ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 275 ขโมยฟ้าสับเปลี่ยนดวงตะวัน[1] (1) ตอนที่ 276 ขโมยฟ้าสับเปลี่ยนดวงตะวัน (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 275 ขโมยฟ้าสับเปลี่ยนดวงตะวัน[1] (1) ตอนที่ 276 ขโมยฟ้าสับเปลี่ยนดวงตะวัน (2)
ตอนที่ 275 ขโมยฟ้าสับเปลี่ยนดวงตะวัน[1] (1)
สำหรับจวินอู๋เสีย บางสิ่งอย่างพันธมิตร ถ้ามีก็เหมือนกับการเพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลาย[2] แต่ถ้าไม่มีมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ตัวนางเองก็พร้อมอยู่แล้วที่จะจัดการเรื่องทั้งหมดนี้เพียงลำพัง
เพียงแต่…
น้องเสีย?…นี่มันคำเรียกขานอะไรกัน!
ฮวาเหยาและเฉียวฉู่ลอบสบตากันไปมา ต่างคนต่างก็เห็นคำตอบในสายตาของกันและกัน
ฮวาเหยามองไปที่จวินอู๋เสียแล้วพูดว่า “เราสามารถร่วมมือกับเจ้าได้ แต่หลังจากสิ้นสุดงานนี้ลงแล้ว พวกเรามีเรื่องบางอย่างอยากจะขอความช่วยเหลือจากเจ้า”
“พูดมา” จวินอู๋เสียไม่แปลกใจสักนิด ตลอดทางนั้นเฉียวฉู่กระตือรือร้นกับนางมากจนเกินไป พวกเขาเคยพบกันเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ไม่มีความจำเป็นที่เฉียวฉู่จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องชีวิตนางมากขนาดนี้
“เจ้าโง่เฉียวเคยบอกว่าเจ้าหลอมโอสถได้เก่งมาก เราอยากจะขอให้เจ้าช่วยหลอมโอสถชนิดหนึ่ง เทียบยาของโอสถชนิดนี้พวกเรามีแล้ว ขาดก็แต่วัตถุดิบบางอย่าง ซึ่งในส่วนนี้พวกเราจะจัดการเอง ขอเพียงแค่เจ้าช่วยหลอมมันออกมาก็พอ” ฮวาเหยาหยุดและกล่าวต่อว่า “แน่นอนว่า พวกเราไม่ได้กดดันว่าเจ้าจะต้องทำให้สำเร็จ เพียงแต่ข้าหวังว่าเจ้าจะทำให้ดีที่สุด ถ้าหากมันหลอมขึ้นได้สำเร็จ นั่นย่อมเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าหากไม่ พวกเราก็จะไม่ถือโทษโกรธเจ้า”
จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อย มิน่าล่ะ เฉียวฉู่ถึงได้ดูติดหนึบนางมากขนาดนี้ ดูท่าเม็ดยาที่นางนำออกมาแลกในเมืองผีในวันนั้น จะทำให้เฉียวฉู่จับตานางเข้าให้เสียแล้ว
สามารถทำให้ฮวาเหยาพูดอย่างเคร่งขรึมและจริงจังได้มากขนาดนี้ เม็ดยานั้นจะต้องไม่ใช่เม็ดยาธรรมดาๆ แน่ๆ แต่ในเมื่อฮวาเหยาพูดอย่างตรงไปตรงมา แล้วทำไมนางจะต้องปฏิเสธคำขอของพวกเขาด้วย
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น จวินอู๋เสียมีความมั่นใจในทักษะทางการแพทย์และการหลอมโอสถของตัวเองมากที่สุด
ขอเพียงแค่เป็นเม็ดยาที่มีคนในโลกนี้สามารถหลอมออกมาได้จริงๆ นางก็เชื่อว่าตัวเองจะสามารถหลอมมันออกมาได้!
“ได้ ข้าสัญญากับพวกเจ้า” จวินอู๋เสียตอบรับอย่างแน่วแน่
ใบหน้าของเฉียวฉู่แสดงรอยยิ้มปลื้มปีติออกมาในทันที “น้องเสีย! ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องเป็นคนที่มีคุณธรรมน้ำใจ!”
