ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 223 ตบหน้าครั้งที่สาม (5) ตอนที่ 224 ตบหน้าครั้งที่สาม (6)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 223 ตบหน้าครั้งที่สาม (5) ตอนที่ 224 ตบหน้าครั้งที่สาม (6)
ตอนที่ 223 ตบหน้าครั้งที่สาม (5)
พลังวิญญาณขั้นสีส้มที่เปล่งรัศมีและหลั่งไหลออกมาจากร่างบาง ทำให้ทั้งเก้าคนที่เหลือที่มาจากสำนักชิงอวิ๋นมองไปที่จวินอู๋เสียด้วยความตกใจ
พลังวิญญาณระดับสีส้ม สามารถแผ่พลังออกมาจากร่างได้ด้วยหรือ!
เป็นไปได้อย่างไรกัน!
คนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา เป็นเพียงผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีส้มที่อ่อนแอและไม่สะดุดตา นางน่าจะอ่อนแอกว่าจวินเสี่ยนและคนอื่นๆ มากด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด พอถูกจ้องมองจากสายตาที่เย็นเยียบราวกับน้ำแข็งคู่นั้น พวกเขาก็รู้สึกราวกับจะถูกปีศาจร้ายดึงลงสู่ขุมนรก สั่นสะท้านไปทั้งหัวใจ
พลังวิญญาณสีส้มแปลกประหลาด ภูติวิญญาณที่ไม่สามารถมองเห็นระดับได้ การจับคู่ที่น่าตกตะลึงนี้ ทำให้ยากจะเชื่อได้ว่ามีใครบ้างในใต้หล้านี้ที่จะเป็นเหมือนเด็กสาวตรงหน้าได้อีก
จวินชิงที่กำลังต่อสู้ติดพันอยู่ รั้งมือและมองไปที่จวินอู๋เสียจนตาค้างไปแล้ว เขาจำได้ชัดเจนว่าจวินอู๋เสียเพิ่งจะปลุกภูติวิญญาณให้ตื่นขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี้เอง ทำไมถึงทะลวงระดับขึ้นมาอยู่ในขั้นสีส้มได้แล้วเล่า!
ความเร็วในการเลื่อนระดับพลังที่บ้าคลั่งของนางนี้ แม้แต่จวินชิงก็ยังถูกทำให้ตกใจจริงๆ!
ขณะที่จวินอู๋เสียกำลังเตรียมพร้อมจะลงมือกับคนของสำนักชิงอวิ๋น ในตอนนั้นเองก็มีเงาร่างสีขาวร่างหนึ่งพุ่งผ่านหน้านางไปอย่างเงียบเชียบ
“พวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนี้ปล่อยให้ข้าเป็นคนจัดการเองเถอะขอรับ เจ้านายแค่ยืนพักอยู่ด้านข้างก็พอ” เสียงใสของเด็กหนุ่มลอยเข้าหูจวินอู๋เสีย สายลมเอื่อยพัดเอากลิ่นสุราอันเป็นเอกลักษณ์ลอยเข้ามาเตะปลายจมูกของนางเบาๆ
จวินอู๋เสียผงะไปครู่หนึ่ง เมื่อมองดูแผ่นหลังสีขาวนั้น เท้าที่เตรียมจะย่างก้าวออกไปก็ถูกชักกลับ
บัวหิมะมัวเมา!
เด็กหนุ่มในชุดอาภรณ์สีขาวที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน มีใบหน้าที่งดงามราวกับเทพบุตร แก้มเขาขึ้นสีแดงระเรื่อคล้ายคนเมาสุรา กระนั้นดวงตาทั้งคู่กลับคมชัดและเปี่ยมไปด้วยความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ เขาก้าวเข้ามาแทรกในสนามรบขนาดย่อมนี้เหมือนกับพายุลูกใหญ่ และเพียงพริบตาเดียว ร่างที่ยืนอยู่ด้านหน้าเด็กสาวก็หายไปจากตรงนั้น แทนที่ด้วยร่างของจวินเสี่ยนที่ถูกโยนออกมาจากวงล้อมของคนของสำนักชิงอวิ๋น!
