ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 235 ตบหน้าครั้งที่สี่ (3) ตอนที่ 236 ตบหน้าครั้งที่สี่ (4)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 235 ตบหน้าครั้งที่สี่ (3) ตอนที่ 236 ตบหน้าครั้งที่สี่ (4)
ตอนที่ 235 ตบหน้าครั้งที่สี่ (3)
ภายใต้การทรมานของอสรพิษกลืนปราณ ร่างของผู้เชี่ยวชาญทั้งสี่คนชั่วพริบตาก็ชักกระตุกด้วยความเจ็บปวด
ฉินอวี่เยียนซึ่งลงมายืนอยู่ที่หน้าบัลลังก์ จ้องมองภาพทั้งหมดนี้ด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ นางไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบุรุษรูปงามผู้นี้จะมีความแข็งแกร่งที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินขนาดนี้!
เพียงขยับนิ้วมือเบาๆ ก็สามารถปลดปล่อยอสรพิษกลืนปราณตัวเล็กๆ ออกไปเล่นงานผู้เชี่ยวชาญทั้งสี่คนได้ง่ายๆ ต้องรู้ก่อนว่าหนึ่งในนั้นยังเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสีครามที่แข็งแกร่งมากอีกด้วย!
คนผู้นี้มีภูมิหลังอย่างไรกันแน่!
ความชื่นชมหลงใหลในตัวจวินอู๋เย่าแต่แรก แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว ฉินอวี่เยียนไม่อาจรักษารอยยิ้มจอมปลอมบนใบหน้าของนางไว้ได้อีกต่อไป
จวินอู๋เย่ากอดจวินอู๋เสียแล้วค่อยๆ ร่อนลงพื้น โดยไม่สนใจว่าคนเหล่านั้นจะมองมาที่เขาด้วยสายตาเช่นไร เขาทำเพียงยิ้มแล้วพิจารณาจวินอู๋เสียขึ้นลงด้วยสายตาที่อ่อนโยน ดูให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ทำให้โลหิตกระเซ็นมาเปื้อนตัวนาง จากนั้นก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ในอีกด้านหนึ่ง บัวหิมะมัวเมาที่กำลังต่อสู้ติดพันอยู่ก็เปิดฉากฆ่าล้างอย่างบ้าคลั่งและเดือดพล่าน ทุกๆ หมัด ทุกๆ การโจมตีของเขาที่ปลดปล่อยออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า ทั้งทรงพลังและทำให้ผู้คนรู้สึกเจ็บปวดเจียนตายทุกครั้งที่โดน
มีพลังวิญญาณแผ่ออกมาปกป้องร่างแล้วอย่างไร!
เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีน้ำเงินแล้วจะอย่างไรล่ะ!
ภายใต้หมัดอันทรงพลังของบัวหิมะมัวเมา การขัดขืนทั้งปวงก็เป็นเพียงเรื่องตลก
เพียงหมัดเดียวที่ซัดออกไป ศีรษะของศิษย์สำนักชิงอวิ๋นก็ระเบิดออกมา โลหิตสีแดงสดสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณจนมาโดนอาภรณ์สีขาวหิมะบนร่างที่ย้อมสีโลหิตมาก่อนแล้ว กลิ่นคาวเลือดดูเหมือนจะทำให้บัวหิมะมัวเมาบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม ร่างกายของเขาปลดปล่อยจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวออกมา จังหวะการโจมตีของเขาเร็วขึ้น และหมัดของเขาก็ทรงพลังมากยิ่งขึ้น เจียงเฉินชิงที่สั่งให้คนไปเด็ดหัวของบัวหิมะมัวเมาลงมาในตอนแรก มองดูเด็กหนุ่มที่เป็นเหมือนกับเทพสังหารที่ลงมาจากท้องฟ้า ก็ให้รู้สึกเสียภายหลังเกินจะกล่าว ก้มมองดูสภาพของตัวเองที่ทั้งสะบักสะบอม ทั้งกระดูกแขนและกระดูกสันหลังหัก ก็ยิ่งหวาดกลัวไปทั้งหัวใจ
ในที่สุดเจียงเฉินชิงก็เข้าใจว่าทำไมจวินอู๋เสียซึ่งเป็นสมาชิกของจวนสกุลจวินถึงได้มาปรากฏตัวที่วังหลวงแบบนี้
ดูท่าคนที่ส่งไปยังจวนหลินอ๋องทั้งหมด จะตกตายภายใต้เงื้อมมือของบัวหิมะมัวเมาจนหมดแล้ว!
เจียงเฉินชิงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาผู้ซึ่งทรงพลังและแข็งแกร่ง ยืนอยู่บนจุดเกือบสูงสุดเหนือผู้คนทั่วไป จะมาพลาดท่าถูกเล่นงานจนมีสภาพน่าสมเพชอยู่ในรัฐเล็กๆ ที่เพิ่งก่อตั้งมาไม่ถึงร้อยปีแห่งนี้!
ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีคนรุ่นเยาว์ที่น่ากลัวแบบนี้ซุกซ่อนอยู่ในรัฐชีด้วย!
ด้วยความแข็งแกร่งระดับนี้ ไม่ต้องพูดถึงผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีคราม แม้แต่ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงในตำนานที่ไม่ปรากฏตัวมานานนับศตวรรษแล้วก็ยังยากจะต่อกรกับเขาได้
ความเย่อหยิ่งและเอาแต่ใจพลันมลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย เจียงเฉินชิงทำได้เพียงนอนราบกับพื้นอย่างเปล่าประโยชน์ มองดูบัวหิมะมัวเมาไล่ฆ่าฟันคนอื่นๆ ในท้องพระโรงอย่างบ้าคลั่ง
เจ้าสัตว์ร้ายสีดำพามั่วเฉี่ยนยวนในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตายขึ้นขี่หลังแล้วหลบหนีออกมาจากความโกลาหล มั่วเฉี่ยนยวนที่แต่เดิมก็เป็นเหมือนตะเกียงขาดน้ำมันอยู่แล้ว รู้สึกว่าร่างกายของเขาแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทุกครั้งที่สัตว์ร้ายสีดำเคลื่อนไหว แต่เขาก็พยายามกัดฟันทนไว้
อุตส่าห์รอดมาได้จนถึงตอนนี้แล้ว เขาจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด
“สภาพของเขา…ดูไม่ดีเลย” สัตว์ร้ายสีดำมาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของจวินอู๋เสีย หางขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยขนสะบัดไปมา
แม้มันจะไม่ใช่หมอ แต่มันก็ติดตามจวินอู๋เสียมานานมากย่อมได้เรียนรู้ผ่านตามาไม่มากก็น้อย มันสามารถบอกได้เลยว่าพลังชีวิตของมั่วเฉี่ยนยวนนั้นแทบไม่เหลืออยู่แล้ว การที่เขาสามารถรอดได้มาจนถึงตอนนี้ ล้วนเป็นเพราะคนของสำนักชิงอวิ๋นยังต้องการข่าวสารเรื่องที่อยู่ของหยกวิญญาณจากปากของเขาอยู่ แต่อวัยวะภายในทั้งหมดในร่างกายล้มเหลวจนหมดแล้ว เกรงว่าเขาจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว
จวินอู๋เสียหรี่ตาลง ราวกับว่านางคุ้นเคยกับการเห็นเลือดแล้ว หลังจากที่ได้เห็นสภาพบาดแผลบนตัวของมั่วเฉี่ยนยวนชัดๆ คิ้วงามก็อดขมวดมุ่นไม่ได้
คนกลุ่มนี้ลงมือได้โหดเหี้ยมอำมหิตจริงๆ
ร่างกายของมั่วเฉี่ยนยวนแทบจะกลวงโบ๋ไปหมดแล้ว การที่เขายังมีลมหายใจอยู่ ล้วนเป็นเพราะฤทธิ์ของโอสถที่ช่วยยื้อชีวิตเขาไว้ ริมฝีปากของเขาเม้มติดกันอย่างแน่นหนา แต่เลือดที่ตีตื้นขึ้นมาก็ยังคงไหลออกจากริมฝีปากของเขาไม่หยุด
จวินอู๋เสียสูดลมหายใจเข้าลึก ตวัดสายตาจ้องบัวหิมะมัวเมาที่กำลังละเลงเลือดอย่างสนุกสนาน สั่งไปด้วยเสียงเย็นและไม่สบอารมณ์ว่า “รีบๆ ทำให้มันจบได้แล้ว!”
นางรอได้ แต่อาการบาดเจ็บของมั่วเฉี่ยนยวนเกรงว่าจะรอไม่ไหวอีกต่อไป!
