ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 537 รวมกลุ่มรนหาที่ (5) ตอนที่ 538 ตำบลชานหลิน (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 537 รวมกลุ่มรนหาที่ (5) ตอนที่ 538 ตำบลชานหลิน (1)
ตอนที่ 537 รวมกลุ่มรนหาที่ (5) / ตอนที่ 538 ตำบลชานหลิน (1)
ตอนที่ 537 รวมกลุ่มรนหาที่ (5)
“ไอ้สารเลวนั่น! หากมิใช่เพราะเขามีผู้มีพลังวิญญาณระดับสีม่วงเหล่านั้นอยู่เบื้องหลัง เขาคิดว่าตัวเองเก่งมากจากไหนหรือ!”
หนิงซินเดือดดาลแทบคลั่ง หากไม่เห็นว่าจวินอู๋เสียสนิทกับผู้มีพลังวิญญาณระดับสีม่วงเหล่านั้น นางไม่มีทางลดตัวมาตีสนิทกับคนที่ไร้ชื่อเสียงแบบจวินอู๋เสียอย่างแน่นอน ที่น่าโมโหกว่านั้นคือจวินอู๋เสียไม่เพียงแต่ไม่สำนึกบุญคุณ ยังไม่สนใจ ไม่ไว้หน้านางจนทำให้นางอับอายติดต่อกันสองครั้ง ทำให้หนิงซินผู้ที่หยิ่งมาโดยตลอดโกรธจนตัวสั่น
อิ่นเหยียนตกใจรีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อปลอบนางทันที “ศิษย์พี่หนิงอย่าได้ไปใส่ใจคนที่ไม่เห็นคุณค่าของผู้อื่นอย่างนั้นเลย ข้ารู้สึกว่านิสัยของจวินเสียนั้นแปลกประหลาดมาก ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่สบายใจ ในเมื่อเขาไม่สนใจอย่างนี้ ศิษย์พี่หนิงก็อย่าได้ไปหาเขาอีกเลย”
พูดตามตรง อิ่นเหยียนก็กลัวจวินอู๋เสียเช่นกัน ทุกครั้งที่เขานึกถึงเหตุการณ์ในป่าประลองวิญญาณ ตัวของเขาสั่นทุกที
หากมิใช่เพราะหนิงซินขอร้องเขา ให้ตาย เขาก็ไม่ไปยุ่งกับจวินอู๋เสีย
ตอนนี้ จวินอู๋เสียทำให้หนิงซินอับอายซ้ำแล้วซ้ำเล่า อิ่นเหยียนจึงใช้โอกาสนี้ทำลายความตั้งใจของ หนิงซินเพื่อจะได้อยู่ห่างจากเจ้าเด็กที่เย็นชาคนนั้น
หนิงซินกัดฟัน “เจ้าคิดว่าข้าอยากหรือ ถ้ามิใช่เพราะท่านพ่อ! ถ้ายังปล่อยให้จวินเสียอยู่ใกล้ฟ่านจิ่น เขาก็จะสนับสนุนฟ่านจิ่นเท่านั้น ช่วงนี้การใส่ร้ายป้ายสีข้าในสำนักศึกษายังไม่มากพอหรือ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ฟ่านจิ่นไม่ต้องลงมือ ทุกคนก็จะเหยียบข้าจนจมดินอย่างแน่นอน ทุกคนจะค่อยๆ ลืมเรื่องของเขา เขาก็จะกลายเป็นศิษย์พี่ฟ่านที่ทุกคนเคารพ ทุกสิ่งที่เราทำมาก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่า”
แม้ว่านางต้องการทุบกระดูกของจวินอู๋เสียให้เป็นขี้เถ้า แต่นางก็ต้องอดทนครั้งแล้วครั้งเล่า
หากมิใช่เพราะผู้มีพลังวิญญาณระดับสีม่วงเหล่านั้น นางจะไม่สนใจคนอย่างจวินอู๋เสียเลย
อิ่นเหยียนกลืนน้ำลายตัวเอง เมื่อพูดถึงฟ่านจิ่น ความเกลียดชังที่ถูกความกลัวระงับไว้ก็ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
หนิงซินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเปลี่ยนสีหน้าตัวเอง
“ในเมื่อพูดด้วยดีๆ ไม่ยอมทำตาม ก็คงต้องใช้กำลังบังคับ ในเมื่อจวินเสียไม่สนใจ ข้าก็ทำให้เขารู้ว่า การมาผูกมิตรกับข้านั้นดีต่อเขามากเพียงใด เมื่อถึงเวลานั้น เขาก็จะเข้าใจเองว่าใครคือตัวเลือกที่ดีที่สุด”
เรื่องตีสนิทจวินอู๋เสียเป็นงานที่ต้องทำให้สำเร็จ ไม่ว่าหนิงซินจะเกลียดชังแค่ไหน นางก็ต้องอดทน แค่ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อนางรู้จักผู้มีพลังวิญญาณระดับสีม่วงเหล่านั้นผ่านจวินอู๋เสียแล้ว นางไม่เชื่อว่าความสามารถและตำแหน่งของนางจะไม่สามารถตีสนิทพวกเขาได้
เพราะแม้แต่จวินอู๋เสียที่มีนิสัยแบบนี้ยังสามารถได้รับความช่วยเหลือจากคนแข็งแกร่งเหล่านั้นได้ นางก็ย่อมทำได้!
