ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 49 ตบหน้าอย่างต่อเนื่อง (1)ตอนที่ 50 ตบหน้าอย่างต่อเนื่อง (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 49 ตบหน้าอย่างต่อเนื่อง (1)ตอนที่ 50 ตบหน้าอย่างต่อเนื่อง (2)
ตอนที่ 49 ตบหน้าอย่างต่อเนื่อง (1)
“ไม่ทราบว่าโอสถวิเศษนี่พอจะเข้าตาท่านผู้เฒ่าหรือไม่ขอรับ” ขณะที่มั่วเซวี่ยนเฝ่ยกำลังจมอยู่กับความคับข้องใจ เสียงเล็กๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากฝูงชนที่รายล้อมอยู่ ร่างเล็กร่างหนึ่งค่อยๆ เบียดตัวแทรกเข้ามา
เด็กหนุ่มรูปงามอายุประมาณสิบสี่ปี ถือขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวใบน้อยไว้มือข้างหนึ่ง เดินออกมาปรากฏตัวต่อหน้าฝูงชน เขาเดินไปที่แผงขายของขนาดเล็กภายใต้หลายสายตาที่จับจ้องมาอย่างฉงน ก่อนจะยื่นสิ่งที่อยู่ในมือให้กับชายชรา
“นี่เจ้าหนู ข้าว่าเจ้าอย่ากระโดดเข้ามาร่วมวงครึกครื้นนี้เลยจะดีกว่า ไม่เห็นหรือว่าแม้แต่เม็ดยาฉีอวิ๋นตาเฒ่านั่นยังไม่ชายตาแลเลย สวรรค์เถอะ นั่นเม็ดยาฉีอวิ๋นเชียวนะ อา! ขอเตือนเจ้าอีกคำอย่าคิดว่าจะเอาเม็ดยาสั่วๆ อะไรก็ได้ไปให้เขาดูเล่า ระวังจะโดนตาเฒ่านั่นปามันกลับมาใส่หัวเจ้า!” คนที่อยู่รอบด้านถูกการกระทำของชายชราในตอนนี้ทำให้หดหู่และไม่พอใจอย่างชัดเจน เสียงเอะอะมะเทิ่งที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต่างอะไรกับการราดน้ำมันลงบนกองไฟ
จวินอู๋เสียไม่สนใจผู้อื่น นางเพียงจ้องไปที่ชายชรา
ชายชราเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าแวบหนึ่ง ลุกขึ้นและคว้าขวดนั้นไป “เจ้าหนุ่ม เจ้าต้องการแลกเปลี่ยนมันกับสิ่งใด”
“ไข่มุกบูรพาขอรับ” จวินอู๋เสียตอบกลับ
“โอ้” ชายชราค่อยๆ เปิดฝาขวดออก ทันทีที่เขาเปิดมันกลิ่นหวานสดชื่นของสมุนไพรที่ผสมกับกลิ่นดอกบัวก็ลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณทันที ผู้ที่อยู่ใกล้พอที่จะได้สูดดมกลิ่นนั้นเข้าไปต่างก็รู้สึกได้เลยว่าทั้งจิตใจและร่างกายของพวกเขานั้นปลอดโปร่งขึ้น
เหล่าคนที่ยืนอยู่ใกล้แผงมากพอนั้น ไม่อาจหักห้ามตนเองไม่ให้เปล่งเสียงร้องอ้าน่าอายออกมาได้ ราวกับว่ารูขุมขนทั่วทั้งร่างกายของพวกเขายามนี้มันได้เปิดออกจนหมดภายใต้กลิ่นหอมจางๆ ของดอกบัวนี้
มันทำให้พลังวิญญาณยกระดับมากยิ่งขึ้น!
