ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 281 ตบหน้าครั้งที่ห้า (3) ตอนที่ 282 ตบหน้าครั้งที่ห้า (4)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 281 ตบหน้าครั้งที่ห้า (3) ตอนที่ 282 ตบหน้าครั้งที่ห้า (4)
ตอนที่ 281 ตบหน้าครั้งที่ห้า (3)
จวินอู๋เสียลุกขึ้นยืน เหลือบมองไปที่มีดสั้นทั้งสองเล่มที่หล่นอยู่ข้างๆ ปลายเท้าของนาง นัยน์ตางามฉายแสงเย็นชาเล็กน้อย นางขยับเท้า จากนั้นก็เดินไปหยุดอยู่ข้างๆ เฉียวฉู่ ง้างปากเขาออกแล้วหย่อนโอสถเม็ดหนึ่งลงไป
ไม่นานนักร่างของเฉียวฉู่ที่นอนแข็งทื่อเป็นศพอยู่แท่นไม้ก็เด้งตัวขึ้นมา!
“อ้ากกก น่าขยะแขยง! แหวะ!” วินาทีที่ได้ร่างกายของตัวเองกลับคืนมา เฉียวฉู่ก็กระโดดลงจากแท่นไม้นั้นแล้วคว้าเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นด้วยมือทั้งสองข้างของเขา จากนั้นก็ถูไปที่หน้าอกของตัวเองอย่างแรงจนหนังแทบหลุด
บัดซบ! เขาถูกผู้ชายคนหนึ่งสัมผัส!
ไอ้บ้านั่นมันโรคจิตหรือไง!
เมื่อคิดถึงว่าเมื่อสักครู่ตัวเองถูกอีกฝ่ายจับถูลูบคลำอย่างไร เฉียวฉู่ก็แทบจะเป็นบ้า เขาไม่สนใจสิ่งอื่นใดอีกแล้ว วิ่งเข้าไปหาศิษย์ที่นอนหมดสภาพอยู่ใต้อุ้งเท้าของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำตัวนั้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว!
เจ้าสัตว์ร้ายสีดำตกตะลึงไปครู่หนึ่ง มันกะพริบตาแล้วมองไปที่เฉียวฉู่ผู้กราดเกรี้ยว จากนั้นก็หันไปมองจวินอู๋เสียอย่างขอความเห็น
จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อย
เจ้าสัตว์ร้ายสีดำก็ยกอุ้งเท้าขวาของมันขึ้นทันที
แทบจะในวินาทีเดียวกันกับที่มันยกอุ้งเท้าขึ้น ศิษย์ของยอดเขาเร้นเมฆาที่เพิ่งรู้สึกหายใจได้โล่งคอก็ถูกเฉียวฉู่ที่โกรธจัดกระชากคอเสื้อขึ้นมา!
“เบาเสียงหน่อย” จวินอู๋เสียหรี่ตาเตือนเฉียวฉู่
เฉียวฉู่ก็เหวี่ยงร่างของศิษย์คนนั้นที่กำลังจะกรีดร้องลงพื้นอย่างแรงทันที เขาใช้มือข้างหนึ่งอุดปากอีกฝ่ายไว้ จากนั้นก็ยกแขนอีกข้างกระหน่ำซัดหมัดลงไปราวกับสายฝน หมัดที่บ้าคลั่งชกไปที่ร่างของคนผู้นั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเลือดกระเซ็น!
ศิษย์ที่ถูกปิดปากทำได้เพียงดิ้นหนีอย่างยากลำบาก อย่ามองว่าร่างกายของเฉียวฉู่ดูผอมบาง ในความเป็นจริงร่างกายของเขามีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับบัวหิมะมัวเมาได้เลยทีเดียว เพียงหนึ่งมัดของเขาก็เพียงพอจะส่งคนผู้หนึ่งไปลงนรกได้แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฉียวฉู่ในยามนี้ที่อยู่ในสภาวะคลั่ง ร่างของศิษย์คนนั้นแทบจะเรียกได้ว่าระเบิดกลายเป็นดอกไม้ไฟไปแล้ว!