เช่นเดียวกันกับจวินชิง หลงฉีและคนอื่นๆ ต่างก็ถูกโยนออกจากสนามรบโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อพวกเขารู้ตัวอีกทีก็พบว่าร่างของพวกตนลอยอยู่ในอากาศแล้ว
ในสนามรบขนาดย่อม ตอนนี้มีเพียงเด็กหนุ่มในชุดอาภรณ์สีขาวเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยืนเด่นอยู่ท่ามกลางวงล้อมคนของสำนักชิงอวิ๋น ชายเสื้อของเขาร่นลงมานิดๆ เผยให้เห็นไหล่ขาวผ่องที่อยู่ด้านใน อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มไม่ได้ยี่หระกับมันเท่าไหร่นัก เขายักไหล่อย่างไม่แยแส โดยในมือข้างหนึ่งจับไหสุราลวดลายประณีตไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
บัวหิมะมัวเมายืนอยู่บนพื้นด้วยเท้าเปล่า โลหิตสีแดงเหนียวข้นจากใต้ฝ่าเท้าจึงเลอะเต็มเท้าของเขาไปหมด เขาเอียงศีรษะเล็กน้อย ดวงตาที่บ้าคลั่งกวาดมองไปทางกลุ่มคนที่มาจากสำนักชิงอวิ๋นด้วยท่าทีหยิ่งผยองอย่างถึงที่สุด
“ท่านปู่! ท่านอาเล็ก!” ในตอนที่สองพ่อลูกสกุลจวินถูกจับโยนออกมา จวินอู๋เสียก็ปลดปล่อยพลังวิญญาณออกจากร่าง รับทั้งคู่ที่กระเด็นลอยออกมาให้ลงพื้นอย่างมั่นคง
“อู๋เสีย เจ้าเด็กหนุ่มนั่น ใครหรือ” จวินชิงประคองจวินเสี่ยนขึ้นมาแล้วเอ่ยถาม มองไปที่บัวหิมะมัวเมาที่ยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของคนสำนักชิงอวิ๋น เมื่อสักครู่นี้เขาไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีใครเข้ามาประชิด รู้ตัวอีกทีก็ถูกจับโยนลอยอยู่กลางอากาศแล้ว ดูเหมือนความแข็งแกร่งของเด็กหนุ่มตรงหน้าจะไม่ธรรมดาเลย
“เขาคือบัวหิมะมัวเมาเจ้าค่ะ” จวินอู๋เสียทำหน้าบึ้ง กวาดมองไปทั่วทั้งตัวของท่านปู่และท่านอาเล็ก หลังจากยืนยันว่าพวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่เมื่อได้เห็นคราบเลือดที่เกรอะกรังติดเต็มอาภรณ์ของทั้งคู่ ความโกรธที่เพิ่งจะมอดดับไปก็ถูกพัดให้โหมกระหน่ำอีกครั้ง!
จวินอู๋เสียหันไปมองบัวหิมะมัวเมาและเจ้าสัตว์ร้ายสีดำที่อยู่ในสนามรบ ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“อย่าให้รอดแม้แต่คนเดียว”
กล้าทำร้ายจวินเสี่ยนและจวินชิง เช่นนั้นก็ไปตายเสียเถอะ!
“รับบัญชา” บัวหิมะมัวเมาแสยะยิ้มมุมปาก ภายใต้การกระตุ้นอย่างแรงของสุราชั้นเยี่ยม พลังวิญญาณของเขาจู่ๆ ก็เพิ่มพูนขึ้นมหาศาล เข้าสู่โหมดบ้าคลั่งเต็มตัว!
“เจ้าเป็นใครกัน” เด็กหนุ่มคนนี้จู่ๆ ก็โผล่เข้ามากลางวงล้อม ขัดขวางพวกเขาทำให้สถานการณ์หยุดชะงักลง ใบหน้าของลูกศิษย์สำนักชิงอวิ๋น มองไปที่บัวหิมะมัวเมาอย่างเกลียดชัง
ตอนแรกก็เป็นเจ้าสัตว์ร้ายสีดำที่จู่ๆ ก็โผล่พรวดเข้ามาราวกับสายฟ้าแลบ ตอนนี้ยังมีเจ้าเด็กหนุ่มปริศนาหน้าสวยนี่ปรากฏตัวออกมาอีก การปรากฏตัวที่คาดไม่ถึงอย่างต่อเนื่อง ได้ทำลายความรู้ความเข้าใจของพวกเขาแทบจะหมดสิ้นแล้ว
เจ้าสัตว์ร้ายสีดำขนาดใหญ่ตัวนั้นก็ว่าเร็วมากแล้ว ทว่าความเร็วของเด็กหนุ่มคนนี้เร็วมากจนมองไม่ทันจริงๆ ไม่รู้เลยว่าเขาปรากฏตัวออกมาตั้งแต่ตอนไหน!
ไม่มีใครทันสังเกตเห็นแม้แต่คนเดียว!
แม้แต่ผู้ที่มีพลังวิญญาณในขั้นสีครามที่แข็งแกร่งอย่างชายชราไว้เครา ก็เพิ่งตระหนักได้ถึงตัวตนของเด็กหนุ่มหลังจากที่เขาปรากฏตัวออกมาแล้ว!
