ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 1779 การต่อสู้และกลอุบาย (4) / ตอนที่ 1780 ต่างฝ่ายต่างได้ (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 1779 การต่อสู้และกลอุบาย (4) / ตอนที่ 1780 ต่างฝ่ายต่างได้ (1)
ตอนที่ 1779 การต่อสู้และกลอุบาย (4)
“เมื่อผู้อาวุโสอิ่งพูดเช่นนั้น ข้าก็เชื่อว่าผู้อาวุโสอิ่งก็น่าจะรู้ว่าควรจัดการเรื่องนี้อย่างไร ต้องมีใครให้คำตอบที่น่าพอใจแก่ศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บพวกนั้น ข้าจะรายงานเรื่องนี้กับท่านจ้าวตำหนัก และข้าคิดว่าท่านจ้าวตำหนักเชื่อว่าผู้อาวุโสอิ่งจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม” ผู้อาวุโสเยว่ยิ้มหยัน ซ่อนความโกรธเอาไว้ในใจ
การที่เขากำจัดจวินอู๋เสียไม่สำเร็จในวันนี้ ทำให้ผู้อาวุโสเยว่รู้สึกเสียใจมาก เยว่อี้เป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาศิษย์รุ่นใหม่ของตำหนักเงาจันทรา แต่ตอนนี้ ‘ฉางฮวน’ ได้โผล่มาอย่างไม่คาดคิด คงจะดีถ้าใช้เหตุการณ์นี้ยับยั้งความโดดเด่นที่เพิ่งค้นพบของ ‘ฉางฮวน’ ได้ หากกดหรือยับยั้งเขาไว้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเยว่อี้หรือตัวผู้อาวุโสเยว่เอง ก็อาจส่งผลเสียต่อพวกเขาได้
“ผู้อาวุโสเยว่วางใจได้ ข้าย่อมจัดการตามกฎของตำหนักอยู่แล้ว” ผู้อาวุโสอิ่งกล่าว
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ผู้อาวุโสเยว่ไม่สามารถโจมตีจวินอู๋เสียได้อีก เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้ เขาก็จากไปอย่างไม่เต็มใจ
ในตอนที่เยว่อี้กำลังจะเดินออกไป เขาแสดงความลังเลออกมาอย่างเห็นได้ชัด เด็กหนุ่มหันไปมองเยว่เย่ที่ยืนเท้าเปล่าอยู่ตรงนั้น ดวงตาของนางฉายแววกังวล แต่สายตาของผู้อาวุโสเยว่ทำให้เขาไม่กล้ารีรออีกต่อไป ได้แต่ละสายตากลับมาและไล่ตามกลุ่มให้ทันอย่างเงียบๆ
ขณะที่ผู้อาวุโสเยว่จากไป ผู้อาวุโสอิ่งก็เลิกทำท่าทางแข็งกร้าวทันที และหันกลับมามองจวินอู๋เสียที่ยืนอยู่ข้างหลังด้วยแววตาซับซ้อน
จวินอู๋เสียจ้องกลับเข้าไปในดวงตาของผู้อาวุโสอิ่งโดยไม่หลบสายตา
“เจ้าเด็กนี่ กลับมาก็ก่อเรื่องให้ข้าเลย ข้าต้องอธิบายเรื่องนี้ให้กับศิษย์ในตำหนักอีก เจ้าตามข้ามาเดี๋ยวนี้ ข้าต้องลงโทษเจ้าให้หลาบจำแล้ว” ผู้อาวุโสอิ่งขมวดคิ้วพูดด้วยน้ำเสียงดุๆ
ผู้อาวุโสคนอื่นแยกย้ายกันไปตามสัญญาณจากผู้อาวุโสอิ่ง ส่วนจวินอู๋เสียก็ดึงพลังวิญญาณกลับเข้าร่างก่อนจะเดินตามผู้อาวุโสอิ่งไป
สายลมพัดผ่านมาพร้อมความเย็นเล็กน้อย ทำให้เยว่เย่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นตัวสั่นสะท้าน นางมองด้านหลังที่ห่างออกไปเรื่อยๆ ของจวินอู๋เสีย ไม่มีใครรู้ว่านางคิดอะไรอยู่ในใจ อาจเป็นเพราะนางรู้สึกหนาวจนตัวสั่น จึงรีบวิ่งกอดแขนตัวเองกลับเข้าไปในเรือนหลังเล็กของตน
ผู้อาวุโสอิ่งไม่ได้พาจวินอู๋เสียไปยังสถานที่ลงโทษศิษย์ของตำหนักเงาจันทรา แต่กลับพาจวินอู๋เสียกลับไปที่ห้องของเขา
เมื่อเข้าไปข้างใน ผู้อาวุโสอิ่งก็นั่งลงบนเก้าอี้และมองสำรวจจวินอู๋เสียตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เจ้าหนู จะไม่บอกข้ามาตามตรงหน่อยหรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับพลังวิญญาณของเจ้า” ผู้อาวุโสอิ่งถามพร้อมกับหรี่ตาลง