ตอนที่ 236 ตบหน้าครั้งที่สี่ (4)
บัวหิมะมัวเมากำลังสนุกสนานได้ที่ จู่ๆ เมื่อได้รับคำสั่งจากจวินอู๋เสีย การโจมตีของเขาก็หยุดชะงักลง
ในช่วงเวลาที่พอจะได้พักหายใจนั้น เหล่าผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่ถูกบัวหิมะมัวเมาซ้อมจนตาเหลือกก็ให้รู้สึกตื่นตระหนก
หมายความว่าอย่างไรที่ว่ารีบๆ ทำให้มันจบ
นี่เจ้าเด็กนี่มันยังไม่ได้เอาจริงอีกหรือ!
กลุ่มคนที่แต่เดิมเข้าใจว่าตัวเองได้เปรียบแล้ว และกำลังมีโอกาสทำให้สำนักชิงอวิ๋นติดค้างน้ำใจของพวกเขา เสนอตัวออกไปเพื่อช่วยจัดการธุระในยามคับขันอย่างเอาหน้าด้วยคิดว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้คงจะอ่อนแอ ตอนนี้พวกเขาหัวเราะไม่ออกแล้วจริงๆ
เหล่าคนที่สามารถทะลวงระดับขึ้นมาอยู่ในขั้นสีน้ำเงินได้ ย่อมไม่ใช่ตัวตนธรรมดา แต่ละคนล้วนมีสถานะที่พิเศษ เป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่ใครๆ ต่างก็ต้องแหงนหน้ามอง
ถ้าไม่ใช่เพราะคำขอร้องของสำนักชิงอวิ๋น มีหรือที่พวกเขาจะยอมรอนแรมถ่อมาถึงรัฐชีเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกลออกมาเป็นพันๆ ลี้แบบนี้ แต่พวกเขากลับไม่มีใครคาดคิดเลยว่าการเดินทางครั้งนี้จะเป็นการเดินทางครั้งสุดท้ายของพวกเขา!
รัฐชี เป็นเพียงรัฐเล็กๆ ที่พึ่งก่อตั้งใหม่ได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยปี ในสายตาของรัฐมหาอำนาจอื่นๆ สามารถกล่าวได้ว่าแทบไม่มีตัวตนอยู่ในสายตาพวกเขาด้วยซ้ำ ส่วนรัฐน้อยใหญ่ที่อยู่ข้างเคียง ด้วยเหตุผลหลายประการอาทิเช่นการเดินทาง ภูมิประเทศ ความคุ้มค่าและอื่นๆ จึงคร้านที่จะยกกำลังมาปะทะด้วย แน่นอนว่าเป็นเพราะว่าพวกเขามีกำลังทหารที่ใกล้เคียงกันด้วยเช่นกัน รัฐชีจึงสามารถก่อตั้งรัฐท่ามกลางยุคที่โกลาหลนี้ได้สำเร็จ
ในสายตาของเหล่าผู้ที่แข็งแกร่ง รัฐชีเล็กๆ แห่งนี้ บางทียังเทียบไม่ได้กับอาณาเขตที่บางคนครอบครองอยู่ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม วันนี้พวกเขาได้ประจักษ์แก่สายตาแล้วว่ารัฐที่พวกเขาเคยดูถูก แท้จริงแล้วยังมีเทพสังหารอย่างเด็กหนุ่มตรงหน้าหลับใหลอยู่!
อายุเพียงสิบกว่าปี แต่กลับสามารถสังหารผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีน้ำเงินได้ในพริบตา และแม้ว่าจะตกอยู่ภายใต้วงล้อมของเหล่าผู้เชี่ยวชาญนับสิบ แต่เขาก็ไม่เสียเปรียบสักนิด!