บัวหิมะมัวเมามองไปรอบๆ พร้อมกับยกไหสุราขึ้นจ่อที่ปาก สุราสีใสไหลเข้าไปในลำคอของเขาอย่างรวดเร็ว หลังจากดื่มสุราลงไปอึกใหญ่อย่างหนำใจแล้ว เขาก็ยกหลังมือขึ้นเช็ดปากแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นว่า “จำไว้ซะว่าวันนี้คนที่ส่งพวกเจ้าไปลงนรก ก็คือบิดาราชันบัวหิมะมัวเมา!”
ตอนที่ 224 ตบหน้าครั้งที่สาม (6)
“ปากเก่งดีนักนะ! ไอ้เจ้าเด็กรนหาที่ตายนี่…” ศิษย์สำนักชิงอวิ๋นมองไปที่บัวหิมะมัวเมาแล้วกัดฟันกรอด ไม่รู้ว่าไอ้เด็กสารเลวนี้โผล่มาจากที่ไหน ถึงได้หยิ่งผยองขนาดนี้
บัวหิมะมัวเมายักคิ้วเล็กน้อยยั่วยุกลับ ร่างในชุดอาภรณ์สีขาวราวกับหิมะกลายเป็นพายุหมุนสีขาวลูกใหญ่แล้วพุ่งไปทางคนผู้นั้น!
ศิษย์สำนักชิงอวิ๋นที่ปากดีเมื่อสักครู่ตกตะลึงทันที เขาไม่อาจมองเห็นการเคลื่อนไหวของบัวหิมะมัวเมาได้เลย!
ความเร็วนี้…เร็วกว่าเจ้าสัตว์ร้ายสีดำตัวนั้นชนิดเทียบกันไม่ติด!
เพียงพริบตา บัวหิมะมัวเมาก็ไปปรากฏตัวห่างจากชายผู้นั้นเพียงครึ่งเมตรด้วยสีหน้าเย็นชาแต่กลับมีสภาพคล้ายคนเมาแอ๋ เขายกหมัดขึ้นต่อยไปที่ชายคนนั้นเต็มแรง!
ศิษย์สำนักชิงอวิ๋นคนนั้น เมื่อเห็นว่าบัวหิมะมัวเมาต้องการจู่โจมเขาด้วยหมัดจริงๆ เขาก็ลอบหัวเราะเสียงเย็นในใจและรวบรวมพลังวิญญาณไว้ที่หมัดทั้งสองข้างของเขาบ้าง ไอวิญญาณครอบคลุมไปทั่วทั้งกำปั้นของเขา เมื่อวันก่อน เนื่องจากทหารกองทัพรุ่ยหลินที่เป็นชายฉกรรจ์หลายสิบคนล้วนพ่ายแพ้สยบต่อภูติวิญญาณที่จำแลงเป็นถุงมือของเขา เขาจึงไม่กังวลว่าไอ้หนูหน้าละอ่อนที่ดูผอมบางตรงหน้านี้จะสามารถทำอะไรเขาได้!
ชายผู้มีความมั่นอกมั่นใจในกำปั้นของตัวเองเต็มเปี่ยม สวนหมันกลับไปปะทะกับหมัดของบัวหิมะมัวเมาตรงๆ!
กร็อบ!
เสียงกระดูกหักดังทะลุผ่านแก้วหู เมื่อมือที่สวมถุงมือสีดำคู่นั้นอยู่ปะทะกับหมัดสีขาวสะอาดของบัวหิมะมัวเมา ความต่างชั้นกันของพลังวิญญาณก็บดขยี้กระดูกของเขาจนแหลกละเอียด มือของเขางอผิดรูปไปทันทีด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และกระดูกที่แตกจากแรงอัดก็นูนขึ้นใต้ผิวหนังบริเวณที่บัวหิมะมัวเมาชกลงไปจนเห็นได้ชัด!
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างยังไม่จบแค่นั้น บัวหิมะมัวเมาแสยะยิ้มมุมปากแล้วส่งรอยยิ้มโรคจิตให้กับชายผู้นั้น พลังวิญญาณในหมัดของเขาถูกกระตุ้นเข้าไปอีกระลอกและต่อยออกไปจนสุดแรง พละกำลังที่มหาศาลเกินจะเปรียบนี้ ทะลวงผ่านเข้าไปยังกระดูกแขนของอีกฝ่ายจนทำให้กระดูกทั้งหมดแหลกละเอียด
เปรี๊ยะ! สิ้นเสียงกระดูกแตก กระดูกของชายผู้นั้นก็เจาะทะลุผ่านข้อศอกของเขาออกมาโดยตรง!