ลูกศิษย์อีกคนของยอดเขาเร้นเมฆาที่ถูกเจ้าสัตว์ร้ายสีดำจับตรึงเอาไว้ มองฉากที่สหายของตัวเองถูกกระหน่ำชกจนตาเหลือก เลือดกระอักเต็มปาก ตลอดทั้งร่างเละเหลวมีแต่เศษชิ้นเนื้อ เลือด และกระดูกที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ขาทั้งสองข้างของเขาก็สั่นด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
จนกระทั่งคนที่อยู่ใต้ร่างชักกระตุกและหมดลมหายใจไป เฉียวฉู่ถึงได้ยอมคลายมือ เขายืนขึ้น เช็ดเลือดจากหมัดของตัวเองด้วยเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งนั้น ขมวดคิ้วและพูดว่า “ดูสิ แม้แต่เสื้อผ้าเพียงชุดเดียวของข้าก็มีสภาพเป็นแบบนี้ไปแล้ว ซวยจริงๆ”
“จะว่าไป น้องเสียเจ้าเอาเม็ดยาอะไรให้ข้ากินกันแน่ ทำไมข้าถึงขยับเคลื่อนไหวไม่ได้เลย” เฉียวฉู่ไม่อยากจะสัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้อีกแล้วตลอดทั้งชีวิตของเขา ในตอนที่ถูกเคอฉังจวีลากเข้ามาในนี้ เขาก็มีความคิดอยากจะต่อยคนแล้ว แต่ทำอย่างไรได้ร่างกายของเขามันไม่ฟังการควบคุมเลย แม้แต่นิ้วมือและนิ้วเท้าของเขาก็ยังไม่ยอมขยับ มีหลังจากที่จวินอู๋เสียป้อนยาเม็ดที่สองให้เขานั่นแหละเขาถึงได้รับอิสระกลับคืนมา
“จะเล่นละคร ก็ต้องเล่นให้ถึงที่สุดสิ” จวินอู๋เสียพูดเสียงเบา ดวงตาของนางกวาดมองไปที่ร่างของลูกศิษย์อีกคนหนึ่งของยอดเขาเร้นเมฆาที่อยู่ใต้อุ้งเท้าของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำ
เมื่อถูกจวินอู๋เสียจ้องมองมาด้วยสายตาแบบนั้น ขาของเขาก็สั่นสะท้านมากยิ่งขึ้น เขามองไปที่จวินอู๋เสียด้วยความหวาดกลัว ส่ายหัวอย่างเงียบๆ อ้อนวอนร้องขอความเมตตาจากนางผ่านทางสายตา
“ฆ่า” จวินอู๋เสียสั่งเสียงเย็น
ก่อนที่ศิษย์คนนั้นจะได้ส่งเสียงกรีดร้อง เขาก็โดนเจ้าสัตว์ร้ายสีดำกัดเข้าที่คอของเขาอย่างแรงจนขาด กระทั่งถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต สีหน้าของเขาก็ยังคงแสดงความหวาดกลัวออกมา
หลังจากศิษย์ทั้งสองคนของยอดเขาเร้นเมฆาตายหมดแล้ว จวินอู๋เสียกับเฉียวฉู่จึงพากันเดินเข้าไปยังส่วนลึกของห้องใต้ดิน
ที่นั่น เคอฉังจวีตอนนี้กำลัง ‘ให้บทเรียน’ แก่ฮวาเหยาอย่างหนัก เขาไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัวเลย เอาแต่ทุ่มทรมานเหยื่อของเขาด้วยความสนุกสนาน จนกระทั่งเขาสังเกตเห็นว่าเด็กหนุ่มที่เขากำลังสั่งสอนอยู่นั้นเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาของเขามองไปข้างหน้าด้วยแววตาที่เป็นประกายสดใส
“มีอะไรรึ หรือว่าเจ้าทนไม่ไหวแล้ว” เคอฉังจวีหัวเราะเสียงต่ำ ตั้งแต่ที่เขาเริ่มทรมานฮวาเหยามา เขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายแสดงปฏิกิริยาใดๆ เลย ไม่ว่าการทรมานนั้นจะรุนแรงและเจ็บปวดมากแค่ไหน เขาก็ไม่เคยตอบสนองจนกระทั่งตอนนี้ การที่จู่ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นมา มิหนำซ้ำประกายในดวงตายังเปลี่ยนไป นี่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าเด็กนี่มันทนต่อไปไม่ไหวแล้วหรือ
ตอนที่ 282 ตบหน้าครั้งที่ห้า (4)
“หากเจ้าขอร้องข้า บางทีข้าอาจเมตตาให้เจ้าได้ตายสบายสักหน่อย อย่างไรเสีย เจ้าก็เป็นศิษย์รักของข้าผู้นี้” เคอฉังจวีเผยรอยยิ้มอัปลักษณ์ สิ่งที่เขาโปรดปรานมากที่สุดก็คือการได้เหยียบย่ำบุรุษผู้มีรูปร่างหน้าตางดงามราวกับบุปผาเบ่งบานอย่างเช่นเด็กหนุ่มคนนี้ เขาชอบเห็นพวกมันต้องมาดิ้นพล่านทุรนทุรายอยู่ภายใต้ฝ่าเท่าของตัวเป็นที่สุด
สีหน้ายามหวาดกลัวและเจ็บปวดจนถึงขีดสุดนั้น เมื่อมันมาปรากฏอยู่บนใบหน้าที่งดงามเหล่านี้ ช่วงเวลานั้นแหละที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างแท้จริง!
