ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 365 แผนที่หนังมนุษย์ (3) ตอนที่ 366 ตึกฝั่งทิศตะวันออกยกระดับ (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 365 แผนที่หนังมนุษย์ (3) ตอนที่ 366 ตึกฝั่งทิศตะวันออกยกระดับ (1)
ตอนที่ 365 แผนที่หนังมนุษย์ (3) / ตอนที่ 366 ตึกฝั่งทิศตะวันออกยกระดับ (1)
ตอนที่ 365 แผนที่หนังมนุษย์ (3)
เมื่อเผชิญหน้ากับ ‘ความซื่อตรง’ ของจวินอู๋เสีย ขมับของเยี่ยนปู้กุยก็เต้นตุบ เขาไม่มีทางเลือกอื่นได้แต่ยอมถอยจากมาแล้วปล่อยให้นางทำตามอำเภอใจ จากนั้นค่อยไปลากตัวเฉียวฉู่และคนอื่นๆ ให้ไปคุยกันอย่างลับๆ ให้พวกเขาช่วยดูแลจวินอู๋เสียหน่อย
เนื่องจากวงแหวนภูติวิญญาณของจวินอู๋เสียค่อนข้างพิเศษ เยี่ยนปู้กุยจึงไม่ได้ให้คำแนะนำเรื่องการบ่มเพาะพลังวิญญาณแก่นาง แต่ให้จวินอู๋เสียนั่งอยู่ริมสระบัวทุกวันเป็นเพื่อนบัวหิมะซังอวี้ที่กำลังพักฟื้น
เฉียวฉู่และคนอื่นๆ กำลังพยายามค้นหาแผนที่หนังมนุษย์อีกทั้งหกแบบที่กระจัดกระจายไปทั่ว แม้ว่าสิบสองตำหนักจะได้ครอบครองสิ่งนี้แล้ว แต่พวกเขาไม่มีใครกล้าเก็บเผือกร้อนอย่างแผนที่นี้ไว้ในมือนานหรอก พวกเขาจะต้องลอบส่งแผนที่ลงมายังสามโลกเบื้องล่างเพื่อให้ ‘แพะ’ ตัวใหม่ที่พวกเขาไว้ใจลงมือดำเนินการค้นหาที่ตั้งของสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิต่อไปแน่
วิธีการเดิมๆ ที่น่ารังเกียจเช่นนี้ ก็สมกับเป็นวิธีของสิบสองตำหนักที่แสนโสมม
สมบัติที่ถูกฝังอยู่ในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ เพียงพอที่จะทำลายทั้งสิบสองตำหนักให้ราบคาบได้เลย
เฉียวฉู่และคนอื่นๆ ต้องการแก้แค้น ในขณะที่จุดประสงค์ของจวินอู๋เสียก็คือการลบตำหนักเปลวเพลิงปีศาจให้หายไปจากโลกใบนี้ เป้าหมายของพวกเขาสอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์…
อย่างไรก็ตาม ไม่นานนักหลังจากที่จวินอู๋เสียกราบเยี่ยนปู้กุยเป็นอาจารย์ นางก็ได้ค้นพบถึงสถานการณ์อันแสนเจ็บปวดและบีบบังคับของเยี่ยนปู้กุยและลูกศิษย์ของเขา
เฉียวฉู่และคนอื่นๆ มีพรสวรรค์สูงส่งจริง แต่พวกเขาไม่สามารถแสดงมันออกมาต่อหน้าผู้อื่นได้ และทุกครั้งที่พวกเขาเดินทางออกจากสำนักไป พวกเขาล้วนมีจุดประสงค์ที่แน่ชัดเพียงอย่างเดียวนั่นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของแผนที่เท่านั้น
อาจกล่าวได้ว่า ในบรรดาศิษย์อาจารย์ทั้งห้าคนของตึกฝั่งทิศตะวันออกในอดีต ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่มีความสามารถในด้านการหาเงิน พรสวรรค์ในการทำเงินของพวกเขาเป็นศูนย์!
