ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 415 ใส่ร้ายป้ายสี (7) ตอนที่ 416 ใส่ร้ายป้ายสี (8)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 415 ใส่ร้ายป้ายสี (7) ตอนที่ 416 ใส่ร้ายป้ายสี (8)
ตอนที่ 415 ใส่ร้ายป้ายสี (7) / ตอนที่ 416 ใส่ร้ายป้ายสี (8)
ตอนที่ 415 ใส่ร้ายป้ายสี (7)
‘ประโยคเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม’ ของอิ่นเหยียน ทำให้หลี่จื่อมู่ที่ไม่กล้าเอ่ยอะไรตกใจเป็นอย่างมาก วันนี้ตอนที่เขาไปที่สาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณ แม้ว่าเขาจะได้พบกับอิ่นเหยียนเพียงครั้งเดียว แต่ศิษย์พี่คนนี้ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าที่ดีใส่เขาเลย หลี่จื่อมู่ไม่เคยคิดว่าอิ่นเหยียนของสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณจะโจมตีจวินอู๋เสียเยี่ยงนี้
แต่ฟังจากคำพูดของอิ่นเหยียนแล้วเห็นได้ชัดว่าอิ่นเหยียนเชื่อคำพูดของเขา หลี่จื่อมู่จึงรู้สึกมั่นใจขึ้นมาทันที
เขาจึงฉวยโอกาสที่เขายังมั่นใจอยู่กล่าวออกมาว่า “จริงๆ แล้ว ข้าไม่อยากมีปัญหากับจวินเสียเพราะเรื่องนี้เลย แต่ข้าแค่หวังว่าเขาจะกล่าวขอโทษข้า ถ้าเขารู้ว่าผิดแค่กล่าวคำขอโทษ ต่อไปเราก็ยังคงเป็นศิษย์พี่น้องกัน แล้วเรื่องนี้ก็จะผ่านไป”
หลี่จื่อมู่และอิ่นเหยียนเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ทำให้จวินอู๋เสียดูเป็นคนไร้ยางอายและไม่สำนึกผิด
ฟ่านจิ่นเดือดดาลแทบคลั่ง
แต่จวินอู๋เสียกลับมองอิ่นเหยียนและหลี่จื่อมู่ด้วยสีหน้าเย็นชา
เหมียววว
เจ้านาย สองคนนี้สมคบกันทำลายชื่อเสียงของท่าน ให้ข้าไปขย้ำพวกเขาให้ตายเถิด
เจ้าแมวดำเพิ่งตื่นจึงไม่ทันขยับกล้ามเนื้อและกระดูก มันกำลังเลียเขี้ยวอันแหลมคมของมัน ถ้าเมื่อครู่มิใช่เพราะฟ่านจิ่นปรากฎตัว มันกับจวินอู๋เสียก็คงส่งเจ้าโง่พวกนี้ขึ้นสวรรค์ไปแล้ว ไม่มีทางปล่อยให้พวกเขามาพูดเรื่องไร้สาระอยู่แบบนี้
“ไม่ต้องรีบ” จวินอู๋เสียหรี่ตาลง
ถ้าพวกเขาอยากเล่นข้าก็จะเล่นกับพวกเขา
เวลายังอีกยาวไกล ข้าจะคืนทุกอย่างในวันนี้ให้พวกมันเป็นร้อยเท่า!