ฮวาเหยาเป็น ‘ลูกศิษย์’ ที่โดดเด่นที่สุดของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย เขามีใบหน้าที่งดงามมากที่สุด ในวินาทีแรกที่เขาได้เห็นหน้าเด็กหนุ่มคนนี้ ใบหน้าที่งดงามชวนให้ผู้คนหัวใจเต้นแรงนั้น ก็ทำให้จิตวิญญาณในร่างกายของเขาสั่นสะท้านจนแทบคำรามออกมา ภาพฉากทรมานนับไม่ถ้วนผุดเข้ามาในหัวสมองของเขาเป็นฉากๆ จนทำเอาเขาแทบคลั่ง ในหัวของเขามันมีแต่ความคิดที่ว่าจะใช้ยาพิษอะไรดี ถึงจะทำให้ใบหน้าที่งดงามราวกับสวรรค์ประทานนี้สกปรกยิ่งกว่าโคลนตมบนพื้น!
“ช้าจริง” ชายหนุ่มผู้มีใบหน้างดงามมีคราบเลือดติดอยู่ที่มุมปากเอ่ยขึ้นอย่างไม่อดทนนัก
เคอฉังจวีผงะไปครู่หนึ่ง เขาไม่เข้าใจว่าที่ฮวาเหยาพูดออกมานั้นมันหมายความว่าอย่างไร
“ก็ข้าเห็นว่าท่านดูจะเพลินไปกับลูกเล่นของเจ้าตัวอัปลักษณ์นี่ดี เลยไม่อยากขัดอารมณ์สุนทรีย์” ทันใดนั้นน้ำเสียงหยอกล้อสายหนึ่งก็ดังขึ้นผ่านความเงียบจากทางด้านหลังของเคอฉังจวี!
เคอฉังจวีรีบหมุนตัวกลับไปมองทันที ภาพเด็กหนุ่มสองคนที่ยืนห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าวทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก!
สองคนนี้…ไม่ใช่ว่าควรหมดสติอยู่รึ!
“จุ๊ๆ พอมองใกล้ๆ แบบนี้แล้ว ใบหน้านี้มันก็อัปลักษณ์ชวนให้คลื่นไส้จริงๆ” เฉียวฉู่ลูบคางของเขาด้วยกิริยาที่เลวร้ายจนถึงขีดสุด สีหน้าตกอกตกใจของเขายามมองไปที่ใบหน้าของเคอฉังจวีค่อนข้างเกินจริงเป็นอย่างมาก
“เจ้าสิอัปลักษณ์! ไอ้เจ้าเด็กโง่เขลา!” ใบหน้าของเคอฉังจวีเปลี่ยนเป็นโกรธขึ้งทันที
ตลอดทั้งชีวิตนี้ สิ่งที่เคอฉังจวีเกลียดมากที่สุดนั่นก็คือการถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของเขา ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงเกลียดบุรุษทุกคนที่หน้าตาดี แม้แต่เด็กเขาก็จะไม่มีวันปล่อยพวกมันไป!
