ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1761 โง่จนเกินเยียวยา (4) / ตอนที่ 1762 คนบาปไม่อาจอยู่ (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1761 โง่จนเกินเยียวยา (4) / ตอนที่ 1762 คนบาปไม่อาจอยู่ (1)
ตอนที่ 1761 โง่จนเกินเยียวยา (4)
จะอยู่หรือตาย ขึ้นอยู่กับทางเลือกที่จื่อจินเลือก
ไม่มีคำพูดอื่นใดที่สามารถทำให้จื่อจินเจ็บมากกว่านี้ได้อีกแล้ว นางยอมอยู่เงียบๆ และก้มหน้าจมอยู่กับความเสียใจ
เนื่องจากการตายของจูเก๋ออิน ความขัดแย้งระหว่างตำหนักมังกรสวรรค์และตำหนักมารโลหิตยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ตำหนักจิงหงก็ยังไม่สามารถตัดสินใจได้ แม้ว่ากู่อิ่งจะถูกช่วยไปได้โดยกู่ซินเยียนที่นำคนของตนมาปกป้องเขาอย่างเต็มที่ แต่การที่นางทำเช่นนั้นทำให้ศิษย์ของตำหนักมังกรสวรรค์ยิ่งโกรธแค้นมากขึ้น นำไปสู่ความวุ่นวายโกลาหลที่ปะทุขึ้นในตำหนักจิงหง
ศิษย์ของตำหนักมังกรสวรรค์เริ่มโจมตีคนของตำหนักมารโลหิตอย่างต่อเนื่อง และคนจากทั้งสองฝ่ายก็ต่อสู้กันไม่หยุด ขณะที่การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด มันก็ทำให้พวกผู้เยาว์จากตำหนักอื่นโดนลูกหลงไปด้วย บางคนที่มีพลังระดับปานกลางก็ถึงกับเสียชีวิตหรือไม่ก็บาดเจ็บสาหัส
ไม่นาน ตำหนักจิงหงก็นองไปด้วยโลหิตสีแดง จ้าวตำหนักจิงหงไม่มีอารมณ์ฉลองวันเกิดอีกต่อไป เขาไม่มีทางเลือกนอกจากระดมกำลังของตำหนักจิงหงเข้ายับยั้งหายนะครั้งนี้
หายนะที่เกิดขึ้นทำให้ตำหนักจิงหงไม่มีทางเลือกนอกจากยุติการเตรียมการทั้งหมดที่วางแผนไว้สำหรับงานฉลองวันเกิด และเริ่มจัดการกับสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ศิษย์จากตำหนักต่างๆ ถูกขอให้กลับไปทีละตำหนัก และไม่มีใครกล้าอยู่ในสถานที่ที่มีเรื่องเช่นนี้ต่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำหนักที่มีความแข็งแกร่งน้อย พวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
และจวินอู๋เสียก็จากไปพร้อมกับคณะเดินทางของนางในวันที่สามหลังจากเกิดความโกลาหลขึ้น
ตอนที่พวกเขาออกจากตำหนักจิงหง จวินอู๋เสียนั่งอยู่ในรถม้า นางบังเอิญเห็นกู่อิ่งถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มศิษย์จากตำหนักมารโลหิต พวกเขารีบวิ่งเข้าไปในรถม้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะที่ศิษย์ของตำหนักมังกรสวรรค์ก็วิ่งไล่ตามมาด้วยความโกรธแค้น
จวินอู๋เสียมองไปที่กู่อิ่งผ่านทางหน้าต่างรถม้า กู่อิ่งเองก็บังเอิญหันมามองพอดี สายตาของคนทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ
ทันใดนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกู่อิ่ง ดูชั่วร้ายน่ากลัวราวกับปีศาจ
จวินอู๋เสียกระตุกมุมปากเล็กน้อย และละสายตากลับมา
รอบนี้กู่อิ่งพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์
จวินอู๋เสียและจวินอู๋เย่านั่งอยู่ในรถม้าคันเดียวกัน โดยมีใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะและกระต่ายโลหิตที่ไม่สามารถอ้อนจวินอู๋เสียได้มาเป็นเวลานานอยู่ด้วย สัตว์วิญญาณน่ารักทั้งสองกระโดดเข้าสู่อ้อมแขนของจวินอู๋เสียทันที ทำหน้าตาให้ดูน่ารักมากที่สุดเพื่อขอกอดจากนาง แต่เจ้าแมวดำตัวน้อยกลับซ่อนตัวอยู่ในมุมที่ห่างไกล ขดตัวเป็นลูกบอล แววตายังคงบอบช้ำขณะแอบมองจวินอู๋เย่าที่นั่งอยู่ด้านหนึ่งพร้อมด้วยรอยยิ้มบางๆ ประดับอยู่บนริมฝีปาก
เจ้าโง่สองตัวนั้นต้องไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วแน่ ดูรอยยิ้มของราชาปีศาจนั่นสิ น่ากลัวโคตร! คืนนี้พวกเจ้าทั้งสองโดนจับตุ๋นแน่!
