ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 617 คิดถึงข้าแล้วหรือ (5) ตอนที่ 618 คิดถึงข้าแล้วหรือ (6)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 617 คิดถึงข้าแล้วหรือ (5) ตอนที่ 618 คิดถึงข้าแล้วหรือ (6)
ตอนที่ 617 คิดถึงข้าแล้วหรือ (5) / ตอนที่ 618 คิดถึงข้าแล้วหรือ (6)
ตอนที่ 617 คิดถึงข้าแล้วหรือ (5)
จวินอู๋เย่าส่ายหน้าและจับมืออีกข้างของจวินอู๋เสียขึ้นมาวางทับเมล็ดถั่วสีทองก่อนจะกระซิบว่า “ก็เหมือนกับที่เจ้ากลืนกินภูติวิญญาณ เจ้าแค่ค่อยๆ ดูดซับเมล็ดถั่วสีทองนี่ทีละน้อยเถอะ”
จวินอู๋เสียหลับตาลงและทำตามที่จวินอู๋เย่าบอก ดูดซับเมล็ดถั่วสีทองในมือนางอย่างช้าๆ
เมื่อปิดจิตของนางแล้ว จิตวิญญาณของจวินอู๋เสียก็ดูเหมือนจะดำดิ่งลงสู่ความมืดมิด รอบตัวนางเป็นสีดำสนิท มืดจนนางมองไม่เห็นนิ้วของตัวเอง แต่ลำแสงสีทองก็ส่องผ่านเข้ามาในความมืด สร้างเส้นโค้งสว่างจ้าจนแสบตา
แสงสีทองเพิ่มความเร็วขึ้น ทิ้งลำแสงเป็นทางไว้ในห้วงเวิ้งว้างไร้สี ขณะที่ในตอนแรกมีลำแสงเพียงแค่หนึ่ง เมื่อเวลาผ่านไป จำนวนลำแสงก็เพิ่มขึ้นและไขว้สลับกันไปมา ก่อให้เกิดตาข่ายสีทองสว่างแสบตาขนาดใหญ่ขึ้นในความมืด!
ทันใดนั้น ตาข่ายยักษ์สีทองก็ระเบิดออกเป็นประกายแสงระยิบระยับสีทองก่อนจะค่อยๆ หายไป
ไม่นานทุกสิ่งก็กลับสู่ความมืดมิดอีกครั้ง หลังจากหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง แสงสีทองสลัวก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นท่ามกลางความมืด
นั่นคือเมล็ดถั่วสีทองที่ปรากฏอยู่กลางอากาศ มันส่องแสงสีทองสลัวๆ ออกมาทุกทิศทาง
จวินอู๋เสียรู้สึกว่าสติของนางเริ่มเลือนรางลงทุกที ขณะที่ความมืดรอบด้านค่อยๆ ใกล้เข้ามา
ทันใดนั้นนางก็ลืมตา และความงามอันสมบูรณ์แบบของจวินอู๋เย่าสะท้อนอยู่ในดวงตาใสกระจ่างของนาง
ก่อนหน้านี้ยังมีแดดอยู่เลย แต่ตอนนี้ป่าเต็มไปด้วยเสียงร้องของแมลง ท้องฟ้าสีฟ้าสดใสก็กลายเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืน พระจันทร์ลอยเด่นอยู่เหนือขอบฟ้า และท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุดก็เต็มไปด้วยดวงดาวระยิบระยับนับล้านดวง
แค่ชั่วพริบตาก็ผ่านไปครึ่งวันแล้ว
จวินอู๋เสียรวบรวมความคิดอยู่ครู่หนึ่ง
นางรู้สึกราวกับว่านางหลับตาไปแค่แป๊บเดียวเท่านั้น แต่เมื่อลืมตาขึ้นมา ท้องฟ้าก็มืดสนิทเสียแล้ว
“รู้สึกอย่างไรบ้าง” จวินอู๋เย่าถามพร้อมส่งยิ้มกว้างไปให้นาง
จวินอู๋เสียได้สติกลับมาและตรวจสอบจิตวิญญาณของตัวเองอย่างละเอียดถี่ถ้วน หลังจากเหตุการณ์ในเทือกเขาเมฆา จิตวิญญาณส่วนหนึ่งของนางก็ขาดหายไปและไม่สามารถซ่อมแซมได้ แม้ว่าจะไม่เป็นที่ประจักษ์แก่ผู้คน มีแค่นางที่รู้แก่ใจดีว่าจิตวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์นั้นทำให้นางลำบากมากเพียงใด
หลังจากดูดซับเมล็ดถั่วสีทองนั้น จิตวิญญาณของจวินอู๋เสียก็ยังคงไม่สมบูรณ์ แต่อย่างน้อยนางก็ไม่เหนื่อยง่ายเช่นเมื่อก่อนอีก
นางสามารถรู้สึกได้ว่าจิตวิญญาณที่บาดเจ็บของนางค่อยๆ ฟื้นคืนอย่างช้าๆ และนางต้องการให้มันฟื้นกลับมาอย่างสมบูรณ์ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่จะสำเร็จได้ง่ายๆ ในระยะเวลาอันสั้น
