ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 471 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สอง (5) ตอนที่ 472 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สอง (6)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 471 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สอง (5) ตอนที่ 472 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สอง (6)
ตอนที่ 471 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สอง (5) / ตอนที่ 472 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สอง (6)
ตอนที่ 471 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สอง (5)
“พวกเจ้าเป็นใครกันแน่” เรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าฟ่านจิ่นยังไม่เข้าใจเจตนาของคนกลุ่มนี้อีก การที่เขามีชีวิตอยู่มาเกือบยี่สิบปีก็นับว่าเปล่าประโยชน์จริงๆ
แต่เขาไม่เคยคิดฝันเลยว่าจะมีใครต้องการเอาชีวิตของเขา!
“คนที่ปลิดชีวิตเจ้าอย่างไรเล่า” ศิษย์คนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มเยาะเย้ย กวาดสายตามองไปทางจวินอู๋เสียและคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ฟ่านจิ่นอย่างชั่วร้าย
“ศิษย์ตึกรองคนใดหากยังไม่อยากตาย เช่นนั้นก็จงรีบไสหัวไปเสีย หากว่าเรื่องในวันนี้หลุดรอดออกไปแม้แต่คำเดียว ข้าจะตามไปเอาชีวิตพวกเจ้า!”
เฉียวฉู่และคนอื่นๆ ข้ามองเจ้า เจ้ามองข้า สบตากันแล้วหลุดหัวเราะขำออกมา บนใบหน้าของเฉียวฉู่ เผยให้เห็นถึงท่าทีเหยียดหยามและดูแคลนอีกฝ่ายอย่างแท้จริง เขาหันไปถามจวินอู๋เสียว่า “คนพวกนี้…”
จวินอู๋เสียหรี่ตาลงเล็กน้อย “ฆ่า”
“รับทราบ!”
จากนั้นกลุ่มคนที่นำโดยเฉียวฉู่ ฮวาเหยา เฟยเยียน และหรงรั่วก็พุ่งขึ้นไปข้างหน้า
เฉียวฉู่กำหมัดของเขาแน่น เสียงดังกรอบแกร็บดังออกมาจากหมัดที่แสนทรงพลัง เขาบิดคอเล็กน้อยเป็นการยืดเส้นยืดสาย มองไปที่คนกลุ่มนั้นแล้วพูดว่า “ขอโทษด้วย พอดีพวกข้าไม่ได้วางแผนที่จะมอบชีวิตให้กับพวกจ้า แต่พวกเจ้านั่นแหละ จงยอมทิ้งชีวิตน้อยๆ ของพวกเจ้าไว้ที่นี่แต่โดยดีเสีย บางทีข้าอาจพิจารณาเหลือศพแบบครบถ้วนสมบูรณ์เอาไว้ให้พวกเจ้า”
ศิษย์คนที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คาดหวังว่าขยะจากตึกรองจะกล้าพ่นวาจาโอหังออกมาแบบนี้ เขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะแผดเสียงหัวเราะดังลั่น
“ขยะอย่างพวกเจ้าน่ะรึ! ช่างไม่เจียมตัว!”