ในช่วงปีแรกๆ อาจดีหน่อย เพราะเยี่ยนปู้กุยได้นำสมบัติบางอย่างที่เอาติดตัวมาจากสามโลกชั้นกลางออกไปจำนำ ทำให้พอมีเงินใช้จ่ายหมุนเวียนบ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า เงินที่พวกเขาใช้ก็เริ่มร่อยหรอลงเรื่อยๆ ในขณะที่สมบัติที่นำมาก็หมดไป เยี่ยนปู้กุยไม่เหลืออะไรให้เขานำไปแลกเงินอีก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาชีวิตของทั้งห้าคนจึงยากลำบาก อัตคัดขัดสนยิ่งนัก
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเฉียวฉู่และคนอื่นๆ พวกเขาไม่ได้สวมเสื้อผ้าชุดใหม่มานานกว่าสองปีแล้ว!
จวินอู๋เสียไม่เคยประสบกับปัญหาทางด้านการเงินเลยไม่ว่าจะในชาติภพก่อนหรือว่าในชาตินี้ ในชาติก่อน หลังจากที่นางหลบหนีออกมาจากเงื้อมมือของเจ้าปีศาจร้ายนั่นได้ แม้ว่าจะอายุยังน้อย แต่ทักษะทางการแพทย์ที่โดดเด่นก็ทำให้นางสามารถใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นและไม่เคยต้องกังวลถึงเรื่องเงินทอง หลังจากที่นางกลับชาติมาเกิดใหม่แล้ว แม้ว่าจวนหลินอ๋องที่นางอาศัยอยู่จะตกอยู่ในอันตรายและมีแต่คนคอยจ้องเล่นงาน ทว่าอย่างไรนั่นก็คือจวนอ๋อง พวกเขาอาจจะขาดแคลนหลายอย่างแต่ไม่มีทางขาดเงิน!
ดังนั้นเมื่อจวินอู๋เสียเห็นศิษย์พี่ศิษย์น้องและท่านอาจารย์ของตัวเองนั่งยองๆ อยู่ในลานเรือนพัก พร้อมกับปรึกษาเรื่องการหาเงินไปคืนท่านอาจารย์ใหญ่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด หัวสมองของนางก็ว่างเปล่าไปครู่หนึ่ง
“หรือไม่…ให้ข้ากับเฟยเยียนออกไปดักปล้นสักคนสองคน” เฉียวฉู่แนะนำด้วยวิธีแปลกๆ
ฝ่ามือใหญ่ของเยี่ยนปู้กุยก็ฟาดลงไปที่ศีรษะของเขาอย่างไร้ความปรานี!
เฉียวฉู่ยักไหล่เบาๆ แสดงออกว่าเมื่อสักครู่นี้เขาแค่ล้อเล่น
“งูกระดูกสองหัวยังคงพักฟื้นอยู่ ไม่อย่างนั้นข้าอาจจะขอให้มันไปช่วยหาสมุนไพรบนภูเขาได้” ฮวาเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย ในอดีตเมื่อพวกเขาประสบปัญหาเช่นนี้ ฮวาเหยาก็ขอให้งูกระดูกสองหัวออกไปขุดสมุนไพรบนภูเขาในตอนกลางคืนเพื่อเอาไปขายแลกเงินหลายครั้ง
แต่ตอนนี้งูกระดูกสองหัวยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บสาหัส ฮวาเหยาก็ทนไม่ได้หากจะต้องเรียกมันออกมาเพื่อทำงานหนักอีกครั้ง
“ให้ตายสินี่มันยากจนข้นแค้นเกินไปแล้ว…” เฟยเยียนอยากจะร้องไห้
หรงรั่วเป็นคนที่สงบที่สุด แต่คิ้วของเขาก็ยังกดเป็นร่องลึกอย่างห้ามไม่อยู่เช่นกัน