เยว่อี้กับเยี่ยเม่ยนั่งอยู่ในรถม้าคันเดียวกัน ขณะที่จื่อจินถูกเยี่ยซาและเยี่ยกูจับตามองอย่างใกล้ชิด รถม้าของตำหนักเงาจันทราค่อยๆ เคลื่อนออกไปจากประตูของตำหนักจิงหง
กู่อิ่งเข้าไปในรถม้าภายใต้การคุ้มกันของพรรคพวกของเขา เสียงการต่อสู้ดังมาจากนอกรถม้า กู่ซินเยียนที่นั่งอยู่ในรถม้าคันเดียวกันขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็กระตุ้นให้คนขับรถม้ารีบออกรถ
“ครั้งนี้ก่อเรื่องใหญ่โตถึงขนาดนี้ กลับไปท่านจะอธิบายกับท่านพ่ออย่างไร” กู่ซินเยียนยังคงขมวดคิ้วอย่างวิตกกังวล ไม่ใช่ว่านางจะมองไม่เห็นความแตกต่างที่กู่อี้ปฏิบัติกับนางและกู่อิ่ง เหตุการณ์ครั้งนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่มาก แม้ว่านางจะเป็นคนรับผิดชอบ นางก็คิดว่านางจะถูกลงโทษน้อยกว่าคนที่เกี่ยวข้องตรงๆ อย่างกู่อิ่งมาก
ตอนนี้สิ่งที่กู่ซินเยียนกังวลมากที่สุดคือสิ่งที่กู่อิ่งต้องเผชิญตอนที่พวกเขากลับไป
แต่ดูเหมือนกู่อิ่งจะไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย เขานั่งเท้าคางอยู่ข้างหน้าต่าง มองดูรถม้าที่มีตราตำหนักเงาจันทราค่อยๆ เคลื่อนที่ห่างออกไปจากสายตา มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ยากจะหยั่งถึง
“ต้องอธิบายอะไร อยากฆ่าอยากหั่นก็แล้วแต่ท่านพ่อเถอะ”
ตอนที่ 1762 คนบาปไม่อาจอยู่ (1)
หลังจากจวินอู๋เสียออกจากอาณาเขตที่อยู่ในอำนาจของตำหนักจิงหง นางไม่ได้เดินทางไปที่ตำหนักเงาจันทราในทันที แต่กลับหยุดขบวนกลางคันและให้เยว่อี้รออยู่ในป่าโดยมีเยี่ยเม่ยคอยอยู่เฝ้าดูเขา ส่วนนางก็เดินหน้าต่อไปยังภูเขาฝูเหยาพร้อมกับจวินอู๋เย่าและคนอื่นๆ โดยพาจื่อจินไปด้วย
ในตำหนักหยกวิญญาณ จ้าวตำหนักหยกวิญญาณนอนเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้ยาวอย่างเกียจคร้าน จิบสุราเลิศรส ขณะที่ฟังดนตรีอันไพเราะซึ่งบรรเลงโดยศิษย์ของเขา ชีวิตช่างแสนสำราญเหลือเกิน
ทันใดนั้น ประตูใหญ่ของตำหนักหยกวิญญาณก็ถูกเปิดออก จ้าวตำหนักหยกวิญญาณลุกขึ้นนั่ง สายตามองไปที่ด้านหน้าของห้องโถงใหญ่
ร่างหลายร่างค่อยๆ ปรากฏขึ้นต่อสายตาของเขา
“คุณชายจวิน นี่หมายความว่าอย่างไร” หลังจากจ้าวตำหนักหยกวิญญาณเห็นผู้เข้ามาใหม่อย่างชัดเจน เขาก็ขมวดคิ้วทันที ความเอื่อยเฉื่อยในแววตาหายไป แทนที่ด้วยประกายเฉียบคม
เขาเห็นจื่อจินศิษย์ของตนถูกจับไว้โดยบุรุษคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังของจวินอู๋เสีย เชือกที่มัดอยู่รอบตัวจื่อจินขัดตาเขาเป็นอย่างมาก ใบหน้าของนางซีดขาว ลมหายใจอ่อน เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บหนัก
ภาพนั้นเป็นภาพที่จ้าวตำหนักหยกวิญญาณไม่คิดฝันว่าจะได้เห็น
แม้ว่าภายนอกเขาจะเคยแสดงท่าทางดูแคลนสิ่งที่จวินอู๋เสียทำ แต่ลึกๆ ในใจเขาชื่นชมผู้เยาว์ที่ชาญฉลาดผู้นี้อย่างมาก นั่นเป็นสาเหตุที่เขายอมให้จวินอู๋เสียพักอยู่ในตำหนักหยกวิญญาณได้ แม้ว่าใบหน้าจะจงใจแสดงออกว่าไม่พอใจ แต่ในใจเขายอมรับจวินอู๋เสียเป็นพวกของตนแล้ว แต่จ้าวตำหนักหยกวิญญาณคิดไม่ถึงว่าการยอมให้จวินอู๋เสียพาจื่อจินไปที่ตำหนักจิงหงนั้น สถานการณ์จะพลิกกลับในตอนที่พวกเขากลับมา!
