ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 41 เมืองผี (2)ตอนที่ 42 เมืองผี (3)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 41 เมืองผี (2)ตอนที่ 42 เมืองผี (3)
ตอนที่ 41 เมืองผี (2)
โชคไม่ดีนักที่ไม่มีหนังสือเล่มไหนในห้องหนังสือของจวนหลินอ๋องเหมาะกับการบ่มเพาะของนางเลย
ตำราฝึกยุทธส่วนใหญ่ในโลกใบนี้ ล้วนอ้างอิงมาจากประเภทของภูติวิญญาณ
ภูติวิญญาณประเภทอาวุธและสัตว์ร้ายนั้น ต่างก็มีวิธีการบ่มเพาะที่แตกต่างกันออกไปโดยสิ้นเชิง
หนึ่งปลดปล่อยจากภายใน ส่วนอีกหนึ่งมุ่งเน้นที่ภายนอก
แต่ว่าภูติวิญญาณของจวินอู๋เสียนั้นกลับไม่ได้จัดอยู่ในทั้งสองประเภทนี้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนรูปแบบไหนล้วนไม่เหมาะกับนางทั้งสิ้น
หากไม่มีตำราฝึกยุทธ ก็ไม่มีทางเพิ่มพลังวิญญาณได้ และความแข็งแกร่งของนางก็จะเป็นเพียงความเพ้อฝัน!
จะหาตำราฝึกยุทธที่เหมาะกับนางได้อย่างไรกัน เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาหลักที่ทำให้จวินอู๋เสียปวดหัวเป็นที่สุด
นางไม่คาดหวังว่าจะหาวิธีที่เหมาะสมได้จากจวนหลิงอ๋องอีกต่อไป
ขณะที่หญิงสาวกำลังคิดอย่างหมดหวัง ชื่อสถานที่หนึ่งก็วาบเข้ามาในหัวสมองของนาง
จากความทรงจำของร่างนี้ มันมีสถานที่ลึกลับหนึ่งตั้งอยู่ในใจกลางเมืองหลวงแห่งนี้เอง ที่นั่นไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของผู้คนมากนัก แต่กลับมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก
มันเป็นตลาดใต้ดินที่ซ่อนตัวอยู่ใต้สายตาคนเมืองหลวง สิ่งของมากมายที่หาไม่ได้จากในตลาดทั่วไปล้วนมีขายที่นั่นแทบทั้งหมด ยกเว้นเพียงของธรรมดาเท่านั้นที่หาซื้อไม่ได้
เพียงแต่วิธีการค้าขายเหล่านั้นแตกต่างจากที่อื่นมาก สิ่งของที่วางขายอยู่ที่นั่นไม่สามารถซื้อหาได้ด้วยเงินธรรมดา แต่ต้องนำสิ่งของที่มีค่าเทียบเท่ากันมาแลกถึงจะใช้ได้
หากเจ้าต้องการของที่อยู่ในมือผู้อื่น เจ้าก็ต้องมีของที่ฝ่ายต้องการเสียก่อน
ใช้ของแลกของนั่นเอง
เจ้าของร่างเดิมเคยได้ไป ’เดินเที่ยว’ กับมั่วเซวี่ยนเฝ่ยที่นั่นครั้งหนึ่ง นางไม่เคยรับรู้ถึงการมีอยู่ของมันมาก่อนแม้ว่านางจะเติบโตมาในเมืองหลวงแห่งนี้ก็ตาม จนกระทั่งเขาพานางไป
จวินอู๋เสียไม่ได้ชื่นชอบที่นั่นมากนัก เพราะมันทั้งมืดและมีบรรยากาศชวนอึดอัด ดังนั้นหลังจากครั้งนั้นที่นางไปเดินกับมั่วเซวี่ยนเฝ่ย จวินอู๋เสียก็ไม่เคยไปเหยียบที่นั่นอีกเลย
แต่ว่าตอนนี้ ‘ที่นั่น’ กลับเป็นโอกาสเดียวที่จะทำให้จวินอู๋เสียหาตำราฝึกยุทธพบ ดังนั้นนางจึงจำเป็นต้องไปที่แห่งนั้นอีกรอบ
ใบหน้าของจวินอู๋เสียค่อนข้างมีชื่อเสียงในเมืองหลวงแห่งนี้ นางไม่สามารถเดินออกนอกจวนด้วยใบหน้าเช่นนี้ได้ จึงบดสมุนไพรเจ็ดแปดชนิดจนละเอียดแล้วนำไปผสมรวมกันก่อนจะทาลงบนใบหน้า เพียงเท่านี้ก็สามารถปรับเปลี่ยนเค้าโครงบนใบหน้าได้ระดับหนึ่ง หลังจากแต่งแต้มมันเพิ่มอีกเล็กน้อย การปลอมตัวที่สมบูรณ์แบบก็เสร็จสิ้น นางมั่นใจว่าไม่มีใครสามารถหาพิรุธใดๆ บนใบหน้าของนางได้อย่างแน่นอน!