เมฆหมอกในแววตาของชายชราเลือนไปเหลือเพียงความใสกระจ่าง ความประหวั่นพรั่นพรึงทั้งหลายแผ่กระจายออกมาและฉายชัดบนใบหน้า เขายกศีรษะขึ้นมองไปยังจวินอู๋เสียด้วยสีหน้าสับสน
“เจ้าหนุ่ม โอสถวิเศษนี่คือสิ่งใดกัน มันมีชื่อเรียกหรือไม่” ชายชราถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“มันไม่มีชื่อขอรับ เป็นเพียงแค่เม็ดยาเสริมปราณและบำรุงโลหิตธรรมดาๆ เท่านั้น” จวินอู๋เสียไม่ได้สนใจที่จะตั้งชื่อให้กับมัน เพราะอย่างไรมันก็ถูกปรุงขึ้นเพียงเพื่อบำรุงร่างกายให้แก่จวินเสี่ยนและจวินชิงเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้
“เจ้ามียานี่กี่เม็ด ต้องการจะแลกเท่าใดรึ เอาอย่างนี้ไหม เจ้าให้ขวดนี้แก่ข้า แล้วของทุกอย่างในร้านข้ารวมถึงไข่มุกบูรพาทั้งเก้าเม็ดนี่เจ้าเลือกได้ตามใจชอบเลย ข้าให้เจ้าเพิ่มอีกสามชิ้นดีหรือไม่” จมูกของชายชราบานออก เขาถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พลางมองไปยังจวินอู๋เสียด้วยสายตาเป็นประกาย เขากุมเก็บขวดนั้นไว้ในอุ้งมืออย่างระมัดระวัง แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการส่งขวดกระเบื้องเคลือบนั้นคืนให้กับจวินอู๋เสีย
คำพูดของชายชราทำให้สถานการณ์ตรงหน้าไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป ฝูงชนโดยรอบต่างพากันเงียบอึ้งพูดอะไรไม่ออกกับข้อเสนอของเขา วินาทีต่อมาก็เกิดการระเบิดความคิดเห็นถกเถียงกันทันที พวกเขาจ้องมองไปยังจวินอู๋เสียอย่างเหลือเชื่อ
ตาแก่นี่ปฏิเสธไม่รับเม็ดยาฉีอวิ๋นก็ช่างเถิด แต่นี่เขากลับปรารถนาเม็ดยาไร้ชื่อที่มีที่มาที่ไปจากไหนก็ไม่รู้เนี่ยนะ
เป็นไปได้ไหมว่าเม็ดยาของเจ้าเด็กนั่นดีเสียยิ่งกว่าเม็ดยาฉีอวิ๋นอันเลื่องชื่อของท่านเจ้าสำนักชิงอวิ๋นเสียอีก
“ไม่ขอรับ ข้าต้องการแค่ไข่มุกบูรพาเท่านั้น” จวินอู๋เสียไม่สนใจสิ่งอื่นในแผง
“เจ้าไม่คิดดูก่อนเลยรึ” ชายชราพยายามเกลี้ยกล่อม เขามองนางอย่างกังวลพลางกำขวดในมือแน่นขึ้น ในใจแทบอยากกระโจนออกไปแล้วค้นเอาเม็ดยาไร้ชื่อบนตัวของเจ้าหนุ่มนี่ออกมาอีกสักสองสามเม็ด
“ไม่ล่ะขอรับ” จวินอู๋เสียขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความรำคาญ ตาแก่นี่ช่างเยิ่นเย้อเสียจริง!
“ถ้าอย่างนั้นโปรดบอกข้าว่าเจ้าต้องการสิ่งใด หากมีข้าจะแลกเปลี่ยนมันกับเจ้าดีหรือไม่” เขาก้มตัวลง เริ่มคุ้ยหาของบางอย่างจากถุงที่ซุกอยู่ใต้โต๊ะ ก่อนจะยกมันขึ้นในเวลาต่อมาแล้วเทมันลงบนแผงของร้านอย่างใจร้อน
หินวิญญาณที่ส่องแสงระยิบระยับกลิ้งลงมาจนเต็มแผงขายของเล็กๆ คุณภาพของหินวิญญาณเหล่านี้ดีกว่าที่วางขายในร้านก่อนหน้านี้เสียอีก!