เด็กหนุ่มคนนี้ เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่
แน่นอนว่าบัวหิมะมัวเมาไม่ใช่มนุษย์จริงๆ แต่กลุ่มคนที่โง่เขลาเหล่านี้ ทั้งชีวิตนี้เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้รับรู้แล้ว
“ปล่อยพวกเราไป! แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้สำนักชิงอวิ๋นเราจะขอรับผิดชอบเอง! พวกเจ้าอยากได้สิ่งใด ข้าล้วนตอบตกลงทั้งนั้น! ข้าคือผู้อาวุโสของสำนักชิงอวิ๋น! มีเม็ดยาล้ำค่าอยู่ในมือมากมายนับไม่ถ้วน!” คำสั่งของจวินอู๋เสียที่ว่า ‘รีบๆ ทำให้มันจบได้แล้ว’ กระแทกเข้าใจเจียงเฉินชิงที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นอย่างจังจนตัวสั่นกลัวไปหมด เพียงแค่คำสั่งนี้คำสั่งเดียว ก็เพียงพอจะพิสูจน์ได้แล้วว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเด็กหนุ่มตรงหน้านั้นมันน่ากลัวขนาดไหน ตรงจุดนี้เขาที่ลิ้มรสมาเองกับตัวรู้ดีเป็นที่สุด
เขาเชื่อว่าตราบเท่าที่จวินอู๋เสียออกคำสั่ง เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้ก็จะยอมทำตามทุกอย่างแต่โดยดี!
เขาไม่สนใจการแก้แค้นในอนาคตของสำนักชิงอวิ๋นด้วยซ้ำ!
ความตายที่คืบคลานเข้ามาใกล้ ทำให้เจียงฉินชิงผู้ซึ่งภาคภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอดถึงกับอดไม่ได้ที่จะสั่นกลัว
บัวหิมะมัวเมามองไปที่เจียงเฉินชิงแล้วขมวดคิ้ว จากนั้นก็หันไปมองจวินอู๋เสียเพื่อขอความเห็น เขาไม่เข้าใจเรื่องข้อตกลงระหว่างมนุษย์ จะฆ่าหรือจะเก็บไว้ต่อ ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเจ้านายของเขา
เจียงเฉินชิงเมื่อเห็นว่าคำพูดของเขาได้ผล มองไปที่บัวหิมะมัวเมาที่หันไปมองจวินอู๋เสีย เขาก็รีบพูดกับจวินอู๋เสียไปว่า “คุณหนูจวิน ขอเพียงแค่เจ้ายอมปล่อยพวกเราไปในวันนี้ ข้าจะขอให้ท่านเจ้าสำนักมาช่วยรักษาขาให้อาเล็กของเจ้าอีกครั้งได้อย่างแน่นอน!” เขายังจำได้ดีว่าจวนสกุลจวินยังมีท่านอ๋องน้อยที่ขาพิการอยู่
จวินอู๋เสียที่กำลังจะเปิดปากพูด เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงเฉินชิงนางก็หยุดชะงักไป ดวงตางามหรี่ลงเล็กน้อยอย่างอันตราย
“เมื่อปีนั้น คนที่รักษาขาให้ท่านอาเล็กของข้าก็คือสำนักชิงอวิ๋น”
เจียงเฉินชิงรีบพูดว่า “ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกัน! เมื่อปีนั้นท่านเจ้าสำนักไม่ได้ตั้งใจรักษาขาให้เขาอย่างจริงจัง แต่ครั้งนี้ข้าขอเอาหัวเป็นประกันเลย ขอเพียงแค่เจ้ายอมปล่อยพวกเราไป ข้าจะเชิญท่านเจ้าสำนักมารักษาขาให้อาเล็กของเจ้าจนหายขาดได้อย่างแน่นอน!”
จวินอู๋เสียมองไปที่เจียงเฉินชิงอย่างเงียบๆ อุณหภูมิรอบกายนางดูเหมือนจะลดต่ำลงจนถึงขีดสุด นัยน์ตาคู่งามบัดนี้เผยเจตนาสังหาร มองไปที่ใบหน้าเปื้อนเลือดของเจียงเฉินชิงคล้ายมองศพ
“บัวหิมะมัวเมา”
“ขอรับ!”
“ฆ่าเขาซะ!”
เจียงเฉินชิงเบิกตากว้าง มองไปที่จวินอู๋เสียอย่างไม่อยากจะเชื่อ ทำไมนางยังตัดสินใจลงมือฆ่าเขาอีกเล่า!
โดยไม่รู้เลยว่าคำพูดที่เขาเพิ่งพูดออกไปนั่นแหละคือต้นตอที่ทำให้เขาชะตาขาด!
หากเขาเงียบและไม่พูดอะไรออกมา บางทีเขาอาจมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าคนอื่นๆ เล็กน้อย อย่างน้อยเขาก็จะไม่ใช่คนแรกที่ตาย