รูปลักษณ์ของหนุ่มน้อยหน้าหวานสะท้อนอยู่ในกระจกที่ตั้งอยู่ในห้อง จวินอู๋เสียเปลี่ยนไปแต่งกายด้วยชุดบุรุษสีขาวเรียบง่าย เพียงพริบตาจากหญิงสาวก็แปรเปลี่ยนเป็นคุณชายผู้มีบรรยากาศคล้ายกับบัณฑิตรอบตัว
ก่อนไปตลาดใต้ดิน นอกจากปลอมตัวแล้วจวินอู๋เสียยังต้องเตรียม ‘เงินตรา’ สำหรับไว้ใช้ที่นั่นด้วย จวินอู๋เสียรู้ดีว่าเงินธรรมดาในสถานที่แห่งนั้นไม่ได้มีค่าอะไรเลย มีเพียงของดีเท่านั้นถึงจะสามารถแลกเปลี่ยนกับของที่ตัวเองต้องการได้ โชคดีที่ว่าช่วงนี้จวินอู๋เสียปรุงโอสถวิเศษกักตุนไว้เยอะ จึงมีมันเหลืออยู่ในห้องปรุงยาไม่น้อย
เพื่อเร่งให้สุขภาพร่างกายของจวินเสี่ยนและจวินชิงฟื้นฟูกลับมาได้เร็วยิ่งขึ้น จวินอู่เสียจึงเตรียมโอสถวิเศษสำหรับบำรุงร่างกายไว้ให้พวกเขาได้ใช้ไม่ขาด
หญิงสาวเลือกหยิบขวดกระเบื้องสีขาวขนาดเล็กสองสามขวดพกติดตัวไว้ อาศัยช่วงเวลากลางคืนแอบออกไปทางประตูหลังของจวนหลินอ๋อง
เมืองหลวงในยามค่ำคืนดูเงียบสงบมาก นี่เป็นครั้งแรกที่จวินอู๋เสียก้าวออกจากจวนหลินอ๋องหลังจากที่นางกลับมาเกิดใหม่ หญิงสาวเดินแตร่ไปตามทางที่ยังเหลืออยู่ในความทรงจำ มุ่งหน้าสู่ตลาดใต้ดินที่แสนลึกลับ
ที่หน้าทางเข้าตลาดใต้ดิน เสี่ยวเอ้อร์คนหนึ่งกำลังนอนฟุบหัวลงกับโต๊ะอย่างเกียจคร้าน ภายในร้านอาหารที่หน้าตาธรรมดาๆ ไม่ได้ต่างไปจากร้านทั่วไป ใครจะคิดเล่าว่ามันจะมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ หลังจากเสี่ยวเอ้อร์สังเกตเห็นหนุ่มน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาก็บิดตัวอย่างเกียจคร้าน มิได้กล่าววาจาต้อนรับใดๆ ออกไป เพียงรอให้อีกฝ่ายเดินเข้าไปหาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
……….
ตอนที่ 42 เมืองผี (3)
ทางเข้าของตลาดใต้ดิน อยู่ที่สวนด้านหลังของร้านที่ไม่สะดุดตานี้เอง
เดินทะลุจากห้องโถงใหญ่ไปยังลานด้านหลัง จะมองเห็นบันไดที่นำไปสู่ชั้นใต้ดิน มีบุรุษสองสามคนที่เพิ่งจะกลับขึ้นมาที่นั่น ทันทีที่พวกเขาเห็นจวินอู๋เสียก็ชะงักไป
“เจ้าเด็กนี่จะเข้าไปในเมืองผีคนเดียวหรือนี่ ช่างหาได้ยากจริงๆ” ชายคนหนึ่งกระซิบบอกกับสหายสองสามคำแล้วจากไป
เมืองผี เป็นชื่อที่คนที่นี่ตั้งให้กับตลาดใต้ดินแห่งนี้
จวินอู๋เสียเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ หลังจากผ่านบันไดที่มืดสลัว ก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้นที่ปลายทาง
ตลาดใต้ดินนี้ช่างใหญ่โตยิ่งนัก! คล้ายเป็นเหมือนโลกอีกใบหนึ่ง เมื่อเทียบกับความเงียบเหงาของเมืองหลวงในยามราตรี ที่นี่ครึกครื้นและวุ่นวายกว่ามากโข
ผู้คนในตลาดเดินกันขวักไขว่ไปทั่ว ที่นี่ไม่มีร้านค้าที่เป็นหลักเป็นแหล่ง แต่มีแผงขายของขนาดเล็กที่ตั้งขึ้นชั่วคราว ตัวแผงเหล่านั้นประกอบขึ้นจากไม้ซี่เล็กๆ สูงราวครึ่งตัวคน และสินค้าที่จะขายก็ถูกจัดเรียงไว้บนนั้น
ที่ทางเข้าเมืองผี มีบุรุษรูปร่างสูงใหญ่สองคนยืนตัวตรงเฝ้าอยู่ที่ปากทางเข้าทั้งด้านซ้ายและด้านขวา บนหน้าของพวกเขาสวมใส่หน้ากากปีศาจปกปิดโฉมหน้าไว้ เหลือเปิดเพียงดวงตาที่เงียบสงบและเฉียบคมคู่หนึ่ง
เมื่อจวินอู๋เสียเดินผ่านหน้าพวกเขาไป พวกไม่แม้แต่จะขยับหางตา
