋เสียถามจื่อจินพร้อมกับเลิกคิ้ว
จื่อจินหน้าแดงก่ำ ในใจรู้สึกละอายเป็นอย่างมาก
เยว่อี้ที่นอนอยู่บนเตียงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แววตาของเขาไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้จื่อจินไม่ไว้ใจจวินอู๋เสียมากขนาดนี้
คำถามที่จื่อจินพูดออกมาเมื่อสักครู่ เห็นได้ชัดว่านางสงสัยว่ามีคนทำอะไรกับข้าวต้ม
“ข้า…ข้าไม่ได้…” จื่อจินค่อนข้างตื่นตระหนกและรู้สึกผิด
“เอาไปให้เยว่อี้” จวินอู๋เสียไม่แม้แต่จะมองนาง ขณะยื่นช้อนให้เยี่ยกู
เยี่ยกูยังไม่ทันจะยื่นมือออกไปรับ ก็มีมือใหญ่หยิบช้อนไปจากมือของจวินอู๋เสีย
แล้วเสียงแตกก็ดังขึ้น ช้อนกระเบื้องสีขาวถูกมือใหญ่ขยี้จนกลายเป็นฝุ่น ฝุ่นละเอียดนั้นไหลออกมาตามร่องนิ้วและตกลงบนพื้น
“โทษที ข้าคุมแรงไม่ได้ ไปเอาอันใหม่มา” จวินอู๋เย่าที่ขยี้ช้อนจนแหลกคามือพูดขึ้นพลางมองจวินอู๋เสียด้วยรอยยิ้ม คำพูดของเขาดูเหมือนจะพูดกับเยี่ยกู แต่น้ำเสียงไม่ได้ฟังดูเป็นการขอโทษเลยแม้แต่น้อย
จวินอู๋เสียมองจวินอู๋เย่าอยู่ครู่หนึ่ง และพบว่าตัวเองพูดอะไรไม่ออก
เยี่ยกูมองจวินอู๋เสีย จากนั้นก็ไปมองจวินอู๋เย่า ก่อนจะวางชามข้าวต้มลงบนโต๊ะและรีบวิ่งออกไปจากห้องเพื่อไปเอาช้อนใหม่
เยี่ยกูเพิ่งออกจากประตู เขาก็เห็นเยี่ยเม่ยยืนอยู่ด้านนอก ท่าทางไม่พอใจอย่างมากขณะที่จ้องมองเขา
“ยัยนั่นหมายความว่าอย่างไร นางดูถูกฝีมือทำอาหารของข้าเรอะ” เยี่ยเม่ยได้ยินทุกอย่างอย่างชัดเจนจากนอกประตู เขาไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง
ด้วยความที่เขาเป็นสมาชิกของกองทัพราตรีอันมีเกียรติ ตอนที่เขาออกศึกในสนามรบ ไม่รู้ว่าบรรพบุรุษของยัยเด็กจื่อจินนี่ยังเล่นโคลนอยู่ที่ไหน! ถ้าเป็นเมื่อก่อน ใครจะกล้าตั้งคำถามสิ่งที่เขาทำ อย่าว่าแต่อาหารที่เขาทำเลย ต่อให้เป็นเศษดินที่เขาหยิบขึ้นมาจากไหนก็ไม่รู้ ก็จะมีคนมากมายแก่งแย่งกันเพื่อเคี้ยวมัน
แต่ยัยเด็กนี่กล้ารังเกียจของที่เขาทำอย่างนั้นเรอะ
เมื่อเห็นเยี่ยเม่ยดูโกรธมาก เยี่ยกูก็อับจนคำพูด ว่ากันตามจริง ตอนที่เขาเห็นภาพเยี่ยเม่ยสะบัดกระทะอยู่ในครัว ดวงตาของเขาแทบจะถลนออกนอกเบ้า เขาไม่รู้จริงๆ ว่าลูกน้องของเขามีฝีมือในเรื่อง ‘งานบ้าน’ เช่นนี้
“ใจเย็นๆ เจ้าไม่เห็นหรือว่าขนาดหัวหน้ายังต้องป้อนข้าวให้เจ้าเด็กที่นอนอยู่เตียงด้วยตัวเองเลย” ปฏิกิริยาของเยี่ยซาสงบกว่ามาก เขายืนกอดอกมองเยี่ยกูที่มีอาการมุมปากกระตุก
ทั่วทั้งโลก คนที่สามารถได้รับบริการเช่นนั้นจากผู้บัญชาการกองทัพราตรี มีอยู่น้อยนิดมากจริงๆ
สีหน้าของเยี่ยกูยิ่งมืดมน เขามองเยี่ยซาและพูดว่า ”ต่อไปพวกเจ้าสองคนต้องปิดตา! ห้ามมองเด็ดขาด!”
เยี่ยซายักไหล่เพื่อบ่งบอกว่าเขาจะทำตามที่บอก และเยี่ยเม่ยก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหุบปากเงียบ
ว่าไปแล้ว ดูเหมือนเยี่ยกูจะอยู่ในจุดที่แย่กว่าพวกเขา เมื่อเทียบกับเขาแล้ว เยี่ยเม่ยก็รู้สึกขุ่นเคืองน้อยลง