“…” จวินอู๋เสียมองเฉียวฉู่อย่างเงียบๆ เห็นอยู่ชัดๆ ว่านี่เป็นข้อตกลงระหว่างพันธมิตรมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วคำว่าคุณธรรมน้ำใจของอีกฝ่ายนั้นเขาไปยกมันมาจากที่ใดกัน
ฮวาเหยาดูเหมือนจะคุ้นเคยกับการไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยของเฉียวฉู่มานานแล้ว เขามองเมินเจ้าโง่ที่อยู่ด้านข้างโดยสิ้นเชิง เพียงมุ่งเน้นอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ของยอดเขาเร้นเมฆาให้จวินอู๋เสียฟังอย่างไม่ปิดบัง
หลังจากใช้เวลาตลอดทั้งเดือนอยู่ในยอดเขาเร้นเมฆา ฮวาเหยาก็รู้จักสถานที่แห่งนี้ดียิ่งกว่าไป๋อวิ๋นเซียนเสียอีก
เคอฉังจวีจะอยู่แต่ในห้องพักของเขาทุกเช้า และไม่ออกจากเรือนพักเลยจนกว่าจะถึงช่วงเวลาบ่าย จากนั้นก็จะใช้เวลาสั้นๆ ออกไปสอนศิษย์ของยอดเขาเร้นเมฆาที่แท้จริง เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับตัวเอง แม้แต่ศิษย์ที่แท้จริงของยอดเขาเร้นเมฆาก็ยังมีโอกาสได้ติดต่อหรือพูดคุยกับเขาน้อยมาก ส่วนเวลาหลังจากพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว จะเป็นช่วงเวลาแห่งการทรมานอันแสนสนุกสนานของเคอฉังจวีที่เขาจะใช้กำจัดเหล่าลูกแกะไร้เดียงสาตัวน้อยๆ ที่เขาเพิ่งพามาในห้องใต้ดินแห่งนี้
เด็กหนุ่มสาวที่ถูกคุมขังอยู่ในห้องใต้ดิน ไม่ต่างอะไรไปจากปศุสัตว์ในสายตาของเคอฉังจวีเลย การถลกหนัง ตัดกระดูก การให้ยาพิษ และการทรมานต่างๆ นานา เป็นเรื่องที่พบเห็นได้เป็นปกติของที่นี่ทุกวัน
อาจกล่าวได้ว่า ยอดเขาเร้นเมฆาหลังจากพระอาทิตย์ตกดินก็คือนรกบนดินที่แท้จริง!
ส่วนผู้ที่เสียชีวิตจากการถูกทรมานเหล่านั้น ศพของพวกเขาจะถูกลากไปฝังอยู่ที่ใต้โรงเรือนเพาะปลูกสมุนไพรกลายเป็นปุ๋ยชั้นเยี่ยม
ศิษย์ที่แท้จริงของยอดเขาเร้นเมฆา จะไม่มีโอกาสได้ก้าวเท้าออกจากยอดเขาเร้นเมฆาตลอดทั้งชีวิตของเขาจนกว่าเขาจะตาย เว้นเสียแต่ว่าศิษย์คนนั้นจะได้ยกระดับขึ้นมาเป็นศิษย์สืบทอดของเคอฉังจวี ถึงจะมีโอกาสเดินออกจากยอดเขาเร้นเมฆาได้
จวินอู๋เสียนั่งฟังสิ่งที่ฮวาเหยาพูดอย่างเงียบๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ในดวงตาของนางทอประกายเย็นเยียบและอันตราย นางเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปที่ฮวาเหยา ถามเขาไปว่า “เจ้าสามารถควบคุมกระดูกได้ แล้วสามารถปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของเจ้าได้หรือไม่”
ฮวาเหยาตกใจเล็กน้อย ในใจเขาพอจะคาดเดาอะไรบางอย่างได้แล้วแต่ก็ไม่กล้าฟันธง จึงทำได้เพียงพยักหน้าให้จวินอู๋เสีย
ตอนที่ 276 ขโมยฟ้าสับเปลี่ยนดวงตะวัน (2)
“ฆ่าเคอฉังจวี แล้วเจ้าก็ไปแทนที่เขา” จวินอู๋เสียหรี่ตาลงเล็กน้อย บอกเล่าแผนการของตัวเองออกไป
แววตาของฮวาเหยาและเฉียวฉู่เต็มไปด้วยความตกตะลึง
พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าจวินอู๋เสียที่เพิ่งเข้ามายังยอดเขาเร้นเมฆาแห่งนี้เป็นคืนแรก จะวางแผนฆ่าเคอฉังจวีแล้ว!
