ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 335 ตบหน้าครั้งที่หก (7) ตอนที่ 336 ตบหน้าครั้งที่หก (8)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 335 ตบหน้าครั้งที่หก (7) ตอนที่ 336 ตบหน้าครั้งที่หก (8)
ตอนที่ 335 ตบหน้าครั้งที่หก (7)
ฉินเย่ว์ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรงพร้อมกับความสิ้นหวังบนใบหน้าของเขา เสียงหึ่งๆ ดังก้องเต็มหัว
ผู้ใดจะคิดว่าสำนักชิงอวิ๋นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้า สามารถเรียกลมเรียกฝน จะไปกระตุ้นเทพแห่งความตายผู้นี้ให้ตื่นขึ้นเพราะคณะเดินทางเล็กๆ ที่ไปเยือนรัฐชีเพียงครั้งเดียว
รัฐติดชายแดนอันแสนเล็กจ้อยที่แทบไม่มีใครเห็นอยู่ในสายตา กลับให้กำเนิดสัตว์ประหลาดที่สามารถทำลายทั้งสำนักชิงอวิ๋นลงได้!
หากรู้แต่แรก ฉินเย่ว์จะขอรามือจากหยกวิญญาณชิ้นนั้น เขาจะยินดีมากหากไม่เคยเห็นจวินอู๋เสียมาก่อน!
น่าเสียดายที่สิ่งเหล่านั้นไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีกแล้ว
“ฮวาเหยา เจ้ายังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วยาม” จวินอู๋เสียเอียงศีรษะเล็กน้อยและมองไปที่ฮวาเหยา บทสรุปของพวกฉินเย่ว์และสำนักชิงอวิ๋นถูกกำหนดไว้แน่นอนแล้ว ดังนั้นยามนี้จึงเป็นเวลาของฮวาเหยาและเฉียวฉู่ นางยังไม่ลืมข้อตกลงที่ได้ทำไว้ระหว่างพวกเขา
ฮวาเหยาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขาโบกมือครั้งหนึ่ง งูกระดูกสองหัวก็พุ่งเข้าหาฉินเย่ว์ราวกับสายฟ้า ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ข้างฉินเย่ว์กรีดร้องและต้องการจะวิ่งหนีไป แต่ขนาดของงูกระดูกสองหัวก็มหึมาเหลือเกิน เขาที่สิ้นหวังมานานแล้วเมื่อได้สบกับร่างที่ใหญ่โตนั้น กระทั่งความกล้าที่จะวิ่งหนีไปยามนี้จึงไม่หลงเหลืออีก
อันที่จริงด้วยความแข็งแกร่งของพวกฉินเย่ว์ หากพวกเขาต่อสู้โดยเอาชีวิตเข้าแลก แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถรอดพ้นจากเงื้อมมือของจวินอู๋เสียได้ในท้ายที่สุด แต่อย่างน้อยๆ พวกเขาก็ยังสามารถสร้างปัญหาให้กับจวินอู๋เสียและคนอื่นๆ ได้
น่าเสียดายที่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้บดขยี้ความหวังและจิตวิญญาณในการต่อสู้ในหัวใจของทุกคนไปหมดแล้ว
ความสับสนวุ่นวายในสำนักชิงอวิ๋น การกดขี่ข่มเหงที่เหล่าผู้อาวุโสได้รับ และความตายที่กำลังจะมาเยือนทุกๆ สรรพชีวิตในเทือกเขาเมฆา…ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ได้ทำให้ฉินเย่ว์สูญเสียความมั่นใจในตัวเองไปโดยสิ้นเชิง
เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับจวินอู๋เสียที่จะล้มศัตรูสักคนหนึ่งลงในดาบเดียว แต่กับสำนักชิงอวิ๋น แบบนั้นจะไม่ง่ายสำหรับพวกเขาเกินไปหน่อยหรือ
เพราะฉะนั้นแล้ว จวินอู๋เสียจึงได้ขอให้มู่เฉินยอมร่วมมือกับฮวาเหยาเพื่อแสดงละครบทหนึ่ง สร้างเรื่องให้ทั้งสำนักชิงอวิ๋นเกิดความวุ่นวาย นับตั้งแต่ที่แผนการนี้เริ่มถูกดำเนิน อันที่จริงแม้กระทั่งจิตวิญญาณของพวกเขาทุกคนก็ถูกคำนวนลงในแผนการของจวินอู๋เสียจนหมดแล้ว สิ่งที่นางต้องการทำ ไม่ใช่เพียงแค่ทำลายสำนักชิงอวิ๋นจากภายนอก แต่นางต้องการบดขยี้สถานที่นี้ให้ลึกลงไปจนถึงแก่นจิตวิญญาณ!
