ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 609 เจ้ามัน ‘ร้าย’ และ ‘งดงาม’ เกินไป (1) ตอนที่ 610 เจ้ามัน ร้าย เกินไปและ ’งดงาม เกินไป (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 609 เจ้ามัน ‘ร้าย’ และ ‘งดงาม’ เกินไป (1) ตอนที่ 610 เจ้ามัน ร้าย เกินไปและ ’งดงาม เกินไป (2)
ตอนที่ 609 เจ้ามัน ‘ร้าย’ และ ‘งดงาม’ เกินไป (1) / ตอนที่ 610 เจ้ามัน ‘ร้าย’ เกินไปและ ‘’งดงาม’ เกินไป (2)
ตอนที่ 609 เจ้ามัน ‘ร้าย’ และ ‘งดงาม’ เกินไป (1)
“อะไรเนี่ย! นี่ข้าน่าเกลียดขนาดนั้นเลยรึ เจ้านั่นอ้วกออกมาจริงๆ ด้วย!” เฉียวฉู่มองศิษย์ที่วิ่งไปอาเจียนตรงกำแพงกันเป็นกลุ่มอย่างเคืองๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เฉียวฉู่เริ่มสงสัยในหน้าตาของตัวเอง
เฟยเยียนมองเฉียวฉู่อย่างพูดไม่ออก และตบหลังเขาเบาๆ อย่างใจดีพร้อมพูดว่า “เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าว่าเหตุผลที่พวกเขาพากันอาเจียนน่าจะเป็นเพราะนั่น…”
พูดพลาง เฟยเยียนก็ชี้นิ้วออกไป เฉียวฉู่มองตามและได้เห็นภาพทะเลโลหิตสีแดง ศพที่ขาดออกเป็นสองส่วนจากตรงสะโพกนอนอยู่บนพื้นท่ามกลางแอ่งโลหิตขนาดใหญ่ รอบศพมีอวัยวะภายในและลำไส้ไหลออกมากองอยู่มากมาย สภาพน่าสยดสยองยิ่งนัก
เฉียวฉู่ตัวแข็งทื่อกับภาพนองเลือดตรงหน้า ทำไมพวกเขาต้องมาเห็นภาพที่น่าเกลียดน่ากลัวขนาดนี้ในตอนที่เพิ่งมาถึงด้วย
เมื่อเฉียวฉู่ได้สติพอที่จะเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงฉียืนอยู่ใกล้ศพ และเมื่อกวาดสายตามองไปที่คนถัดไป…
เฉียวฉู่ก็ยืนนิ่งงัน
เด็กสาวที่งดงามไร้ที่ติจนชวนตะลึงยืนอยู่ตรงนั้น นางดูเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ชุดอาภรณ์สีขาวบริสุทธิ์ของนางตัดกับทะเลโลหิตสีแดง แต่สิ่งที่ทำให้เฉียวฉู่ตกตะลึงมากที่สุดไม่ใช่ใบหน้างดงามมีเสน่ห์นั่น แต่เป็นสายตาที่คุ้นเคยคู่นั้น
เย็นชาและเหินห่าง!
“ข้า…ข้า…ข้า…ข้าหะ…เห็น…เห็นนั่น…” เฉียวฉู่พูดตะกุกตะกัก
“ข้า…เห็นสาวงามชวนตะลึง…ที่มีดวงตา…เหมือน…น้องเสีย…”
สายตาของเขาต้องมีปัญหาอะไรแน่!
จวินเสียอาจจะมีรูปร่างบอบบาง แต่นางไม่ได้มีความงามล่มเมืองเช่นนี้ ต่อให้เปลี่ยนไปใส่ชุดของสตรี อย่างมากนางก็จะงดงามละเอียดอ่อน แต่ไม่ใกล้เคียงกับความงามบริสุทธิ์ไร้ที่ติเช่นนี้
ถึงแม้หน้าตาพวกนางจะไม่เหมือนกันสักนิด แต่…ดวงตาคู่นั้นทำให้เขารู้สึกว่าพวกมันดูเหมือนกันเป๊ะ!
เฉียวฉู่ไม่ใช่คนเดียวที่ตกตะลึงจนพูดไม่ออก สีหน้าของฮวาเหยา เฟยเยียน และหรงรั่วก็แสดงความงงงันและเหลือเชื่ออย่างถึงที่สุด
ขณะที่ทุกคนพากันสงสัยการคาดเดาของตัวเอง พวกเขาก็สังเกตเห็นหางสีดำปัดออกมาจากภายใต้แขนเสื้อของจวินอู๋เสีย
แค่แวบเดียวเท่านั้น แต่ก็ทำให้ทุกคนอ้าปากค้าง!
นั่นต้องเป็นหางของเจ้าแมวดำตัวน้อยอย่างแน่นอน!