แม้ว่าก่อนหน้าจวินอู๋เสียจะเคยพูดว่านางมาที่สำนักชิงอวิ๋นแห่งนี้ก็เพื่อทำลายสำนักชิงอวิ๋นให้สิ้น แต่นี่แผนการของนางจะดำเนินเร็วเกินไปหน่อยหรือไม่!
“เจ้าพูดจริงหรือ” เฉียวฉู่เหลือบมองไปที่จวินอู๋เสียอย่างไม่เต็มสายตานัก เป็นเรื่องยากมากจริงๆ สำหรับชายหนุ่มที่จะนำร่างเล็กดูบอบบางและอ่อนโยนของนตรงหน้าไปเชื่อมโยงกับความคิดที่สุดโต่งและบ้าคลั่งแบบนั้น
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ฮวาเหยากลับพูดแทรกขึ้นว่า “เจ้าวางแผนไว้ว่าอย่างไร จริงอยู่ที่ข้าสามารถควบคุมกระดูกได้ แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนผิวพรรณของตัวเองได้หรอกนะ และแม้โครงหน้าของข้าจะสามารถปรับเปลี่ยนให้เหมือนเคอฉังจวีได้ทุกประการ แต่รูปโฉมนั้นข้าทำมันออกมาไม่ได้หรอก”
“ข้ามีวิธีของข้าเอง” จวินอู๋เสียเหลือบมองฮวาเหยา “เรื่องอื่นเจ้าไม่ต้องสนใจ เพียงแค่รอพวกข้าอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว”
ฮวาเหยามองไปที่จวินอู๋เสีย คลับคล้ายกับจะเดาได้ว่านางต้องการทำอะไร แต่ในท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้พูดออกไป เพราะเขาก็เห็นด้วยกับวิธีการของจวินอู๋เสีย
กลุ่มคนรุ่นเยาว์ทั้งสามคนบรรลุข้อตกลงกันเป็นครั้งแรกในห้องใต้ดินที่ทั้งมืดและอับชื้นแห่งนี้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าการตกลงร่วมมือกันในครั้งนี้ จะเป็นเครื่องผูกมัดและทำให้ชีวิตของพวกเขาต้องผูกพันกันไปตลอดกาล
รุ่งเช้าจวินอู๋เสียและเฉียวฉู่ก็ออกไปจากห้องใต้ดิน ก่อนจากไปจวินอู๋เสียยังได้เห็นฮวาเหยาพาตัวเองกลับขึ้นไปแขวนบนผนัง เข้าไปอยู่ใต้พันธนาการจากทั้งโซ่และตะปูเหล่านั้นตามเดิม
ทุกอย่างเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
…
เพราะถูกทรมานมาตลอดทั้งคืน เวลานี้กลุ่มเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมกับยอดเขาเร้นเมฆาจึงอ่อนแรงเกินกว่าจะพูดหรืออ้าปากได้อีก จวินอู๋เสียกับเฉียวฉู่ลอบกลับเข้ามารวมกลุ่มกับเด็กใหม่ในลานที่พัก เห็นว่าเด็กใหม่ทั้งยี่สิบสามสิบคนมีสภาพสะบักสะบอมดูเหนื่อยล้า พิงไปกับโอ่งน้ำขนาดใหญ่ลุกขึ้นมาไม่ไหวอีกแล้ว หัวของพวกเขาพับลงเหมือนกับมะเขือที่เหี่ยวแห้ง มีไม่น้อยที่นอนปวกเปียกอ่อนแรงเหมือนกับตุ๊กตาผ้า