หางของงูกระดูกสองหัวรัดเข้าที่ร่างของฉินเย่ว์แน่น คมเขี้ยวที่แหลมคมของมัน ฝังลงไปที่เนื้อของฉินเย่ว์สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวไปจนถึงหัวใจของเขา ฉินเย่ว์หลั่งเหงื่อเย็นออกมา เมื่อถูกจ้องมองด้วยดวงตาสีแดงสดคู่นั้นที่เหมือนจะชุ่มโชกไปด้วยโลหิต คล้ายกับกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งฝันร้ายไร้ซึ่งทางออก ของเหลวหนืดสีแดงสดยังคงไหลลงมาจากร่างทำให้อาภรณ์หรูหราบนตัวของฉินเย่ว์ย้อมไปด้วยสีเลือด ฉินเย่ว์ถูกพาตัวมาทิ้งลงต่อหน้าฮวาเหยา ท่านเจ้าสำนักผู้เคยสูงส่งและมองทุกคนจากที่ที่สูงกว่าในอดีต บัดนี้ดวงตาบนใบหน้าที่ซีดเผือดที่มีแต่ความสิ้นหวังนั้น ได้เผยให้เห็นถึงความจนตรอกในปัจจุบันของเขาทั้งหมดแล้ว
“แผนที่ที่เคอฉังจวีให้เจ้าอยู่ที่ใด” ฮวาเหยาถามออกไปตรงๆ
ฉินเย่ว์ผู้ซึ่งคิดว่าหัวใจของเขาได้ตายไปแล้ว จู่ๆ ก็ถูกคำถามของฮวาเหยาทำให้เกิดความตกตะลึงอย่างหนัก ประกายแสงแห่งความหวังอันริบหรี่ในดวงตากระเพื่อมขึ้น ในไม่ช้าเขาก็ละทิ้งสภาพจนตรอกก่อนหน้าทั้งหมดไป “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร”
ฮวาเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาดีดนิ้ว จากนั้นหางงูที่พันรัดอยู่รอบๆ ตัวของฉินเย่ว์ก็รัดแน่นขึ้น! เดือยกระดูกแหลมคมบางส่วนบนตัวงูกระดูกสองหัวแทงทะลุเนื้อของฉินเย่ว์เข้าไปเกือบครึ่ง!
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากปากของฉินเย่ว์ทันที ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดสีเขียวที่ปูดโปนออกมาจนแทบจะระเบิด ใบหน้าของเขาแดงก่ำ และเหงื่อเย็นก็ไหลรินลงมาจากทั่วทั้งร่าง ท่านเจ้าสำนักผู้สูงส่งเหยียดคอกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด
โลหิตสีแดงสดไหลลงมาจากปลายเท้าของเขาและหยดลงเต็มพื้น ทำให้เลือดที่เกือบจะแข็งตัวอยู่แล้วบนพื้นนั้นแตกกระจายออกไป
“อยู่ที่ใด” ฮวาเหยาถามอีกครั้ง
ฉินเย่ว์ที่ตาเหลือกด้วยความเจ็บปวดก็กระตุก เขายกศีรษะของเขาขึ้นแต่ไม่สามารถพูดได้แล้ว จึงทำได้เพียงส่ายหน้าเบาๆ อย่างอ่อนแรง
แทบจะในทันที เสียงกรีดร้องของฉินเย่ว์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เสียงกรีดร้องโหยหวนแหลมคมบาดลึกเข้าไปในหัวใจของผู้อาวุโสคนอื่นๆ ทำให้พวกเขาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แข้งขาของแต่ละคนอ่อนยวบ กลัวเหลือเกินว่ารายต่อไปที่ถูกทรมานจะเป็นพวกเขาเอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อหนึ่งในสามของเวลาผ่านพ้นไป ลมหายใจของฉินเย่ว์ก็เริ่มแผ่วเบาลงเรื่อยๆ แต่ตั้งแต่ต้นจนจบเขากลับไม่ยอมคายอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว
…………..