“ผู้อาวุโสไม่คิดว่าดีหรอกหรือ” จวินอู๋เสียยักไหล่ ไม่แสดงความกังวลใจให้เห็นเลยสักนิด
“ดี มันดีอย่างไร วันนี้เจ้าผู้อาวุโสเยว่นั่นเห็นเจ้าเป็นศัตรูตัวฉกาจแล้ว ยังจะคิดว่าพลังวิญญาณขั้นสีม่วงยอดเยี่ยมอีกหรือ ไม่เห็นหรือว่าเจ้าเด็กเยว่อี้นั่นโดนผู้อาวุโสเยว่ข่มเหงอย่างไรบ้าง ถึงพลังของเจ้าจะสูงกว่าเยว่อี้ แต่ก็เป็นเหมือนมดภายใต้พลังวิญญาณขั้นสีเงิน หรือเจ้าไม่รู้ว่าช่องว่างระหว่างพลังวิญญาณขั้นสีม่วงกับขั้นสีเงินห่างกันขนาดไหน เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าถ้าผู้อาวุโสเยว่อยากกำจัดเจ้าในวันนี้ ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าไม่สามารถทนได้ถึงสามกระบวนท่าหรอก” ผู้อาวุโสอิ่งพูดเสียงเข้ม
“กวางจะตายในมือใคร ไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไร” จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว ดวงตาฉายแววมั่นใจ
ผู้อาวุโสอิ่งสูดหายใจเข้าลึก
“ฉางฮวน หรือข้าควรเรียกเจ้าด้วยชื่ออื่น” คำพูดของผู้อาวุโสอิ่งนั้นน่าตกใจ เขามองการปลอมตัวของจวินอู๋เสียออกจริงๆ
แต่เจอกับคำถามของผู้อาวุโสอิ่งเช่นนี้ จวินอู๋เสียก็ไม่ได้แสดงความตื่นตระหนกออกมาแม้แต่น้อย นางกลับเดินไปนั่งที่เก้าอี้ด้านข้างอย่างใจเย็น
ตอนที่ 1780 ต่างฝ่ายต่างได้ (1)
“ถ้าเจ้าชอบ จะเรียกข้าว่าฉางฮวนต่อไปก็ได้” จวินอู๋เสียพูดกับผู้อาวุโสอิ่งอย่างไม่แยแส
ผู้อาวุโสอิ่งไม่คิดว่าหลังจากที่ถูกมองการปลอมตัวออก จวินอู๋เสียจะยังนิ่งสงบอย่างนี้ สายตาที่เขามองนางจึงแฝงความชื่นชมโดยไม่รู้ตัว ”เจ้ากล้าดี แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร แต่เจ้ากล้าปลอมตัวเป็นฉางฮวนแอบเข้ามาในตำหนักเงาจันทรา ไม่กลัวว่าข้าจะเปิดเผยตัวตนของเจ้าให้คนอื่นรู้ ทำให้เจ้าไม่สามารถเดินออกไปจากตำหนักเงาจันทราแบบมีชีวิตได้หรอกหรือ”
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นมองผู้อาวุโสอิ่งและตอบว่า ”ถ้าเจ้ามีความตั้งใจเช่นนั้น เจ้าคงส่งข้าให้ผู้อาวุโสเยว่แล้ว”
แม้ว่าฉางฮวนจะไม่มีคนที่สนิทสนมด้วยเป็นพิเศษในตำหนักเงาจันทรา แต่ผู้อาวุโสอิ่งเป็นคนที่คอยให้การสนับสนุนฉางฮวน เขาย่อมรู้จักฉางฮวนดีกว่าคนอื่นมาก จวินอู๋เสียรู้อยู่แล้วว่าถ้านางใช้พลังของนางในวันนี้ ตัวตนของนางจะถูกเปิดเผยต่อหน้าผู้อาวุโสอิ่งอย่างแน่นอน
พลังที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันนั้น ในสายตาของคนอื่นอาจเป็นเพราะฉางฮวนซ่อนมันไว้เพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจ แต่สำหรับผู้อาวุโสอิ่งที่เป็นคนคอยสั่งสอนชี้แนะฉางฮวน เขาย่อมรู้ถึงสภาพเส้นเอ็นและพรสวรรค์ของฉางฮวนดีที่สุด
คนคนหนึ่ง อาจจะเกิดจากการเผชิญหน้าโดยบังเอิญหรือด้วยเหตุผลพิเศษบางอย่าง ทำให้สามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตพลังที่ปกติไม่อาจบรรลุถึงได้ แต่ไม่มีใครสามารถพุ่งจากพลังวิญญาณขั้นสีเหลืองไปสู่พลังวิญญาณขั้นสีม่วงขั้นสี่ได้ในเวลาเพียงแค่เดือนเดียว!