เหมียว? เจ้าแมวดำตัวน้อยเดินตามหลังจวินอู๋เสีย มันกวาดสายตามองความครึกครื้นที่ซ่อนอยู่ใต้ดินแห่งนี้อย่างสนใจ
เจ้านาย แล้วพวกเราจะหาตำราฝึกยุทธของท่านได้อย่างไรล่ะ
“พวกเราควรจะเดินดูรอบๆ ก่อน” จวินอู๋เสียยังมีความหวังอยู่เล็กน้อย
“หากว่าสามารถใช้งานได้ หลังจากเข้าใกล้ดอกบัวขาวจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบเอง” จวินอู๋เสียอธิบายด้วยเสียงเบา นางขุดตำราฝึกยุทธทั้งห้องหนังสือออกมาดูหมดแล้ว แต่กลับไม่สามารถใช้ได้แม้แต่เล่มเดียวเพราะเจ้าดอกบัวขาวน้อยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย
ภูติวิญญาณมีจิตวิญญาณของตัวเอง พลังวิญญาณที่ทุกคนใช้บ่มเพาะนั้นก็คือพลังที่ภูติวิญญาณใช้ยกระดับพัฒนาพลังของพวกมัน ถ้าหากภูติวิญญาณไม่ยอมรับตำราฝึกยุทธล่ะก็ เจ้าถ่างตาอ่านให้ตายก็ไร้ประโยชน์!
เหมียว เจ้าโง่นั่นสามารถรับรู้ถึงมันได้จริงหรือ
เจ้าแมวดำแทบไม่ตั้งความหวังอะไรกับดอกบัวขาวที่รู้แต่ร้องไห้ไปวันๆ
“ลองหาดูก่อนเถอะ” จวินอู๋เสียเองก็ไม่แน่ใจ ที่จวนหลินอ๋องนางลองหาดูหมดแล้ว สถานที่แห่งนี้จึงเป็นความหวังเดียวของนางในยามนี้
พื้นที่ของเมืองผีใหญ่มาก ทว่าร่างเล็กของจวินอู๋เสียกลับเดินไปข้างหน้าท่ามกลางฝูงชน ผ่านแผงขายของมากมายโดยไม่แม้แต่จะหยุดมอง เวลานี้ด้วยในหัวของจวินอู๋เสียมีแต่เรื่องของตำราฝึกยุทธ จึงไม่มีสิ่งอื่นใดสามารถเรียกความสนใจจากนางได้เลย หากเปลี่ยนเป็นคนธรรมดา เข้ามาที่นี่ครั้งแรกน่ากลัวว่าจะมองโน่นนี่จนตาลายไปหมดแล้ว แต่ว่าจุดประสงค์ของจวินอู๋เสียนั้นชัดเจนมาก นอกจากสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตำราฝึกยุทธ ต่อให้มันน่าสนใจแค่ไหนก็ดึงดูดนางไม่ได้
ทว่า..
เมื่อกลุ่มคนมารวมตัวกันมากเข้า กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ก็เกิดขึ้น ทั้งกลิ่นเหงื่อ กลิ่นแป้งหอม ยิ่งที่หน้าร้านแต่ละร้านมีคนเบียดเสียดกันมิใช่น้อย อุณหภูมิโดยรอบจึงเพิ่มขึ้นตามส่งให้เหม็นอับเข้าไปใหญ่ กอปรกับในพื้นที่นี้แทบไม่มีที่ระบายอากาศเลย กลิ่นอันไม่พึงประสงค์เหล่านั้นจึงผสมปนเปตลบอบอวลไปทั่ว
สำหรับคนอื่น กลิ่นเพียงเท่านี้ย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะสิ่งของใหม่ๆ มากมายดึงดูดความสนใจของพวกเขาไปจนหมดแล้ว คงไม่มีใครมาสนใจกับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้
อย่างไรก็ตามจวินอู๋เสียแตกต่างออกไป ทั้งหมดนี้มันทำนางเกือบจะบ้า!
จวินอู๋เสียขมวดคิ้วมุ่นท่ามกลางฝูงชนที่แออัด พยายามหลีกเลี่ยงทุกการสัมผัสจากทุกคนเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ทว่ากลิ่นที่ลอยอยู่ในอากาศทุกแห่งหนนั้น นางไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย
ข้าสาบานว่าจะไม่มาเหยียบที่นี่เป็นครั้งที่สองอีก!
เจ้าแมวน้อยที่เดินตามหลังจวินอู๋เสียไปติดๆ สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเจ้านายของมันใกล้จะสติแตกเต็มทีแล้ว
สำหรับเจ้านายมันที่มีนิสัยรักความสะอาดมากๆ สถานที่เช่นนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปจากนรกดีๆ นี่เอง
………..