“นั่นเป็น…น้องเสียจริงๆ หรือ” ลิ้นของเฉียวฉู่เริ่มพันกัน
“ข้ารู้สึกว่ามันอาจจะ…” เฟยเยียนก็ค่อนข้างงุนงง
“นี่มัน…น่าตกใจมากจริงๆ” หรงรั่วพยายามตั้งสติและแสดงสีหน้าสงบนิ่งเอาไว้ แต่มุมปากที่กระตุกนิดๆ ของนางก็แสดงให้เห็นถึงความตกใจที่นางรู้สึกอยู่ภายในใจ
ปฏิกิริยาของฮวาเหยานั้นสงบนิ่งที่สุดในหมู่พวกเขา แต่ดวงตาที่ขยายกว้างขึ้นเล็กน้อยนั่นก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้รู้สึกแตกต่างไปจากสหายอีกสามคนของเขามากนัก
“เดี๋ยว! เดี๋ยว! ขอตั้งสติก่อน!” เฉียวฉู่มองจวินอู๋เสียอยู่นาน แล้วเขาก็พลันรู้สึกว่าแก้มของตัวเองร้อนฉ่า ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดง เขารีบหันหน้าหนีและจับหน้าอกเอาไว้พร้อมพูดเสียงต่ำว่า “นั่นมันเกินไปแล้วนะ! น้องเสียมีใบหน้าเช่นนั้น มันก็แค่…ข้าเกือบหลอกตัวเองแล้ว!”
ความงามขนาดล่มเมืองได้เช่นนั้นถูกซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากอันประณีตละเอียดอ่อนอยู่ตลอดเวลา การที่เคยชินกับใบหน้าที่ปลอมแปลงแล้วของจวินอู๋เสียและได้มาเห็นใบหน้าแท้จริงที่ถอดหน้ากากออกแล้วในตอนนี้ ทำให้เฉียวฉู่กับคนอื่นๆ ตกตะลึงอย่างถึงที่สุด!
“นั่นคือน้องเสีย นั่นคือปีศาจน้อยที่โหดเหี้ยมและชั่วร้ายจนไม่อาจจินตนาการได้! ข้าต้องตั้งสติให้มั่น! นั่นไม่ใช่สาวน้อยธรรมดาทั่วไป!” เฉียวฉู่พยายามเต็มที่ที่จะสงบใจที่กำลังเต้นแรงที่ดูเหมือนจะกระดอนออกมานอกอก
เขาเกือบตกหลุมรักเมื่อแรกพบ! แต่เขาก็ตระหนักได้ว่านั่นคือจวินอู๋เสียที่เขาหวาดกลัว! ความจริงนั้นทำให้เขาเห็นว่าไม่มีอะไรที่เขาควรจะตื่นเต้นมากเกินไป
ก่อนที่เขาจะสามารถลิ้มรสความรู้สึกมหัศจรรย์ของรักแรกพบ เฉียวฉู่ก็รู้สึกเหมือนว่าเขาได้ตกหลุมรักอย่างกะทันหัน…
จะมีใครในโลกนี้สามารถทำให้ปีศาจน้อยเชื่องได้บ้าง!
ตอนที่ 610 เจ้ามัน ‘ร้าย’ เกินไปและ ‘’งดงาม’ เกินไป (2)
ถ้านางรู้ว่าเขาเกือบมีความคิดเช่นนั้นกับนางละก็ เขาคงไม่รอดแน่!
“เจ้าจะเป็นคนธรรมดาอย่างชาวบ้านทั่วไปไม่ได้หรือไง” ฮวาเหยาพูดขณะที่ชำเลืองมองเฉียวฉู่ที่ตื่นเต้นเกินเหตุอย่างเหยียดหยาม
เฉียวฉู่สูดลมหายใจเข้าลึกหลายครั้งเพื่อสงบใจตัวเองก่อนจะหันกลับมา แต่ตอนที่เขาหันกลับมา เขาก็พบว่าจวินอู๋เสียกำลังมองมาทางพวกเขา
เฉียวฉู่รู้สึกเหมือนแข้งขาจะอ่อน
เป็นไปไม่ได้ที่จะต้านทานสายตาจากสาวงามจริงๆ!
เฉียวฉู่และคนอื่นๆ ยังคงไม่ตระหนักถึงบรรยากาศแปลกๆ ในสำนักศึกษาเฟิงหัว พวกเขามัวแต่ตกใจกับการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจอย่างกะทันหันของจวินอู๋เสีย!