กระดูกสีขาวทะลวงผ่านชั้นผิวหนังที่แขนออกมาสัมผัสกับอากาศด้านนอก และเหมือนกับฟืนที่ถูกผ่าเป็นท่อนๆ โลหิตสีแดงสดไหลตามกระดูกสีขาวลงมาและหยดลงไปที่พื้น
“ชิ…มีเรี่ยวแรงเพียงแค่นี้เองหรือ” บัวหิมะมัวเมาเชิดคางขึ้นอย่างอหังการ์ เขามองไปที่ชายคนนั้นที่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและเบ้ปากอย่างดูถูก
ในอีกด้านหนึ่ง สัตว์ร้ายสีดำที่กำลังง่วนอยู่กับการต่อสู้กับลูกศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นอีกคนหนึ่ง หลังจากที่มันได้เห็นภาพของชายที่กระดูกมือหักเป็นท่อนๆ ใบหน้าที่มีขนปกคลุมก็บิดเบี้ยวเล็กน้อย
ขนาดมันยังหยุดหมัดเจ้าบัวหิมะมัวเมานี้ไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับมนุษย์ธรรมดาพวกนี้!
อ๊ากกก! ศิษย์สำนักชิงอวิ๋นที่ลงไปนอนจมอยู่กับกองเลือดของตัวเอง ไม่หลงเหลือความหยิ่งยโสและปากดีเฉกเช่นในวันวานอีกต่อไปแล้ว เขานอนหน้าซีดตัวสั่นอยู่บนพื้น ร้องไห้คร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด
แต่ฝันร้ายของเขายังไม่จบลงไป บัวหิมะมัวเมาในคราบของเด็กหนุ่มในชุดอาภรณ์สีขาว เนื่องจากฤทธิ์ของสุรา ดวงตาทั้งคู่ของเขาจึงแดงก่ำ เขาประโคมหมัดเข้าใส่ศิษย์สำนักชิงอวิ๋นผู้โชคร้ายคนนั้นไม่ยั้ง
ทุกหมัดล้วนเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและบดขยี้กระดูกและเศษชิ้นเนื้อจนแหลกละเอียด!
ฝนโลหิตสาดกระเซ็นเต็มพื้นที่ โลหิตสีแดงสดกระเด็นขึ้นไปตามหมัดที่เหวี่ยงของบัวหิมะมัวเมาจนเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งตัว ใบหน้าที่งดงามหน้ามองของเขา ถูกย้อมไปด้วยเลือดอุ่นๆ แต่กระนั้นกลับเสริมรูปลักษณ์ที่งดงามของเขาให้ดูราวกับปีศาจมากขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
ในชั่วพริบตา มนุษย์ที่มีชีวิตนหนึ่งก็กลายสภาพเป็นแอ่งโลหิตท่ามกลางหมัดที่รัวลงมาไม่ยั้ง กลายเป็นแอ่งเลือดแทบหาเศษกระดูกไม่เจอ
ฉากการทรมานตรงหน้า ทำเอาเหล่าลูกศิษย์สำนักชิงอวิ๋นคลื่นไส้จนแทบขย้อนเศษอาหารในกระเพาะออกมาเสียเดี๋ยวนั้น แม้แต่จวินเสี่ยนที่เคยเห็นคนตายมามากแล้วในสนามรบตลอดหลายสิบปี ก็ยังอดไม่ได้หัวใจดิ่งวูบ ขนลุกไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย สายตาของเขาหันไปมองจวินอู๋เสียด้วยความตกใจ แต่สิ่งที่เขาได้เห็นกลับเป็นใบหน้าของนางที่แสดงออกอย่างหนาวเหน็บและเย็นยะเยือก ดูเหมือนว่านางจะไม่มีอาการผิดปกติหรือกระวนกระวายแม้แต่น้อย
“ท่านปู่ พวกเขาสมควรตาย” ดวงตาของจวินอู๋เสียฉายแววเย็นชา หากไม่ใช่เพราะความแข็งแรงของนางในยามนี้ยังไม่เพียงพอ นางคงพุ่งออกไปบดขยี้กระดูกของพวกมันด้วยมือของนางเองแล้ว!
บัวหิมะมัวเมาลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้มที่บ้าคลั่งและพึงพอใจ หมัดของเขาส่งเสียงดังกร็อบออกมาอีกครั้ง เขาเอียงศีรษะและมองไปที่คนของสำนักชิงอวิ๋นที่กำลังยืนตกตะลึงมองภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างเหม่อลอย พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ผู้ฟังขนลุกว่า “รายต่อไป จะเป็นใครดีนะ”