ชั่วขณะนั้น ทุกคนต่างตกตะลึง จ้องมองไปยังกองหินวิญญาณล้ำค่าเหล่านั้น และสงสัยว่าพวกเขากำลังตื่นอยู่หรือเปล่า
“ข้าต้องการแค่ไข่มุกบูรพาเท่านั้นขอรับ” น้ำเสียงของจวินอู๋เสียเริ่มปรากฏร่องรอยความไม่พอใจขึ้นมาบ้างแล้ว กระนั้นหางตาของนางกลับมองไปยังกองหินวิญญาณจำนวนมากอย่างอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย
ชายชราตั้งท่าจะพูดบางอย่างออกมา ทว่าจู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งก้าวเข้ามายืนขวางระหว่างพวกเขาไว้เสียก่อน
………….
ตอนที่ 50 ตบหน้าอย่างต่อเนื่อง (2)
“คุณชายผู้นี้ ข้าสงสัยเหลือเกินว่าเจ้ายังมีโอสถวิเศษแบบขวดนั้นอีกหรือไม่ ข้ายินดีที่จะแลกเปลี่ยนสิ่งใดกับเจ้าก็ได้ ข้าเพียงแค่อยากให้หญิงคนรักของข้าได้ของขวัญที่คู่ควรกับนางเท่านั้น ได้โปรดช่วยให้ข้าสมปรารถนาด้วย” มั่วเซวี่ยนเฝ่ยก้าวเข้ามาคั่นระหว่างคนทั้งคู่อย่างหยิ่งผยองแล้วเอ่ยแจ้งความจำนงของเขาออกไป
เขาไม่รู้หรอกว่าเจ้าเด็กนี่มาจากที่ไหนหรือว่ามีใครหนุนหลังอยู่ แต่จุดประสงค์ของการมาเที่ยวครั้งนี้ก็เพื่อทำให้ไป๋อวิ๋นเซียนอารมณ์ดีขึ้น หากไม่ได้สิ่งของเหล่านี้มา ทุกสิ่งก็เปล่าประโยชน์ และเขาก็คิดหาวิธีทำให้นางร่าเริงไม่ออกแล้วด้วย
ตาแก่นี่ตาไม่ถึง ไม่เห็นคุณค่าของหยกในมือเขา ทั้งยังไม่ต้องการเม็ดยาฉีอวิ๋นอีก แต่ทว่าเขากลับมองโอสถวิเศษไร้ชื่อนั่นราวกับมันเป็นสมบัติเสียเต็มประดา! มั่วเซวี่ยนเฝ่ยต้องการจะแสดงให้ทุกคนประจักษ์ว่าสถานะและทรัพย์สินของเขานั้นสามารถทำให้เขามีทุกอย่างที่ต้องการได้ และตาแก่ที่โง่เง่านั่นควรจะตื่นจากความโง่เขลาของเขาเสียที!
จวินอู่เสียหรี่ตาลง มองไปยังมั่วเซวี่ยนเฝ่ยด้วยสายตาที่เย็นชา
เหอะ! เจ้าพวกราชวงศ์!
พวกที่จ้องแต่จะหาเรื่องรังแกท่านปู่และท่านอาเล็กที่รักของข้า
สมควรตายๆ ไปทั้งหมดเสีย!
เจ้าอยากได้เม็ดยาที่ข้าปรุงขึ้นมาเองหรือ ข้าเอาไปให้สุนัขรับประทานจะยังดีเสียกว่ามอบให้แก่เจ้า
“ไม่แลก” จวินอู๋เสียตอบเสียงเย็น
เจ้าต้องการยานี่เช่นนั้นหรือ
หากมิใช่ว่ายามนี้ยังไม่ถึงเวลาอันสมควร ข้าไม่ถือสาหากจะกรอกยาพิษใส่ปากเจ้า
ด้วยความเคารพย่างยิ่ง จะไม่คิดเงินเลยสักแดงเดียว!