ตอนที่ 336 ตบหน้าครั้งที่หก (8)
“นี่ พี่ฮวา ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเจ้าหมอนี่คงได้ตายจริงๆ” เฉียวฉู่มองไปที่ฉินเย่ว์ที่อ่อนแรงลงเรื่อยๆ ก็คิดว่านี่ไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง ฉินเย่ว์กัดฟันแน่นแบบนี้ มันเป็นอะไรที่เกินความคาดหมายของเขาจริงๆ อันที่จริงหากฉินเย่ว์จะตายไปเขาก็ไม่สนใจหรอก ปัญหาติดอยู่ที่ถ้าเขาตายแล้วพวกเขาจะหาที่ซ่อนของแผนที่ชิ้นนั้นไม่พบนี่สิ
ฮวาเหยาขมวดคิ้วมุ่น บนใบหน้างามของเขาเผยสีหน้าลำบากใจ
สำนักชิงอวิ๋นนั้นกว้างใหญ่มาก ถ้าฉินเย่ว์ตายลงก่อนที่เขาจะเปิดเผยถึงที่ซ่อนของแผนที่ชิ้นนั้นแล้วปล่อยให้พวกเขาหาเพียงลำพัง ต่อให้ใช้เวลาทั้งเดือนพวกเขาก็ยังไม่รู้เลยว่าจะหามันเจอหรือเปล่า
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง” จวินอู๋เสียพูดแทรกขึ้นทันที
ฮวาเหยามองไปที่จวินอู๋เสียด้วยความประหลาดใจ
“ข้าบอกไปแล้ว ว่าเหลือเวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น” จวินอู๋เสียตอบอย่างเฉยเมย นางเคยพูดไปแล้วว่าฉินเย่ว์จะตายตอนไหน เพราะฉะนั้นเวลาตายของเขาก็ต้องเป็นไปตามที่นางพูดทุกประการจะเหลื่อมล้ำไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว
ฮวาเหยาปล่อยให้งูกระดูกสองหัวทิ้งร่างฉินเย่ว์ลงบนพื้น ฉินเย่ว์ที่มีเลือดไหลอาบทั้งตัวก็คล้ายกับได้เว้นระยะหายใจ เขาในสภาพนี้สูดลมหายใจเข้าได้น้อยนัก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเอ่ยปากพูดหรอก เวลานี้แค่ขยับมุมปากของเขาเองยังเป็นเรื่องยากเลย
จวินอู๋เสียนั่งยองๆ ลงกับพื้น มองไปที่ฉินเย่ว์ที่ได้ตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง เข็มเงินก็ถูกดึงออกมาและถูกฝังลงไปบนจุดชีพจรทั้งสิบสองแห่งบนร่างกายของฉินเย่ว์ เลือดที่ไหลลงมาจากบาดแผลอย่างต่อเนื่องก็หยุดไหลอย่างน่าอัศจรรย์ นางง้างปากของฉินเย่ว์ออก จากนั้นก็หยิบเม็ดยาสามเม็ดแล้วบังคับให้เขากลืนมันลงไปก่อนจะลุกขึ้นยืน
ฮวาเหยามองไปที่จวินอู๋เสียอย่างไม่เข้าใจ เขาเคยเห็นวิธีการของจวินอู๋เสียมาก่อน ย่อมเชื่อว่าขอเพียงแค่จวินอู๋เสียเอ่ยปาก นางก็สามารถทำมันให้สำเร็จได้ตามที่เคยเอ่ยไว้
แต่ทำไมนางห้ามเลือดให้ฉินเย่ว์แถมยังป้อนเม็ดยาให้เขากินอีก ไม่มีการเค้นความอะไรเลย
เฉียวฉู่ชะโงกหน้าออกไปและมองไปที่ฉินเย่ว์ซึ่งนอนเหยียดเป็นศพอยู่บนพื้นอย่างสนอกสนใจ เขาอยากรู้มากว่าเม็ดยาประหลาดที่จวินอู๋เสียเพิ่งให้ฉินเย่ว์กลืนลงไปนั้น จะพิสดารเหมือนกับฤทธิ์ของเม็ดยา ‘โฉมสะคราญ’ เม็ดนั้นหรือเปล่า เพราะในสายตาของเขาไม่มีสิ่งใดที่นางทำไม่ได้
คล้ายกับเวลาได้ถูกหยุดลงอย่างกะทันหัน เหล่าผู้อาวุโสที่ซ่อนตัวอยู่อีกฝั่งสั่นสะท้านและไม่กล้าพูดอะไรสักคำ พวกเขาทำได้เพียงมองดูฉินเย่ว์ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
จวินอู๋เสียหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือของนางอย่างสบายอกสบายใจ ทำราวกับว่าไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น
ไม่มีใครรู้ว่าจวินอู๋เสียเอาเม็ดยาอะไรให้ฉินเย่ว์กินและทำไมจนถึงตอนนี้ถึงยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรสักที
แต่ไม่นาน ภาพตรงหน้าก็ทำให้ทุกคนต้องอ้าปากค้างอย่างหนาวเหน็บ!