หนานกงซวี่คือคนที่ได้สติก่อนหลังจากตกใจอย่างต่อเนื่องและสังเกตเห็นเฉียวฉู่กับสหายของเขา เขาจำได้ว่าพวกเขาคือคนที่อยู่ในป่าประลองวิญญาณในวันนั้น จึงรีบก้าวเข้ามาหาและพูดกับพวกเขาว่า “พวกเจ้ามาทางนี้”
เฉียวฉู่ถูจมูก ทุกคนเดินตามไปโดยไม่พูดอะไร
หนานกงซวี่นำพวกเขามายืนอยู่ตรงหน้าจวินอู๋เสีย เขาพยายามทำใจให้นิ่งไว้และพูดกับจวินอู๋เสียว่า “คุณหนูจวิน ศิษย์พวกนี้ก็อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วย ถ้าท่านมีสิ่งใดอยากจะถามพวกเขาก็เชิญถามได้เลย”
เฉียวฉู่กับพรรคพวกทั้งสี่คนยืนตัวแข็งราวท่อนไม้อยู่ตรงหน้าจวินอู๋เสีย
เมื่อเข้ามาใกล้ขนาดนี้ เฉียวฉู่ก็รู้สึกหน้ามืด
จวินอู๋เสียหรี่ตาและกวาดสายตาเย็นชาไปที่เฉียวฉู่กับคนอื่นๆ
เฉียวฉู่แทบจะเป็นลม
“หลงฉี” จู่ๆ จวินอู๋เสียก็พูดขึ้น
“ขอรับ คุณหนูใหญ่”
“พาทั้งสี่คนนี้มา ข้าอยากสอบถามพวกเขาช้าๆ”
เมื่อหนานกงซวี่ตัดสินใจพาเฉียวฉู่กับคนอื่นๆ เข้ามา เขาก็คิดว่ามันอาจจะช่วยทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดเบาลงเล็กน้อย การเห็นหนิงซินถูกลงโทษจนตายทำให้ขวัญเสียมากจริงๆ เขาไม่คิดว่าจวินอู๋เสียยังต้องการติดตามเรื่องนี้อยู่และจะจับศิษย์สี่คนนี้ไปสอบสวนด้วย
น้ำถูกสาด นมถูกแบ่ง ยังสามารถเอาคืนได้
เขารู้สึกอยากตบหน้าตัวเองแรงๆ ปัญหาถูกแก้ไขไปแล้ว ใครจะไปรู้ว่าการกระทำที่ไม่จำเป็นของเขาจะทำให้จริงอู๋เสียทำเรื่องมากขึ้นไปอีก
หลงฉีพยักหน้า แต่เขาหันกลับทันทีที่เห็นอิ่นเหยียนยังคงคุกเข่าอยู่แทบเท้าของฟ่านฉี และถามจวินอู๋เสียว่า “คุณหนูใหญ่ เราจะจัดการอย่างไรกับเจ้านี่ดีเล่าขอรับ”
เมื่อถูกชี้ อิ่นเหยียนก็ตัวสั่นทันที การได้เห็นว่ากองทัพรุ่ยหลินลงโทษหนิงซินอย่างไร ทำให้เขาสูญเสียความกล้าไปจนหมดสิ้น เมื่อพบว่าตัวเองถูกหลงฉีชี้ตัวออกมา เขาก็สลบไปทันที น้ำลายฟูมปากด้วยความหวาดกลัว ร่างของเขาชักกระตุกบิดงออยู่บนพื้น
จวินอู๋เสียแทบจะไม่มองอิ่นเหยียนเลยและพูดขึ้นว่า “เอาตัวไปด้วย”
หลงฉีเอาตัวอิ่นเหยียนขึ้นมาโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาจับคอเสื้อยกขึ้นมาอย่างง่ายดายราวกับอิ่นเหยียนเป็นลูกแมว
จวินอู๋เสียหันกลับและออกเดินโดยไม่พูดอะไรอีก หลงฉีลากอิ่นเหยียนที่หมดสติตามหลังไปติดๆ ขณะที่เฉียวฉู่กับสหายของเขาเดินตามหลังไปอีกที
ไม่นานก็เหลือเพียงผู้คนของสำนักศึกษาเฟิงหัวเท่านั้นที่ยังยืนตกใจอยู่
จวินอู๋เสียก้าวผ่านประตูสำนักศึกษาเฟิงหัวออกมาพร้อมกับคนอื่นๆ และขึ้นม้าของพวกเขาและควบออกไปจนฝุ่นตลบ ทหารกองทัพรุ่ยหลินที่ขวางประตูอยู่รีบหันม้าและควบตามออกไป
เมฆครึ้มที่ลอยอยู่เหนือสำนักศึกษาเฟิงหัวค่อยๆ สลายไป และหัวใจที่หนักอึ้งของศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวก็ค่อยๆ ดีขึ้นอย่างช้าๆ
“ทุกคนสลายตัว” ฟ่านฉีถอนหายใจ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ทำเอาเขาหมดแรงจริงๆ
ศิษย์ที่รวมตัวอยู่ตรงประตูของสำนักศึกษาเฟิงหัวเริ่มกระจายกันออกไป หลายคนยังคงมึนงงอยู่ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกฝันร้ายตามหลอกหลอนไปอีกหลายคืน
เมื่อเทียบชะตากรรมของหนิงซินกับอิ่นเหยียน พวกศิษย์ที่ถูกไล่ออกไปก่อนหน้านี้อาจจะโชคดีที่สุดก็เป็นได้
หลังออกจากสำนักศึกษาเฟิงหัว กองทัพรุ่ยหลินก็ไม่ได้ไปไหนไกล พวกเขาหยุดตั้งค่ายอยู่ในป่าเล็กๆ แทน