บางคนตามเนื้อตามตัวยังมีคราบน้ำเปื้อนติดอยู่ ในขณะที่พวกเขาวางถังที่ใช้ลำเลียงน้ำไว้ด้านข้าง พวกเขาก็ทรุดตัวลงนั่งไปต่อไม่ไหว ผ่านการทนหิวมาตลอดทั้งวันทั้งคืน บวกกับค่ำคืนอันแสนรีบเร่งและต้องให้แรงงานอย่างหนัก พอได้หย่อนตัวลง ความเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้าก็เข้าจู่โจมจนหลายคนผล็อยหลับไปทันที
การมาถึงของจวินอู๋เสียและเฉียวฉู่ไม่ได้กระตุ้นความสนใจของใคร หลังจากทั้งคู่หาที่นั่งได้แล้ว โดยที่ไม่มีใครเห็นจวินอู๋เสียก็ยัดโอสถวิเศษเม็ดหนึ่งใส่ในมือของเฉียวฉู่
“มันคืออะไร” เฉียวฉู่มองเม็ดยาสีเทาในมือของเขา จากนั้นก็มองไปทางจวินอู๋เสียด้วยสายตาสับสน
จวินอู๋เสียเหลือบมองเฉียวฉู่อีกครั้ง ไม่มีความคิดจะอธิบายอะไรให้เขาฟัง เพียงหยิบเม็ดยาบนฝ่ามือเฉียวฉู่ขึ้นมาแล้วตบเม็ดยานั้นเข้าไปในปากของเขาเต็มแรง เม็ดยาก็ไหลลงสู่ลำคอของเฉียวฉู่อันในเวลาอันสั้น เช่นเดียวกับตัวนางที่ก็กลืนลงไปเม็ดหนึ่ง
“…” รสขมปร่าของยาไหลผ่านลำคอของเขาเข้าไปทำให้เขาสำลักจนน้ำตาเล็ดเฉียวฉู่มองไปที่จวินอู๋เสียด้วยสายตาตัดพ้อ แต่เมื่อได้สบกับดวงตาที่เย็นชาของนางเขาก็ยกมือขึ้นลูบจมูกเบาๆ
เจ้าเด็กนี่ลงมือได้หยาบคายและป่าเถื่อนเกินไปแล้ว!
เมื่อแสงแรกของพระอาทิตย์ส่องกระทบลงบนพื้นโลกในตอนเช้า เหล่าคนหนุ่มสาวที่ถูกปลุกให้ตื่นจากแสงนั้นก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้งด้วยความงุนงง ทยอยกันลุกขึ้นยืนและเดินกลับไปที่ลานที่พัก
ตอนนี้พวกเขาไม่อยากทำอะไรอีกแล้ว เพียงแต่อยากกลับไปที่ห้องของตัวเองแล้วนอนหลับสักงีบ จากนั้นก็จิบน้ำสักนิดเพื่อขจัดความหิวโหย
ภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาเมื่อคืน ไม่มีเด็กใหม่คนใดทำเสร็จแม้แต่คนเดียว ดังนั้นอิงจากที่ศิษย์พี่พูดมาเมื่อคืน พวกเขาจึงไม่มีอะไรให้กินในเช้านี้
น่าเสียดายที่การทรมานนั้นยังไม่สิ้นสุดลง ขณะที่กลุ่มคนหนุ่มสาวกำลังเดินกลับไปยังที่พักของพวกเขา ศิษย์ของยอดเขาเร้นเมฆาก็เดินเข้ามาขวางทางพวกเขาไว้
———————–
[1] ขโมยฟ้าสับเปลี่ยนดวงตะวัน หมายถึง การเปลี่ยนแปลงความจริงตบตาผู้คน
[2] เพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลาย อุปมาว่า หมายถึงการประดับตกแต่งสิ่งที่สวยงามอยู่แล้วให้สวยงามยิ่งขึ้นไปอีก เปรียบเปรยถึงการกระทำที่ไม่จำเป็น