เมื่อบรรยากาศในโรงอาหารเริ่มกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ จวินอู๋เสียที่เงียบมานานก็พูดขึ้นมาว่า “ศิษย์พี่ฟ่าน ไปทานอาหารกันเถิด”
น้ำเสียงเย็นชานั้นดังก้องอยู่ในโรงอาหาร จนทำให้จิตใจที่กระสับกระส่ายของผู้คนในโรงอาหารสงบลงในทันใด
ฟ่านจิ่นตกตะลึงไปครู่หนึ่งแล้วมองจวินอู๋เสียที่มีสีหน้าปกติด้วยความประหลาดใจ
เจ้าเด็กคนนี้ไม่รู้สถานการณ์ตอนนี้หรือ นางยังมีอารมณ์ทานอาหารอยู่อีกหรือ
หากไม่จัดการเรื่องของวันนี้ให้ดี แม้ว่าจวินอู๋เสียจะสามารถอยู่ที่สำนักศึกษาเฟิงหัวต่อไปได้คิดว่าชีวิตต่อจากนี้ของนางก็คงจะไม่สงบสุข
เข้าสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณแทนที่คนอื่น ความผิดนี้จะติดตัวจวินอู๋เสียไปตลอด ไม่ว่าต่อไปนางจะไปสาขาใด ทั้งอาจารย์และลูกศิษย์คนอื่นก็จะมองนางด้วยสายตาอคติ
อย่างไรก็ตาม จวินอู๋เสียกลับไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ หลังจากนางพูดจบ นางก็หันหลังแล้วเดินจากไปทันที
นางไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของนางได้จนกว่าจะพบวิธีการปรับปรุงทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณ แต่ถ้านางพบวิธี…
ดวงตาที่เย็นชาของจวินอู๋เสียฉายเจตนาฆ่าออกมา
ฟ่านจิ่นจ้องไปที่แผ่นหลังของจวินอู๋เสียอย่างงุนงง ไม่นานก็รู้สึกตัวขึ้นมาแล้วรีบวิ่งตามออกไป ตอนนี้เขาไม่กล้าปล่อยให้จวินอู๋เสียเดินเตร่ไปทั่วสำนักศึกษาเฟิงหัวคนเดียวอย่างแน่นอน
เดิมทีคิดว่าการต่อสู้อันดุเดือดกำลังจะเริ่มต้นขึ้น แต่เจ้าหนูที่เป็นต้นเหตุกลับหันหลังแล้วเดินจากไปด้วยท่าทางสบายๆ โดยไม่มีคำอธิบายหรือคำขอโทษใดๆ ทั้งสิ้นราวกับว่าเรื่องทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนาง นางเป็นแค่คนนอก
อย่าว่าแต่ลูกศิษย์คนอื่นๆ ในโรงอาหารตกตะลึงเลย เพราะแม้แต่อิ่นเหยียนก็ทำอะไรไม่ถูกกับการกระทำของจวินอู๋เสีย เขาเตรียมคำพูดมากมายมาว่าฟ่านจิ่นเพื่อทำลายชื่อเสียงของฟ่านจิ่นในสำนักศึกษา แต่น่าเสียดายที่…จวินอู๋เสียไม่ได้ให้โอกาสนี้กับเขา
จวินอู๋เสียไม่รีบเร่งที่จะฆ่าคู่ต่อสู้ของนางในทันที ถ้านางยังไม่มั่นใจว่าสามารถฆ่าทั้งหมดภายในครั้งเดียวได้หรือไม่
เมื่อเห็นว่าฟ่านจิ่นและจวินอู๋เสียได้หายไปจากหน้าประตูโรงอาหารแล้ว หลี่จื่อมู่ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็รีบวิ่งมาหยุดอยู่ที่ด้านข้างของอิ่นเหยียน โค้งคำนับแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณศิษย์พี่ที่เรียกร้องความเป็นธรรมให้ข้า”
……….
ตอนที่ 416 ใส่ร้ายป้ายสี (8)
อิ่นเหยียนรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อทำเป้าหมายไม่สำเร็จ แต่เมื่อได้ยินเสียงประจบประแจงของหลี่จื่อมู่ เขาก็หันศีรษะและจ้องเขม็งไปที่หลี่จื่อมู่
เรียกร้องความเป็นธรรมหรือ
ใครอยากจะไปช่วยเขาขยะอย่างเจ้า
ขณะที่อิ่นเหยียนกำลังจะกล่าวออกมา ก็มีร่างหนึ่งปรากฏตัวด้านข้างอิ่นเหยียนในทันที
“ในเมื่อเจ้ากับเสี่ยวเหยียนเป็นลูกศิษย์ของสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณเหมือนกัน เขาก็ต้องปกป้องเจ้าไม่ให้เจ้าถูกรังแกอยู่แล้ว” หญิงสาวที่ดูงดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มที่สวยงามบนใบหน้าของนาง ทำให้หลี่จื่อมู่ตกตะลึงในทันที
หลี่จื่อมู่จ้องไปที่หญิงสาวผู้งดงามตรงหน้าเขาอย่างไม่วางตา
“ศิษย์พี่หนิง” อิ่นเหยียนกลืนคำพูดที่จะกล่าวออกมาทันทีเมื่ออยู่ต่อหน้าศิษย์พี่หนิง