หลังจากถูกตบหน้ากลางที่สาธารณะอีกครั้ง ใบหน้าของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยก็เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท
คราแรกที่ตาแก่นี่ปฏิเสธเขา มั่วเซวี่ยนเฝ่ยยังพอทนได้ แต่ในระยะเวลาไล่เลี่ยกันเจ้าเด็กนี่กลับ’ตบ’เขาซ้ำอีกฉาด! มั่วเซวี่ยนเฝ่ยไม่เคยรู้สึกอับอายเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต! ความโกรธเกรี้ยวที่มีทำให้ใบหน้าของเขาน่าเกลียดขนาดหนัก
อย่างไรก็ตามการเข้ามาขัดจังหวะในครั้งนี้ของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยก็ทำให้จวินอู๋เสียเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา
นางขยับตัวเข้าไปถามชายชราว่า “ข้าจะให้โอสถวิเศษท่านเพิ่มอีกสองขวดก็ได้ แต่ท่านต้องให้หินวิญญาณทั้งหมดที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับหินวิญญาณทั้งสองก้อนก่อนหน้านี้แก่ข้า” จวินอู๋เสียชี้ไปที่หินวิญญาณกองใหม่ที่ชายชราเพิ่งเทออกมาจากกระเป๋าอย่างลวกๆ
ทุกสายตาต่างเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง…เจ้าเด็กนี่มีโอสถวิเศษอยู่กี่ขวดกัน!
พวกเขามองดูเด็กหนุ่มผู้สุรุ่ยสุร่ายชี้นิ้วเลือกเหล่าหินวิญญาณราวกับกำลังเลือกซื้อหัวผักกาดในตลาดสด
หินวิญญาณสองก้อนนั่น ไม่ใช่ก้อนที่มั่วเซวี่ยนเฝ่ยกับไป๋อวิ๋นเซียนหมายตาไว้หรอกหรือ
การเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหันนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกคาดไม่ถึง ในตอนแรกเจ้าหนูนี่ปฏิเสธข้อเสนอของตาแก่นั่น แม้แต่มั่วเซวี่ยนเฝ่ยที่ยอมจ่ายอย่างใจป้ำเพื่อโอสถวิเศษไร้ชื่อเสียงก็โดนมันเมินเช่นกัน
ที่บ้าที่สุดก็คือ หลังจากมั่วเซวี่ยนเฝ่ยยื่นข้อเสนอ เจ้าเด็กนี่ก็ดันเปลี่ยนใจซะอย่างนั้น
คงไม่ใช่ว่า…
บัดนี้ความสนใจของทุกคนมารวมกันอยู่ที่คู่รักสูงศักดิ์ตรงหน้าอีกครั้ง พวกเขากำลังรอดูปฏิกิริยาของคนทั้งคู่อย่างอยากรู้อยากเห็น
เจ้าหนุ่มนี่มันฉลาดจริง! วิธียืมดอกไม้ถวายพระ[1] เช่นนี้ก็ยังคิดออกมาได้ ดูเหมือนว่าเจ้าหนุ่มนี่จะเข้าใจถึงความนัยที่ซ่อนอยู่ใต้ข้อเสนอนั่นของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยดี ตอนแรกที่ปฏิเสธเขาไป คงเพื่อทำให้เรื่องนี้จบได้อย่างสวยงามมากขึ้นกระมัง เขาเอาโอสถวิเศษที่มีแลกเปลี่ยนกับหินวิญญาณทั้งหมด นี่ไม่เพียงแต่จะสามารถมอบมันให้แก่มั่วเซวี่ยนเฝ่ยและไป๋อวิ๋นเซียนได้ ทั้งยังเหลือสมบัติชิ้นอื่นให้แก่ตัวเองด้วย จุ๊ๆ เจ้าหนุ่มนี่มองเพียงผิวเผินไม่ได้เลยจริงๆ