เนื่องจากความเร็วของแสงสีเงินเมื่อสักครู่นี้เร็วมากเกินไป จึงไม่มีใครทันสังเกตเห็นว่ามันออกมาจากที่ไหน พวกเขาจึงเข้าใจว่าเป็นฝีมือของฟ่านจิ่นที่ตัดนิ้วของศิษย์คนนั้นทิ้ง อย่างไรเสียในตอนนั้นก็มีเพียงเขาคนเดียวที่ขยับ และท้ายที่สุดทักษะฝีมือของฟ่านจิ่นก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถประมาทได้ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า ความเข้าใจผิดและการสบประมาทศัตรูว่าอ่อนแอกว่าเช่นนี้ ได้ส่งพวกเขาก้าวเข้าไปในประตูนรกครึ่งก้าวแล้ว
“น้องเสีย เหลือไว้สักกี่คนดี” เฉียวฉู่ดึงหูตัวเองเล่น เขาไม่สนใจจะเสวนากับศิษย์ที่ใกล้ตายกลุ่มนี้แม้แต่น้อย
“หนึ่ง” จวินอู๋เสียกล่าว
“ไม่มีปัญหา!” เฉียวฉู่ยิ้มกว้าง และก่อนที่ศิษย์เหล่านั้นจะทันได้โต้ตอบอะไร ร่างนั้นก็กลายเป็นสายฟ้าและพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ฮวาเหยาและคนอื่นๆ ที่เหลือตามหลังเฉียวฉู่ไปติดๆ ความเร็วของพวกเขา เรียกได้ว่าเร็วมากชนิดที่มองตามไม่ทันเลย
ศิษย์คนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มเดิมยังแสดงท่าทีก้าวร้าวและอวดเบ่ง แต่เมื่อได้เห็นทักษะที่รวดเร็วปานสายฟ้าของทั้งสี่คน ความภาคภูมิใจและความมั่นใจแต่เดิมพลันก็ลดฮวบลงทันที ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบสนอง ร่างของเฟยเยียนก็ได้มาปรากฏตัวต่อหน้าศิษย์คนนั้นแล้ว หมัดที่แฝงไปด้วยพลังมหาศาล กระแทกเข้าที่กระดูกสันหลังของศิษย์คนนั้นเต็มแรง!
ได้ยินเพียงเสียงกระดูกหักดังลั่น!
ศิษย์คนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด กระดูกสันหลังของเขาที่หักเป็นท่อนๆ จากแรงกระแทก ทำให้เขาได้แต่นอนดิ้นพล่านอยู่บนพื้น โลหิตสีแดงสดกระอักออกมาจากปากไม่หยุด
“เหลือเจ้าไว้ก็แล้วกัน” เฟยเยียนยิ้มและมองไปที่ศิษย์คนนั้น จากนั้นเขาก็พลิกตัวกระโดดและตวัดเท้าถีบศิษย์อีกคนที่พุ่งเข้ามาหมายจะช่วยเหลือสหายของเขา
เสียงกระดูกหักดังลั่นในอากาศ และราวกับการเต้นรำท่ามกลางฝนโลหิตโปรยปราย ทั้งสี่ร่างกะพริบเคลื่อนไหวอยู่ท่ามกลางศิษย์ทั้งยี่สิบคน และเพียงพริบตาคนกว่าครึ่งก็ลงไปนอนบนพื้น!
คงไม่มีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มทั้งสี่คนนี้จากตึกรองซึ่งไม่เคยอยู่ในสายตาของพวกเขาเลยจะทรงพลังมากขนาดนี้ ภายใต้การโจมตีของเฉียวฉู่และคนอื่นๆ คนยี่สิบกว่าคนไม่มีแม้แต่ปัญญาจะโต้กลับพวกเขา!
ศิษย์คนแรกที่ถูกเฟยเยียนกระแทกหมัดใส่กระดูกสันหลังจนลงไปนอนดิ้นกับพื้น มองฉากนองเลือดที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เมื่อเห็นสหายของตนถูกฆ่าตายทีละคนๆ อย่างง่ายดาย ก็ให้รู้สึกว่าราวกับกำลังมองยมทูตใช้เคียวเกี่ยวคอพรากวิญญาณของพวกเขาไปทีละคนๆ
ศิษย์จากตึกรองทั้งสี่คนนี้…เป็นสัตว์ประหลาดแบบไหนกัน!
พวกเขาแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ได้อย่างไร!
จากที่แต่เดิมเคยคิดว่าในกลุ่มของจวินอู๋เสีย คงมีเพียงฟ่านจิ่นคนเดียวเท่านั้นที่สามารถต่อสู้ได้ แต่ความจริงที่เต็มไปด้วยเลือดตรงหน้า ก็ได้ตบหน้าเขาแรงๆ อย่างจัง!
ตอนที่ 472 ตบหน้าอย่างต่อเนื่องครั้งที่สอง (6)
ช่างเป็นเรื่องที่น่าหัวร่อที่สุด!