“ไม่ทราบว่าจื่อจินทำผิดอะไรถึงทำให้คุณชายจวินปฏิบัติกับนางเช่นนี้” แม้ว่าจ้าวตำหนักหยกวิญญาณจะมีสีหน้าไม่พอใจ แต่จากความเข้าใจที่เขามีต่อจวินอู๋เสีย นางจะไม่ปฏิบัติกับจื่อจินเช่นนั้นโดยไม่มีเหตุผลที่ดี
คำถามจากจ้าวตำหนักหยกวิญญาณทำให้จวินอู๋เสียพอใจมาก เดิมทีนางคิดว่าถ้าจ้าวตำหนักหยกวิญญาณจะตัดสินไปเพียงฝ่ายเดียวและโต้เถียงกับนางโดยไม่แยกแยะถูกผิด การเป็นพันธมิตรระหว่างพวกเขาควรดำเนินต่อไปหรือไม่จะต้องได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้ง
โชคดีที่จ้าวตำหนักหยกวิญญาณไม่ได้โง่
จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อยเป็นสัญญาณ เยี่ยซาผลักจื่อจินลงไปที่พื้นต่อหน้าจ้าวตำหนักหยกวิญญาณทันที
เหล่าศิษย์ตำหนักหยกวิญญาณที่นั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ เมื่อเห็นศิษย์พี่น้องของตนถูกทำเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าโกรธออกมาทันที สายตาทุกคู่มองไปที่จวินอู๋เสียอย่างไม่เป็นมิตร
“พวกเจ้ามัดศิษย์น้องจื่อจินทำไม!”
“ทำเกินไปแล้ว! ปล่อยศิษย์พี่จื่อจินเดี๋ยวนี้นะ!” เหล่าเด็กสาวเริ่มโวยวายใส่เยี่ยซาเสียงดังเอะอะ เรียกร้องให้เขาปล่อยตัวศิษย์พี่น้องของพวกเขา
เยี่ยซาไม่เหลือบมองพวกนางเลยแม้แต่น้อย เขาแค่จ้องมองจื่อจินที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าจ้าวตำหนักหยกวิญญาณด้วยสีหน้าเย็นชา
“พวกเจ้าหุบปาก! ท่านจ้าวตำหนักก็อยู่ พวกเจ้าตะโกนเอะอะโวยวายได้ที่ไหนกัน มารยาทไปไหนหมด!” ท่านยายเยว่ผู้สงบนิ่งกระแทกไม้เท้าในมือลงกับพื้น ทำเสียงเข้มข่มเสียงตะโกนของพวกสาวๆ
ทันใดนั้น เหล่าศิษย์ของตำหนักหยกวิญญาณก็ไม่กล้าส่งเสียงอีกต่อไป แต่สายตาที่มองจวินอู๋เสียฉายแววไม่พอใจอย่างมาก
“เรื่องที่ว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น ข้าว่าท่านจ้าวตำหนักถามนางเองจะดีกว่า” จวินอู๋เสียยืนยกมือไพล่หลัง และพยักหน้าให้เยี่ยซา
เยี่ยซาปล่อยจื่อจินจากพันธนาการ และคลายการสกัดจุดใบ้ให้นาง
เมื่อได้รับอิสรภาพคืน จื่อจินรู้สึกไร้เรี่ยวแรงและล้มลงบนพื้น สภาพอันน่าเวทนาของนางทำให้ศิษย์ร่วมสำนักตำหนักหยกวิญญาณของนางรู้สึกปวดใจ