“เฮ้อ! ลืมมันไปซะเถอะ! ข้าจะลองไปคุยกับท่านอาจารย์ใหญ่ด้วยตัวเองดูอีกสักครั้ง ถามเขาว่าพอจะเลื่อนเวลาออกไปอีกสักสองสามวันได้หรือไม่” หัวใจของเยี่ยนปู้กุยสั่นเมื่อเขามองไปที่ใบหน้าสิ้นหวังของเหล่าศิษย์ตัวน้อยของเขา เขาพยายามโบกมือเพื่อแสดงว่าไม่เป็นไร อาจารย์ของพวกเขาสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้โดยลำพัง
น่าเสียดายที่สวรรค์ไม่ปรานีผู้คน ไม่รอให้เยี่ยนปู้กุยได้ก้าวออกจากตึกฝั่งทิศตะวันออกเพื่อไปพบกับท่านอาจารย์ใหญ่ เหอชิวเซิงอาจารย์ผู้ดูแลตึกฝั่งทิศใต้ก็พุ่งเข้ามาทางนี้ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
เหอชิวเซิงเป็นอาจารย์ของตึกทิศใต้ กลุ่มคนรุ่นเยาว์รวมไปถึงชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าศิษย์ที่มา ‘ทวงหนี้’ ก่อนหน้านี้ก็ล้วนแต่เป็นลูกศิษย์ของเขา ในอดีตเมื่อตอนที่ลูกศิษย์ของเขามาหาเรื่องศิษย์ของตึกฝั่งทิศตะวันออก เขาไม่เคยสนใจเพราะคนทางฝั่งนี้ไม่เคยตอบโต้กลับเลย จนกระทั่งเมื่อสองสามวันก่อน ศิษย์ของเขาถูกหามกลับไปด้วยสภาพใบหน้าบวมเป่งเลือดไหลท่วมตัว จนทุกวันนี้ก็ยังไม่อาจลุกจากเตียงได้!
ตอนที่ 366 ตึกฝั่งทิศตะวันออกยกระดับ (1)
สีหน้าท่าทางของเหอชิวเซิงดูเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเยี่ยนปู้กุยและเฉียวฉู่กับคนอื่นๆ นัยน์ตาของเขาก็เกือบจะลุกเป็นไฟ
“เยี่ยนปู้กุย! เจ้าติดค้างค่าธรรมเนียมของสำนักศึกษาของพวกเรายังไม่พอ ยังกล้าปล่อยให้ศิษย์ของเจ้าใช้ความรุนแรงทำร้ายผู้อื่น แต่เจ้ากลับมีหน้ามานั่งร่ำสุราอย่างสบายใจอยู่ที่นี่หรือ!”
เยี่ยนปู้กุยที่ถูกผู้อื่นด่าจนใบหน้าแดงก่ำ ก้มมองไหสุราในมือของเขาแล้วยิ้มอย่างขมขื่น ร่ำสุรารึ? เขาช่างกล้าพูดจริงๆ ยาจกเช่นเขาจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อสุรา ของเหลวที่อยู่ในไหนี้เป็นเพียงแค่น้ำเปล่าที่พอจะมีกลิ่นหอมของสุราดั้งเดิมจากในไหติดอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่สิ่งเหล่านี้เยี่ยนปู้กุยไม่คิดที่จะอธิบาย
“ที่แท้ก็เป็นชิวเซิงเองหรอกหรือ เป็นอย่างไรมาอย่างไรเล่าวันนี้เจ้าถึงสนใจมาที่ตึกฝั่งทิศตะวันออกของข้า อยากจะเข้ามานั่งพักก่อนสักหน่อยหรือไม่” เยี่ยนปู้กุยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
สีหน้าท่าทางเช่นนั้น ดูประจบสอพลออย่างถึงที่สุด กระนั้นเฉียวฉู่และคนอื่นๆ ที่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องยอมก้มหัวสละศักดิ์ศรีเช่นนี้ก็ทำได้เพียงรู้สึกเศร้าและขมขื่นในใจ