ฟ่านจิ่นหรือ
เมื่อเทียบกับฆาตกรที่แสนบ้าคลั่งทั้งสี่คนนี้ ความแข็งแกร่งของฟ่านจิ่นไม่พอให้พูดถึงด้วยซ้ำ!
ศิษย์คนที่ลงไปนอนกับพื้นในตอนแรก ได้แต่มองดูกลุ่มสหายของเขาถูกเชือดทีละคนอย่างไม่อาจทำอะไรได้เลย โลหิตของผู้ซึ่งร่วมขบวนการในครั้งนี้กระเซ็นเปื้อนไปทั่วทั้งร่างของเขา คราวนี้คราบเลือดที่ติดอยู่บนตัวไม่ใช่ของปลอมอีกต่อไป แต่มันคือเลือดจริงๆ ที่ทั้งอุ่นและสดใหม่…
ความกลัวค่อยๆ แผ่ขยายไปทั้งหัวใจของเขา ในขณะนี้เขาตระหนักได้ในทันทีว่า พวกเขาได้ประเมินความสามารถในการต่อสู้ของกลุ่มนี้ผิดไปตั้งแต่ต้น
พวกเขาคิดว่า ฟ่านจิ่นเป็นสมาชิกเพียงคนเดียวในกลุ่มนี้ที่สามารถต่อสู้ได้ ตราบเท่าที่ฟ่านจิ่นถูกกำจัดออกไป คนอื่นๆ ก็จะถูกฆ่าอย่างง่ายดายในทันที
แต่ตอนนี้ คนที่ถูกฆ่ากลับเป็นพวกเขาเอง…
หลังจากที่สหายคนสุดท้ายล้มลงไปในกองโลหิต ความหวาดกลัวในหัวใจของศิษย์คนแรกที่มีสถานะเป็นหัวหน้ากลุ่มก็ทะยานขึ้นถึงขีดสุด!
ทันใดนั้น วิสัยทัศน์ของเขาก็ถูกบดบังด้วยเงาร่างขนาดใหญ่ เขาเงยหน้าขึ้นไปมอง จนได้เห็นภาพของตัวเองกำลังสะท้อนอยู่ในดวงตาที่ว่างเปล่าและนิ่งสงบนั้น
“สวะ” จวินอู๋เสียก้มมองศิษย์คนนั้นที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสายตาเย็นชา
ศิษย์คนนั้นเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบากมาก แต่เมื่อได้สบกับดวงเนตรที่เย็นเฉียบของจวินอู๋เสีย เขาก็รีบก้มหน้างุด ความหวาดกลัวไม่สิ้นสุดกัดกินไปทั้งหัวใจ
นี่น่ะหรือคนขี้ขลาดที่วิ่งหนีข่าวลือไปซ่อนตัว! นี่น่ะหรือจวินเสียที่วันๆ เอาแต่เกาะขาสองพี่น้องสกุลฟ่าน!
ต่อให้ตีเขาให้ตาย เขาก็ไม่สามารถเชื่อมโยงจวินอู๋เสียที่น่าหวาดกลัวผู้นี้ กับจวินเสียที่ขี้ขลาดตาขาวผู้นั้นได้!