“ศิษย์พี่หนิงจะทำอย่างไร” อิ่นเหยียนกล่าวถามอย่างระมัดระวัง
หนิงซินหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “ช่วงนี้ เพราะกลุ่มของลู่เว่ยเจี๋ยทำให้เกิดความวุ่นวายในสำนักศึกษาอีกครั้ง ทำให้เรื่องของจวินเสียถูกลืมไป ผู้คนมักหลงลืมอยู่เสมอ มันถึงเวลาแล้วที่ใครบางคนจะออกไปเตือนพวกเขาเรื่องจวินเสีย หากข้าจำไม่ผิด ครั้งนี้หลี่จื่อมู่เสียชีวิตในป่าประลองวิญญาณ ตามคำบอกเล่าของศิษย์เก่าที่ดูแลเขา ก่อนที่หลี่จื่อมู่จะเสียชีวิต เขาได้เปลี่ยนไปอยู่กลุ่มฟ่านจิ่น เจ้าว่าฟ่านจิ่นสามารถปกป้องดูแลจวินเสียและกลุ่มตึกรองเหล่านั้นให้ปลอดภัยได้ แล้วเพราะเหตุใดจึงปล่อยให้หลี่จื่อมู่เสียชีวิตได้ กลัวว่าจวินเสียยังแค้นเขาอยู่จึงทำให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้ขึ้น ฮ่าฮ่าฮ่า…”
หนิงซินพูดไปพูดมาก็หัวเราะออกมา ดวงตาที่หรี่ลงของนางทอประกายแสงชั่วร้ายออกมา
“เมื่อเขาถูกด่าว่าจนทนไม่ไหว ก็ถึงเวลาที่ข้าจะต้องไปช่วยเขา ช่วยเขาออกมาจากท่ามกลางน้ำและไฟ เขาจะไม่ขอบคุณข้าได้อย่างไร”
จวินอู๋เสีย ในเมื่อเจ้าแยกแยะไม่ออกว่าอะไรดีอะไรชั่วก็อย่าหาว่าข้าโหดเหี้ยม
ตอนที่ 538 ตำบลชานหลิน (1)
ฟ่านจัวพบฟ่านจิ่นและบอกเขาว่าตัวเองต้องการออกไปกับจวินอู๋เสีย ฟ่านจิ่นเงียบลังเลไปครู่หนึ่ง แต่ จวินอู๋เสียพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ฟ่านจิ่นหายกังวลในทันที
การเดินทางในครั้งนี้ ไม่ได้มีแค่ฟ่านจัวและจวินอู๋เสียเท่านั้นยังมีเฉียวฉู่และคนอื่นๆ ด้วย
ฟ่านจิ่นเคยเห็นความแข็งแกร่งของเฉียวฉู่และคนอื่นๆ ด้วยตาตัวเองทำให้ใจที่กังวลหายไปในทันที แต่ตึกหลักและตึกรองของสำนักศึกษาเฟิงหัวนั้นห่างไกลกันเล็กน้อยแล้วยังต้องแจ้งเฉียวฉู่พวกเขาด้วย หากมีแค่จวินอู๋เสียคนเดียวก็อาจจะลำบากเล็กน้อย ฟ่านจิ่นจึงรับหน้าที่ทั้งหมดนี้ไว้
ในฐานะบุตรชายบุญธรรมของอาจารย์ใหญ่ ไม่น่ามีปัญหาถ้าฟ่านจิ่นจะไปที่ตึกรองแล้วขอศิษย์ตึกรองไม่กี่คนออกมา
ในบ่ายวันนั้น ฟ่านจิ่นก็จัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จและเตรียมรถม้าให้ฟ่านจัวและจวินอู๋เสียแล้วกำชับให้พวกเขาระมัดระวังตัวเองให้ดี
โรงประมูลที่ใกล้สำนักศึกษาเฟิงหัวที่สุดใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งวันเท่านั้น สิ้นเดือนพอดี หลังจากศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัวเหนื่อยล้าจากป่าประลองวิญญาณ สิ้นเดือนศิษย์ทุกคนจะมีวันหยุดยาวห้าวัน ในช่วงเวลานี้ ศิษย์บางคนเลือกที่จะพักผ่อนอยู่ในสำนักศึกษาแต่ก็มีศิษย์บางคนที่จับกลุ่มพากันเดินพักผ่อนในตำบลที่อยู่ใกล้ๆ สำนักศึกษาเฟิงหัว