ศิษย์พี่หนิงยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยนแล้วหันไปมองหลี่จื่อมู่ที่ตกตะลึงอยู่และกล่าวว่า “เจ้าสามารถเข้าสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณได้เพราะความสามารถของเจ้าเอง ต่อไปเจ้าก็สนิทสนมกับเสี่ยวเหยียนเอาไว้”
“ขอ…ขอรับ…ศิษย์…ศิษย์พี่หนิง” เมื่อตกตะลึงกับความงามที่อยู่ตรงหน้า หลี่จื่อมู่จะมีสติได้อย่างไร เขาทำได้เพียงเรียกตามอิ่นเหยียนเท่านั้น
ศิษย์พี่หนิงยิ้มเล็กน้อยแล้วส่งสายตาให้อิ่นเหยียนและทั้งคู่ก็เดินออกจากโรงอาหารไป
จนพวกเขาเดินออกจากโรงอาหารแล้ว หลี่จื่อมู่ก็ยังไม่รู้สึกตัว
หลังออกมาจากโรงอาหาร ใบหน้าของอิ่นเหยียนก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“เพราะเหตุใดศิษย์พี่หนิงจะต้องไปเสียเวลาเสวนากับขยะแบบนั้นด้วย แม้ว่าท่านอาจารย์จะรับเขา แต่ท่านอาจารย์ก็ไม่ได้ให้คำแนะนำพิเศษใดๆ แก่เขาเลย” เมื่อเห็นศิษย์พี่หนิงยิ้มให้หลี่จื่อมู่ อิ่นเหยียนก็รู้สึกอึดอัดในใจ
หลี่จื่อมู่เป็นคนหน้าซื่อใจคดและขี้ขลาดตาขาว อิ่นเหยียนไม่เห็นค่าของเขาแม้แต่น้อย
ศิษย์พี่หนิงเหลือบมองอิ่นเหยียนและรอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ค่อยๆ จางหายไป “เสี่ยวเหยียน เจ้าคิดว่าคนที่ท่านผู้อาวุโสกู้รับเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวจะเป็นคนธรรมดาหรือ แม้ว่าหลี่จื่อมู่จะดูโง่เขลา แต่ก็ต้องมีเหตุผลที่ท่านผู้อาวุโสกู้รับเขาเป็นลูกศิษย์ และเจ้าจงจำไว้ว่าต่อหน้าเขาก็ทำดีกับเขา ถ้ามีประโยชน์กับเราก็ยิ่งดี”
อิ่นเหยียนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เก็บความไม่พอใจบนใบหน้าอย่างรวดเร็ว ก้มศีรษะคำนับแล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่หนิงพูดถูก ข้าโง่เขลาเอง”
“ผู้เยียวยาจิตวิญญาณนั้นมีน้อย มีหนึ่งคนก็ถือว่าเป็นกำลัง ถึงแม้ว่าหลี่จื่อมู่จะดูโง่เขลาเล็กน้อย แต่เขาก็เป็นคนที่ควบคุมได้ง่ายและความขัดแย้งระหว่างเขากับจวินเสียก็เป็นจุดอ่อนที่ดี ดูจากการที่ฟ่านจิ่นปกป้องจวินเสียในวันนี้ เจ้ามองไม่ออกหรือว่าฟ่านจิ่นให้ความสำคัญกับเจ้าเด็กคนนั้นมากเพียงใด ถ้าเจ้าต้องการให้ฟ่านจิ่นไม่พอใจ เจ้าก็ต้องลงมือกับศิษย์น้องของเขา ฟ่านจิ่นเป็นคนที่ระมัดระวังมากจึงเป็นเรื่องยากที่เจ้าจะหาจุดอ่อนของเขาได้ แต่ถ้าเจ้าจะหาจุดอ่อนของจวินเสียนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก” ศิษย์พี่หนิงยิ้มเล็กน้อย ผู้ที่มีจุดอ่อนเป็นผู้ที่โจมตีได้ง่ายที่สุด
ดวงตาของอิ่นเหยียนเป็นประกายเล็กน้อยและเขาเข้าใจคำพูดของศิษย์พี่หนิงในทันที
“ศิษย์พี่หนิงวางใจเถิด ข้าจะเข้ากับหลี่จื่อมู่ให้ดี และข้าจะไม่ปล่อยให้จวินเสียกับฟ่านจิ่นได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอย่างแน่นอน”
ศิษย์พี่หนิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“ถ้าต่อไปจวินเสียไม่สามารถอยู่สำนักศึกษาเฟิงหัวต่อไปได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเขาอยู่ก็ใช้ประโยชน์จากหลี่จื่อมู่ให้ดี วันที่ยากลำบากของเขาเพิ่งจะเริ่มต้น ทำอะไรก็ทำให้เรียบร้อยอย่าให้ผู้อื่นเห็นข้อบกพร่องได้ ถ้าสามารถทำให้จวินเสียสร้างปัญหาใหญ่ได้ ฟ่านจิ่นที่เป็นผู้ดูแลเขา แม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องก็ต้องโดนอาจารย์ใหญ่ตำหนิอย่างแน่นอน”
“ขอรับ”
ในขณะที่ศิษย์พี่หนิงกับอิ่นเหยียนกำลังปรึกษาว่าจะใช้จวินเสียโจมตีฟ่านจิ่นอย่างไร
ฟ่านจิ่นได้ทิ้งปัญหาทั้งหมดแล้วพาจวินอู๋เสียเดินผ่านสำนักศึกษาเฟิงหัวมาถึงลานหนึ่งที่อยู่ตรงมุมของสำนักศึกษา
………..