เห็นเพียงร่างกายของฉินเย่ว์กระตุกแรงๆ ครั้งหนึ่ง จากนั้นแขนขาทั้งสี่ข้างของเขาก็งอพับและเริ่มบิดเป็นเกลียว เสียงกรีดร้องโหยหวนดังสะท้อนไปทั่วห้องโถงใหญ่ที่เงียบสนิท! คล้ายกับสัตว์เดรัจฉานที่สูญเสียการควบคุมไปแล้วก็ไม่ปาน ฉินเย่ว์ในยามนี้แทบไม่อาจมองว่าเป็นคนปกติได้อีกแล้ว เขาสูญเสียรูปลักษณ์มนุษย์ไปโดยสิ้นเชิง แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น นิ้วมือของฉินเย่ว์ค่อยๆ แตกออก เริ่มจากรอยร้าวเล็กๆ จากนั้นก็ขยายกว้างขึ้น กระดูกสีขาวจากด้านใน ปรากฏสู่สายตาของผู้ที่เฝ้ามองและค่อยๆ แหลกละเอียดกลายเป็นผุยผงด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า กระดูกสีขาวบดผสมกับเศษชิ้นเนื้อและเลือดและค่อยๆ ไหลลงมากองที่พื้นอย่างช้าๆ ร่างของฉินเย่ว์กระตุกแรงขึ้นอย่างไม่อาจควบคุมได้ คนทั้งคนชักกระตุกราวกับถูกฟ้าผ่าก็ไม่ปาน
“เม็ดยากร่อนกระดูกรึ” ดวงตาของเฉียวฉู่เบิกกว้าง เมื่อมองดูส่วนผสมแปลกๆ ที่ไหลออกมาจากรอยแตกนั้น ผงสีขาวนั่นเห็นได้ชัดเลยว่าเป็นกระดูกที่ถูกบดละเอียดจนกลายเป็นผุยผง!
นิ้วมือของฉินเย่ว์ถูกบดขยี้ให้เป็นผงโดยบางสิ่งบางอย่างที่ไม่อาจหาสาเหตุได้ เลือดและเนื้อของเขาคล้ายถูกขูดออกมาจากร่างลงมากองด้วยกันที่พื้น
สิบนิ้วเชื่อมถึงหัวใจ เพียงแค่มองดูก็รู้สึกเจ็บปวดยากจะทานทนแล้ว
ใบหน้าของฉินเย่ว์ที่เดิมทีแดงก่ำ ยามนี้ซีดขาวราวกับกระดาษ ดวงตาที่เบิกกว้างเต็มไปด้วยเส้นเลือดแดงที่ปูดโปนจนแทบจะระเบิดออกมาแล้ว น้ำตาและน้ำมูกของเขาไหลอาบแก้ม ฟันของเขากัดกระทบกันอย่างหนัก ทำให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงของเขาในขณะนี้
“เริ่มที่มือ จากนั้นก็ตามมาด้วยเท้า จากนั้นก็ไปที่แขนขาและลามไปจนถึงกระดูกสันหลังและซี่โครง ไม่ต้องกังวล หัวกะโหลกของเจ้าจะยังสบายดี ตราบเท่าที่เจ้ายังอยู่กับข้า เจ้าจะไม่มีวันตาย” จวินอู๋เสียเอ่ยปากออกมาในที่สุด มุมปากของนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มร้าย รอยยิ้มที่โหดร้ายและทารุณราวกับปีศาจจากขุมนรก
……………