ตำบลที่ใกล้สำนักศึกษาเฟิงหัวและคึกคักที่สุดคือตำบลชานหลิน
เดิมที่ชานหลินเป็นตำบลเล็กๆ แต่ค่อยๆ ขยายตัวขึ้นแพราะสำนักศึกษาเฟิงหัวและตอนนี้ก็เจริญรุ่งเรืองมาก สำนักศึกษาเฟิงหัวเก็บค่าเข้าเรียนสูงมาก ฉะนั้นศิษย์ที่เข้าไปเรียนได้จึงค่อนข้างมีฐานะ พ่อค้าที่เห็นโอกาสทางธุรกิจจึงมารวมตัวกันที่ตำบลชานหลิน ทำให้ตำบลเล็กๆ ที่ไม่โดดเด่นกลายเป็นสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในบริเวณนี้
ทุกวันหยุดสิ้นเดือน ลูกศิษย์ของตึกหลักและตึกรองของสำนักศึกษาเฟิงหัวจะขึ้นรถม้ามาที่ตำบลชานหลินเพื่อใช้จ่ายในที่นี้ ปลดปล่อยความเครียดที่พบเจอในเดือนที่ผ่านมา
ตึกหลักและตึกรองของสำนักศึกษาเฟิงหัวไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน ดังนั้นเฉียวฉู่และจวินอู๋เสียจึงต้องมารวมตัวกันที่ตำบลชานหลินเท่านั้น
ตลอดการเดินทาง ฟ่านจัวมักจะมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความตื่นเต้นและมีความสุข ทิวทัศน์ตลอดทางถูกบันทึกไว้ในดวงตาของเขาทำให้ใบหน้าซีดขาวของเขาแดงขึ้นเล็กน้อย
เขาป่วยมาเป็นเวลานานและจำไม่ได้แล้วว่าไม่ได้ออกจากลานป่าไผ่และสำนักศึกษาเฟิงหัวมานานแค่ไหน ในสายตาของคนอื่นต้นไม้และสิ่งก่อสร้างตามทางนี้อาจเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ แต่ในสายตาของฟ่านจัวนั้นมันเป็นสิ่งที่มีค่ามากสำหรับเขา
ในอนาคตอันใกล้นี้ เขาก็จะสบายแล้ว เขาสามารถเดินทางไปชมทิวทัศน์ทุกที่ในโลกได้ตามต้องการ สามารถเดินทางไปรอบโลกเพื่อดูภูเขาและแม่น้ำ
ในใจของเขากำลังรอคอยสิ่งเหล่านี้ ฟ่านจัวหันศีรษะไปที่จวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียไม่สนใจวิวทิวทัศน์เหล่านี้ เมื่อเห็นฟ่านจัวมองมา นางก็ยกเจ้าแมวดำตัวน้อยที่นอนอยู่บนตักของนางขึ้นมาแล้วโยนมันใส่หน้าฟ่านจัวอย่างไม่รู้ตัว
เมี้ยว
ทำอย่างนี้ได้อย่างไร! โยนข้าออกไปแบบนี้จะไม่เป็นไรจริงๆ หรือ
โดนใส่หน้าเต็มๆ ฟ่านจัวตกใจเล็กน้อยแล้วรีบอุ้มเจ้าแมวดำตัวน้อยมากอดไว้ในอ้อมแขน ไม่นานแก้มของเขาก็แดงขึ้นทันทีขณะที่นิ้วของเขาลูบไล้ขนอันนุ่มนวลของเจ้าแมวดำตัวน้อย
เจ้าแมวดำตัวน้อยนอนลงบนมือของฟ่านจัวอย่างจนใจ มันจ้องไปที่ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่ครอบครองอ้อมแขนของ จวินอู๋เสียด้วยความคับแค้นใจ
ตั้งแต่เจ้าแกะโง่ตัวนี้ปรากฏตัว ตำแหน่งของมันในสายตาเจ้านายก็ตกต่ำลงทุกวัน