เด็กหนุ่มคนนี้กลับกล้าพูดว่าเขาอัปลักษณ์ต่อหน้าต่อตาของเขาเอง!
เขาจะทำให้มันตายอย่างไร้หลุมฝังศพ!
เคอฉังจวีลงมือรวดเร็วมาก เพียงเขาขยับตัวแสงสีดำสามสายที่ทอประกายเย็นเยี่ยมก็พุ่งไปยังจุดชีพจรสำคัญทั้งสามจุดบนร่างของเฉียวฉู่!
ในขณะที่เคอฉังจวีเคลื่อนไหว แทบจะในวินาทีเดียวกันนั้นเองประกายแสงสีเงินในจำนวนสามสายเท่ากันก็พุ่งออกมาสกัดการโจมตีของเคอฉังจวีไว้เพียงครึ่งทาง!
กริ๊ง! กริ๊ง! กริ๊ง!
เสียงใสดังขึ้นสามครั้งติด
ทันทีที่แสงสีเงินและแสงสีดำพุ่งเข้าชนกัน เข็มสีเงินสามเล่มและเข็มสีดำอีกสามเล่มก็ตกลงสู่พื้น ทอแสงแวววาวเล็กน้อยท่ามกลางแสงไฟสลัว
เคอฉังจวีเบิกตากว้าง มองไปที่เด็กหนุ่มด้านข้างที่แทบไม่มีอะไรสะดุดตาเลยด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เข็มพิษของเขาไม่เคยพลาดเป้ามาก่อน แม้แต่ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีน้ำเงินที่แข็งแกร่ง ก็ยังเคยพ่ายแพ้และเสียเปรียบต่อมันมาแล้วนับไม่ถ้วนแล้ว อย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มที่แทบไม่มีอะไรเรียกความสนใจจากเขาได้เลยนี้ กลับสามารถลงมือสกัดกั้นเข็มพิษทั้งสามเล่มของเขาเอาไว้ได้! สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือ สิ่งที่อีกฝ่ายใช้สกัดเข็มพิษของเขาดันเป็นเข็มเงินที่มีขนาดเล็กเท่ากัน!
การลงมือของเขานั้นรวดเร็วมาก เด็กหนุ่มตรงหน้าสังเกตเห็นมันได้อย่างไร และในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงอึดใจ เจ้าเด็กนี่มันตัดสินได้อย่างไรว่าเขาจะโจมตีไปยังจุดไหนบ้าง!
เคอฉังจวีเงยหน้าขึ้น พิจารณารูปลักษณ์อีกฝ่ายอย่างตั้งใจสักครั้งหนึ่ง จากนั้นเขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่านี่ไม่ใช่เด็กที่เขาแย่งมาจากมู่เฉินในวันนั้นหรือ
เคอฉังจวีเกลียดเด็กหนุ่มทุกคนที่มีรูปร่างหน้าตางดงาม ยิ่งงามมากเท่าไร เขาก็ยิ่งเกลียดเข้ากระดูกมากขึ้นเท่านั้น เพราะฉะนั้นในทุกๆ เดือน จากบรรดาเด็กใหม่ที่ถูกคัดทิ้งไป เขาจะเลือกเฉพาะคนที่หน้าตาดีที่สุดเข้ามาที่ยอดเขาเร้นเมฆา แล้วค่อยๆ ทรมานพวกมันเล่น แต่จวินอู๋เสียต่างออกไป รูปร่างที่แคระแกร็น ใบหน้าที่ธรรมดา ดูอย่างไรก็ไม่ใช่เป้าหมายของเขา หากไม่ใช่เพราะวันนั้นเขาจงใจหาเรื่องมู่เฉินต้องการหักหน้าอีกฝ่ายด้วยไม่ชอบใจในรูปลักษณ์และใบหน้าที่งดงามของเขามานานมากแล้ว จึงชิงแย่งศิษย์ที่อีกฝ่ายหมายตามา เขาคงลืมเด็กที่หน้าตาธรรมดาอย่างเจ้าหนูนี่ไปแล้ว
ด้วยเมื่อเทียบกับจวินอู๋เสีย เด็กหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ ดูหล่อเหลามากกว่า ความเกลียดชังของเคอฉังจวีจึงถูกดึงดูดไปที่เขามากกว่า