หากไม่ใช่เพราะขวดน้ำมันน้อยๆ อย่างพวกเขา มีหรือที่เยี่ยนปู้กุยจะลำบากขนาดนี้ ด้วยความสามารถของเขา กวาดมองไปทั้งสามโลกเบื้องล่างมีขุมอำนาจใดบ้างที่จะไม่อ้าแขนต้อนรับ มีหรือที่เขาจะไม่ได้ชีวิตอย่างหรูหราสำเริงสำราญใจ
“เหอะ ดูเจ้าจะไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลยนี่ ข้าจะบอกอะไรให้นะเยี่ยนปู้กุย หากวันนี้เจ้าไม่มีคำอธิบายที่เหมาะสมแก่ข้า แม้ว่าท่านอาจารย์ใหญ่จะไม่ติดใจเอาความเจ้า แต่ข้าจะไม่ยอมเลิกรากับเจ้าอย่างแน่นอน! เจ้าคิดว่าที่ข้ามาเหยียบที่นี่วันนี้เป็นเพราะข้าสนใจสถานที่สกปรกเช่นนี้รึ ถุย! หากไม่ใช่เพราะท่านอาจารย์ใหญ่เรียกหาเจ้า ข้าจะไม่ถ่อมาไกลถึงที่นี่ให้รองเท้าข้าสกปรกเลย!” ทัศนคติของเหอชิวเซิง แทบจะเป็นแบบเดียวกับศิษย์ของเขานั่นคือไม่เห็นพวกเขาคนตึกฝั่งทิศตะวันออกอยู่ในสายตา ตึกฝั่งทิศตะวันออกก็คือที่อยู่ของเหล่าขอทาน เป็นกลุ่มที่หลอกกินดื่มของของสำนักศึกษาไปวันๆ ไม่ได้มีความสามารถอันใด แถมยังแสร้งตีหน้าซื่อ แกล้งโง่ได้เก่งยิ่งนัก
เยี่ยนปู้กุยรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย เรื่องอื่นอาจจะยังพอไกล่เกลี่ยได้ แต่เรื่องที่ลงมือทำร้ายลูกศิษย์ของเหอชิวเซิงนี่ค่อนข้างยุ่งยากเล็กน้อย ถ้าเขาจำไม่ผิด แม้ว่าศิษย์ของเจ้าเหอชิวเซิงจะเหลาะแหละไม่ได้ความ แถมยังนิสัยเลวทรามไม่ต่างจากอาจารย์ของพวกเขา แต่พวกเขากลับเป็นกลุ่มศิษย์ที่ร่ำรวยที่สุดในบรรดาศิษย์จากทั้งสี่ตึก เป็น ‘บ่อเงินบ่อทอง’ ที่ทรงคุณค่าของสำนักศึกษาหงส์อมตะแห่งนี้ กล่าวได้ว่าเงินสนับสนุนเกือบครึ่งของสำนักศึกษาหงส์อมตะล้วนมาจากครอบครัวของเหล่าศิษย์ในตึกทิศใต้
“ไม่อยากอยู่ต่อ ก็ไสหัวกลับไปเสียสิ” ทันใดนั้น น้ำเสียงที่เย็นชาเฉียบขาดก็ดังขึ้นมาขัดความคิดที่กำลังจะพ่นคำผรุสวาทของเหอชิวเซิงจนแตกกระเจิง
ดวงตาของเหอชิวเซิงเบิกกว้างอย่างตกตะลึง เขารีบหันไปหาแหล่งที่มาของเสียงนั้น
เห็นเพียงแต่เด็กหนุ่มร่างเล็กกำลังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าเย็นชา
“เจ้านับเป็นตัวอะไรกัน! กล้าดีอย่างไรมาพูดกับข้าแบบนี้!” เหอชิวเซิงตัวสั่นด้วยความโกรธ เขาไม่ได้คาดหวังว่าลูกศิษย์ของตึกฝั่งทิศตะวันออกจะกล้าดูถูกเขาแบบนี้
จวินอู๋เสียเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย จ้องตอบเขาไปด้วยสายตาเย็นชา
“ศิษย์ตึกฝั่งทิศตะวันออก จวินเสีย”