หลังจากได้ละเลงเลือดอย่างสนุกสนานไปครั้งหนึ่ง เฉียวฉู่ก็ลากตัวศิษย์ที่นอนอยู่บนพื้นเข้ามา
การกระทำที่รุนแรงนั้นทำให้กระดูกของศิษย์คนนั้นแทงทะลุเนื้อและโผล่พ้นชั้นผิวหนังออกมา เสียงครวญครางร่ำไห้ดังก้องป่าทึบ และใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดไปหมด
เมื่อถูกลากตัวเข้ามาและกระชากคอเสื้อขึ้นให้เผชิญหน้ากับจวินอู๋เสีย เขาก็หวาดกลัวจนหายใจไม่ออก
เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้านี้ทั้งผอมแห้งและตัวเล็กกว่าเขามาก แต่ไม่รู้ทำไมดวงตาคู่นั้นถึงทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนถูกจับโยนลงไปในห้องน้ำแข็งเย็นเยียบ แม้แต่กระดูกสันหลังก็ยังถูกแช่แข็งหนาวสะท้านไปหมด
จวินอู๋เสียชำเลืองมองฟ่านจิ่นที่ยืนอยู่ข้างๆ นาง “เจ้าอยากถามเองหรือไม่” เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายในการฆ่าครั้งนี้ก็คือฟ่านจิ่น
ฟ่านจิ่นกัดฟันแน่นและมองศิษย์คนนั้นที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยคราบโลหิต “ทำไมกัน”
ศิษย์คนนั้นเหงื่อไหลอย่างหนัก ภายใต้ความเจ็บปวดมากมายมหาศาลนี้ เขาไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะล้มเหลว หลังจากได้เห็นสหายของตัวเองถูกตัดศีรษะทีละคนๆ ความมั่นใจแต่เดิมที่มีก็สลายหายไปพร้อมกับสายลมและถูกแทนที่ด้วยสัญชาตญาณเอาชีวิตรอด ตอนนี้เขาเพียงต้องการมีชีวิตอยู่เท่านั้น จึงไม่กล้าเล่นลิ้นกับพวกเขาอีก
“อิ่นเหยียน…คืออิ่นเหยียนที่สั่งให้พวกเราทำเช่นนี้…ข้าขอร้อง ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ…แล้วข้าจะสารภาพทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ…” ศิษย์คนนั้นที่แสนหยิ่งผยอง บัดนี้กลับทำได้เพียงร้องไห้อ้อนวอน น้ำหูน้ำตาไหลอย่างขลาดกลัวและน่าสมเพช
“อิ่นเหยียนหรือ เขาจะฆ่าข้าไปทำไม” ฟ่านจิ่นไม่คิดเลยว่าคำตอบจะออกมาเป็นแบบนี้ เขาไม่ค่อยได้มีปฏิสัมพันธ์กับอิ่นเหยียนมากนัก จึงไม่รู้เลยว่าทำไมอิ่นเหยียนถึงได้เกลียดชังและเคียดแค้นเขามากถึงขนาดนี้
ในตอนนั้นที่โรงอาหารก็ทีหนึ่ง อิ่นเหยียนแสดงการเป็นปฏิปักษ์ต่อเขาอย่างเห็นได้ชัด แม้ต่อหน้าที่สาธารณะและกลุ่มศิษย์มากมาย เขาก็ยังกล้าจู่โจมเขา แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ฟ่านจิ่นไม่รู้เหตุผลจริงๆ
“ใช่แล้ว เป็นเขานั่นแหละ คือเขาที่วางแผนให้พวกเราล่อเจ้ามาที่นี่ ให้พวกเราแสร้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากที่เจ้าเข้ามาแล้ว ค่อยให้กลุ่มคนที่เหลือที่ดักซุ่มอยู่ล้อมสังหารเจ้า” ศิษย์คนนั้นพูดขณะลอบชำเลืองมองจวินอู๋เสียและอื่นๆ
แผนนี้สมบูรณ์แบบมากในตอนแรก ศิษย์คนแรกที่ออกไปเล่นบทขมขื่นและประสบความสำเร็จในการล่อลวงฟ่านจิ่นที่มีความยุติธรรมอย่างแรงกล้าเข้ามาติดกับ หลังจากนั้นทุกอย่างก็ดำเนินไปตามแผนจนกระทั่ง อุบัติเหตุเดียวคือพวกเขาประเมินความแข็งแกร่งของศิษย์ตึกรองที่อยู่รอบๆ ตัวฟ่านจิ่นเหล่านี้ต่ำเกินไป!
“เขาบอกพวกว่า ตราบเท่าที่สามารถฆ่าเจ้าได้ ในอนาคตเขาจะมอบประโยชน์ให้แก่เรามากมาย และจะยังช่วยรักษาวงแหวนภูติวิญญาณที่บาดเจ็บให้กับพวกเราอย่างไม่มีเงื่อนไขด้วย”