เส้นเอ็นของร่างกายมนุษย์มีขีดจำกัดของตัวเอง ถ้ายังไม่ได้บำรุงดูแลให้ดี ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดพวกนั้น และกระบวนการบำรุงดูแลก็เป็นกระบวนการที่ช้ามาก ไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ในเวลาสั้นๆ เพียงเดือนเดียว
ที่วันนี้จวินอู๋เสียกล้าทำแบบนี้เป็นเพราะนางมีเหตุผลของตัวเองอยู่
“เจ้าหนู คนเราไม่ควรหยิ่งยโสเกินไป รสชาติของความพินาศเนื่องจากความมั่นใจมากเกินไปไม่ใช่สิ่งที่หอมหวานหรอกนะ” ผู้อาวุโสอิ่งถอนหายใจเบาๆ แม้ว่าจะมีสีหน้าไม่พอใจ แต่ความหมายเบื้องหลังคำพูดของผู้อาวุโสอิ่งดูเหมือนจะยืนยันสิ่งที่จวินอู๋เสียคาดเดาอยู่ในใจ
“ข้าหยิ่งยโสหรือไม่ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือข้าสามารถเป็นประโยชน์ต่อเจ้าได้หรือเปล่า” จวินอู๋เสียยกถ้วยชาขึ้นจิบช้าๆ
“สุขภาพของจ้าวตำหนักเงาจันทราทรุดโทรมลงทุกวัน งานส่วนใหญ่ของตำหนักก็เป็นเจ้ากับผู้อาวุโสเยว่ที่เป็นคนจัดการ พยัคฆ์สองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ ผู้อาวุโสเยว่กับเจ้าเป็นเหมือนน้ำกับไฟ ในมือเขามีศิษย์อายุน้อยที่โดดเด่นที่สุดในตำหนักเงาจันทรา ขณะที่คนของเจ้าไม่มีอะไรเลย มีแค่เศษสวะอย่างฉางฮวนเท่านั้น เจ้าว่ามันไม่น่าเจ็บใจหรอกหรือ” จวินอู๋เสียเลิกคิ้วมองผู้อาวุโสอิ่ง
ผู้อาวุโสอิ่งสูดหายใจเข้าลึก ”ที่เจ้าพูดมาก็ถูก แต่ก็ยังผิดอยู่ ข้าไม่ถูกกับผู้อาวุโสเยว่ แต่ไม่ใช่เพราะอำนาจของตำหนักเงาจันทรา”
จวินอู๋เสียพูด ”โอ้”
ผู้อาวุโสอิ่งมองจวินอู๋เสีย แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่คิดจะพูดต่อ
“เจ้าหนู ไม่ว่าเป้าหมายของเจ้าในตำหนักเงาจันทราจะเป็นอะไร ข้าไม่สนใจ แต่ถ้าเจ้าอยากอยู่อย่างปลอดภัยในตำหนักเงาจันทรา เจ้าต้องช่วยข้าทำสิ่งหนึ่ง” จู่ๆ ผู้อาวุโสอิ่งก็พูดขึ้น
จวินอู๋เสียรู้สึกว่าผู้อาวุโสอิ่งคนนี้ค่อนข้างแปลก แตกต่างจากผู้อาวุโสที่โลภมากจนขาดสติคนอื่นๆ ของสิบสองตำหนัก ผู้อาวุโสอิ่งคนนี้ดูเหมือนจะมีความหมกมุ่นของตัวเอง แต่จะหมกมุ่นเรื่องอะไรนั้น จวินอู๋เสียยังคิดไม่ออก
แต่ตราบใดที่คนเราแสวงหาบางสิ่ง ก็สามารถเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตรได้ ไม่ว่าแรงจูงใจของผู้อาวุโสอิ่งจะเป็นอะไร แต่พวกเขายังมีจุดหนึ่งที่เหมือนกัน
นั่นก็คือ พวกเขาไม่พอใจที่เห็นผู้อาวุโสเยว่มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายเหลือเกิน
“ทำอะไร” จวินอู๋เสียถาม
“ข้าอยากให้เจ้าช่วยเข้าไปในหอเก็บตำราของผู้อาวุโสเยว่เพื่อหาของอย่างหนึ่ง” แววตาของผู้อาวุโสอิ่งหม่นแสงลงเล็กน้อย