“ดี! ดีมาก! ยอดเยี่ยม! ที่แท้ก็เป็นเจ้าขอทานตัวน้อยที่เพิ่งถูกเก็บมานี่เอง! เจ้าเองก็คิดจะมาโกงค่ากินค่าดื่มของสำนักศึกษาหงส์อมตะเช่นกันสินะ บัญชีเดิมข้ายังไม่ได้คิดกับพวกเจ้า เจ้าก็กล้าลงมือทำร้ายลูกศิษย์ของข้าแล้ว ยอดเยี่ยมมาก!” เหอชิวเซิงรู้จักชื่อของอีกฝ่าย เขาเคยได้ยินมันจากปากของลูกศิษย์ของเขาที่บัดนี้ยังไม่อาจลุกขึ้นจากเตียง ว่านี่คือศิษย์ใหม่ของตึกฝั่งทิศตะวันออกที่ทุบตีลูกศิษย์ของเขาจนมีสภาพเช่นนั้น เหอชิวเซิงปรี่เข้าไปหาจวินอู๋เสียทันทีด้วยอารมณ์โกรธ เขาง้างมือขึ้น หมายจะตบสั่งสอนเจ้าเด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนนี้สักเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ฝ่ามือจะฟาดลงไป เยี่ยนปู้กุยก็คว้าข้อมือของเขาไว้แน่น
“เหอชิวเซิง ลูกศิษย์ของข้า ไม่ใช่คนที่เจ้าคิดจะสั่งสอนก็สามารถสั่งสอนได้” ดวงตาของเยี่ยนปู้กุยประกายคมกริบอันตราย บรรยากาศรอบตัวอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้ที่แข็งแกร่ง แผ่ออกมาจนทำให้เหอชิวเซิงหายใจติดขัดไปช่วงหนึ่ง
คล้ายกับจะถูกคำพูดของจวินอู๋เสียในวันนั้นทำให้คิดได้ ตลอดสองสามวันมานี้เขาจึงนอนไม่ค่อยหลับเลย ในใจของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงในแบบที่เขาเองก็ยังไม่รู้ตัว
เขาสามารถทนได้ ยอมได้ ปล่อยให้ผู้อื่นรังแกเขาได้ แต่เขาจะไม่อนุญาตให้ผู้อื่นแตะต้องลูกศิษย์ของเขาแม้แต่ปลายนิ้ว!
นี่เป็นครั้งแรกที่เหอชิวเซิงได้เห็นสายตาเช่นนี้ของเยี่ยนปู้กุย ครู่หนึ่งใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดด้วยความตกใจกลัว
ในยามปกติ เจ้าคนติดเหล้าคนนี้นอกจากจะประจบประแจงเขาแล้วก็ไม่เห็นมีอย่างอื่นอีก แต่วันนี้เมื่อได้สบกับดวงตาที่น่ากลัวของอีกฝ่าย พริบตาเหอชิวเซิงก็คล้ายสุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ[1] แล้วเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่า ความกล้าทั้งหลายกระเด็นหายไปจนหมดสิ้น
“เจ้า! ดีมาก! เยี่ยนปู้กุย เจ้าทำได้ยอดเยี่ยมมาก! ในเมื่อเจ้าเลือกแล้วที่จะปกป้องเจ้าลูกตะพาบน้อยตัวนี้ เช่นนั้นข้าก็จะพามันไปพบกับท่านอาจารย์ใหญ่ด้วย ให้ท่านอาจารย์ใหญ่ได้ดูว่าขอทานที่เจ้าเพิ่งเก็บเข้ามาใหม่นี้เป็นขยะประเภทไหน!” เหอชิวเซิงรู้สึกหงุดหงิดราวกับว่าเขาถูกตบหน้าฉาดใหญ่ เขาดึงมือกลับไปอย่างโกรธแค้นในขณะที่ปากก็สาปแช่งพวกเขาอย่างโหดร้าย
—————————————
[1] สุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ หมายถึงแอบอ้างบารมีข่มเหงผู้อื่น