มั่วเซวี่ยนเฝ่ยเองก็คิดถึงเรื่องนี้ได้เช่นกัน การแสดงออกของเขาดีขึ้นเล็กน้อย
ตราบเท่าที่เจ้าหนุ่มตรงหน้ายอมแลกเปลี่ยนโอสถที่แสนวิเศษเหล่านี้เพิ่มอีกสองขวด ชายชราก็ไม่สนใจว่าต้องแลกเปลี่ยนกับสิ่งใดบ้าง นี่ถือเป็นการต่อรองที่ได้กำไรแล้วสำหรับเขา
“ตกลง ข้าจะนำมันมาให้เจ้าเดี๋ยวนี้” ชายชราหยิบหินวิญญาณไปพลางฮัมเพลงไปพลาง เขาไร้ซึ่งความลังเลใจใดๆ หลังจากเลือกเสร็จก็ยื่นมันส่งให้กับจวินอู๋เสียด้วยรอยยิ้ม
จวินอู๋เสียหยิบยาส่งให้เขาเพิ่มอีกสองขวดตามสัญญา
จวินอู๋เสียเก็บกล่องบรรจุไข่มุกบูรพาทั้งเก้าเม็ดอย่างระมัดระวัง แล้วหยิบเอาหินวิญญาณจำนวนหนึ่งขึ้นมา นางมองดูอัญมณีที่เปล่งแสงแวววาวในมือ จากนั้นก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าห่างจากมั่วเซวี่ยนเฝ่ยและไป๋อวิ๋นเซียนเพียงห้าก้าวเท่านั้น
การแสดงออกของทั้งสองคนดีขึ้น ทั้งคู่มีสีหน้าโล่งอก ในขณะที่แววตาที่ส่งไปยังจวินอู๋เสียแผดเผาไปด้วยความละโมบ
ทุกคนเห็นเพียงแต่ว่าเจ้าเด็กหนุ่มตรงหน้าหยิบหินวิญญาณทั้งสองก้อนขึ้นมาด้วยนิ้วของเขา
ขณะที่ผู้คนต่างเฝ้ารอให้เด็กหนุ่มยื่นของล้ำค่าพวกนี้ให้กับองค์ชายรองอย่างใจจดใจจ่อ
กร๊อบ!
หินจิตวิญญาณถูกสองนิ้วของจวินอู๋เสียบดขยี้จนแหลกละเอียดกลายเป็นผุยผง ภายใต้สายตาของทุกคน เศษชิ้นส่วนเล็กน้อยของมันก็ร่วงตกลงพื้นเหมือนดาวตกทอแสงแวววาว
ทุกคนจับจ้องไปยังเศษหินวิญญาณตรงหน้าและอ้าปากค้าง
จวินอู๋เสียเหลือบมองคู่รักเบื้องหน้าอย่างเฉยชา พร้อมกันนั้นก็ปัดเศษหินวิญญาณที่ติดอยู่ที่มือทั้งสองข้างและบนผิวหนังเหล่านั้นออก
เมื่อเทียบกับอัญมณีชนิดอื่นๆ หินวิญญาณนั้นมีราคาที่ไม่อาจประเมินค่าได้เลย ทว่าความเปราะบางคือข้อเสียอันใหญ่หลวงของมัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงได้ล้ำค่านัก เนื่องจากหากไม่ระวังให้ดี มันก็จะแตกสลายกลายเป็นฝุ่นผงไปอย่างง่ายดาย
…………….
[1] ยืมดอกไม้ถวายพระ หมายถึง เอาของผู้อื่นมาแสดงน้ำใจ