“มันได้ผล” จวินอู๋เสียยกมือทาบหน้าอกไว้แน่น รู้สึกได้ว่าจิตวิญญาณของนางกำลังประสานกันภายใต้พลังรักษาที่ลึกลับ
“ดีแล้ว” จวินอู๋เย่ายิ้ม เขาคลายมือออกจากไหล่ของจวินอู๋เสีย
“มันคืออะไรอย่างนั้นหรือ” จวินอู๋เสียไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน กระทั่งในชาติก่อนของนางที่วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าไปมาก ก็ยังไม่สามารถค้นพบวิธีการฟื้นฟูรักษาจิตวิญญาณได้
“ก็แค่เมล็ดพืชที่น่าสนใจ เสี่ยวเสียเอ๋อร์ไม่จำเป็นต้องรู้ที่มาของมันหรอก ตราบใดที่มันได้ผลกับเจ้า มันก็มีประโยชน์ ถ้ามันไม่ได้ผล มันก็เป็นแค่ขยะไร้ค่า” จวินอู๋เย่าพูดเบาๆ พยายามบอกว่าแม้แต่เมล็ดถั่ววิเศษสีทองก็ไม่ได้มีค่าในสายตาเขามากมายนัก
นั่นเป็นความจริงแน่หรือ
จวินอู๋เสียไม่เชื่อสักนิด ถ้ามันเป็นของธรรมดาๆ สำหรับเขา ทำไมเขาถึงได้หายตัวไปนานขนาดนั้น
แต่จวินอู๋เย่าไม่อยากพูดเรื่องเมล็ดถั่วนี้มากนัก และจวินอู๋เสียก็ไม่ได้กดดันเขาต่อ
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” จวินอู๋เสียขอบคุณเขาเสียงเบา
“ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว กับเสี่ยวเสียเอ๋อร์ ข้าไม่ต้องการคำขอบคุณใดๆ” จวินอู๋เย่าจับมือเล็กๆ ของจวินอู๋เสีย ถึงแม้ปากเขาจะพูดเช่นนั้น แต่ดวงตาของเขากลับส่องประกายยินดี
ตอนที่ 618 คิดถึงข้าแล้วหรือ (6)
คนทั้งสองต่างสบตากันและกันภายใต้แสงจันทร์อุ่นนวล เฉียวฉู่กำลังนั่งเคี้ยวเนื้อแห้งอยู่ข้างกองไฟ สายตาของเขาเริ่มสับสนมากยิ่งขึ้นขณะที่เฝ้าสังเกตทั้งสองคน
สองคนนั้นอยู่ในท่านั้นเป็นเวลานานแล้ว และดูเหมือนจวินอู๋เสียจะหลับไปกลางคันด้วย
ถึงแม้เขาจะไม่มีพี่น้อง เขาก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่าวิธีที่สองพี่น้องคู่นี้ปฏิบัติต่อกันนั้นมัน ‘ผิดแผก’ ไปเล็กน้อย
มีพี่ชายคนไหนกุมมือน้องสาวไว้นานขนาดนั้น แถมยังแสดงสีหน้ารักใคร่หลงใหลอยู่ตลอดเวลาด้วย
“ไม่เหมือน…ไม่เหมือนเลยสักนิด…” เฉียวฉู่พึมพำกับตัวเองเสียงเบา
เฟยเยียนเหลือบมองเฉียวฉู่และยื่นขากระต่ายย่างไปบังหน้าเฉียวฉู่
“อะไร” เฉียวฉู่ได้สติคืนมา ขณะที่สายตาหยุดนิ่งที่ขากระต่ายย่างร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนตรงหน้า แล้วหันไปเอ่ยปากถามเฟยเยียน
เฟยเยียนกลอกตาใส่เฉียวฉู่
“ถ้าเจ้าจ้องพวกเขานานกว่านี้ละก็ ตาเจ้าได้ถลนออกมานอกเบ้าแน่”
ใบหน้าของเฉียวฉู่ขึ้นสีแดง เขาไอสองสามทีแก้เขิน
เฟยเยียนเห็นเฉียวฉู่หน้าแดง จึงแกล้งแหย่ว่า “ข้ากำลังคิดว่าทำไมเจ้าถึงจ้องสองคนนั้นอย่างตั้งใจขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดกับน้องเสียเป็นอื่น แล้วเจ้าก็กำลังมองพวกเขาอย่างอิจฉา”
เฉียวฉู่มองเฟยเยียนตาโตอย่างตกใจ ใบหน้าเขาเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีขาวซีดอย่างรวดเร็ว เขาส่ายหัวรัวๆ
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าพูดจามั่วๆ เช่นนี้อาจทำให้ข้าถูกฆ่าตายได้น่ะ ข้าจะไปคิดเป็นอื่นกับน้องเสียได้อย่างไรเล่า! ใจข้ายังสะอาดบริสุทธิ์อยู่นะ อย่ามาเหมารวมข้าเข้ากับความคิดสกปรกของเจ้า!”
ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ เขาเห็นจวินอู๋เสียเป็นเพียง ‘พันธมิตรร่วมแผนการ’ เท่านั้น และถ้าเขาเกิดไปมีความคิดเป็นอื่นกับนาง เขาย่อมซี้แหงแก๋เป็นแน่ ไม่ต้องพูดถึงว่าจวินอู๋เสียนั้นโหดร้ายอำมหิตเช่นไร พี่ชายที่จู่ๆ ก็โผล่มานี้ก็สามารถบดขยี้เขาได้ด้วยนิ้วมือเพียงนิ้วเดียว!
ชีวิตเขายังมีค่าเกินกว่าจะเอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับคู่พี่น้องที่น่าหวาดผวานี้โดยไม่จำเป็น!
“ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าไม่มีความคิดแอบแฝงใดๆ ถ้าอย่างนั้นก็นี่ เอาขากระต่ายนี่ไปให้พวกเขา” เฟยเยียนฉีกยิ้มอย่างชั่วร้าย เห็นได้ชัดว่าแกล้งจัดฉากให้เฉียวฉู่ทำสิ่งนี้
เฉียวฉู่มองเฟยเยียน เฟยเยียนจึงพูดต่อว่า “ถ้าเจ้าไม่เอามันไปให้พวกเขา ก็แสดงว่าเจ้าร้อนตัวอยู่น่ะสิ”
เฉียวฉู่รู้สึกว่าเขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าบีบคอเจ้าวายร้ายผิดเพศนี่ให้ตายคามือเสียเดี๋ยวนี้
“เอาไปก็ได้! เจ้าคิดว่าข้ากลัวหรือไง!” เฉียวฉู่คว้าขากระต่ายย่างแล้วยืนขึ้น จากนั้นก็ก้าวยาวๆ ไปหาจวินอู๋เสีย
เฟยเยียนกับหรงรั่วสบตากัน ทั้งคู่ต่างยิ้มแบบรู้กัน
ฮวาเหยาส่ายศีรษะอย่างจนใจ เขานั่งอยู่อีกฝั่งของกองไฟ
เฉียวฉู่เดินไปได้เพียงครึ่งทางก็หยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะออกเดินต่อจนมาหยุดอยู่ตรงหน้าจวินอู๋เสียกับจวินอู๋เย่า
จวินอู๋เย่าเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเขามีแววยิ้มขณะที่มองเฉียวฉู่
สีหน้านั้นดูเป็นมิตรอย่างชัดเจน แต่ไม่รู้ทำไม มันทำให้ทั่วทั้งร่างของเฉียวฉู่สั่นสะท้าน
“เอ่อ…นี่ให้พวกเจ้าสองคน…กิน พวกเจ้ายังไม่ได้กินอะไรกันเลย” เฉียวฉู่พูดตะกุกตะกักด้วยความหวาดกลัวขณะมองไปยังจวินอู๋เย่า และร้องไห้อย่างน่าสงสารอยู่ในใจ
จวินอู๋เย่ายิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “ขอบใจ”
เฉียวฉู่ตัวแข็งทื่อ รอยยิ้มของจวินอู๋เย่าไม่มีร่องรอยของความก้าวร้าวแม้แต่น้อย แม้แต่เขาที่เป็นบุรุษก็ยังเห็นว่ารอยยิ้มนั้นน่ามองยิ่งนัก ความหวาดกลัวที่อธิบายไม่ได้ก่อนหน้านี้ พลันสลายหายไปพร้อมกับสายลมด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์นั้น
พี่ชายของอู๋เสีย…อาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เขาจินตนาการไว้ก็เป็นได้…
นั่นคือสิ่งที่เฉียวฉู่คิด
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก…” ไม่อาจต้านทานคนงามได้แม้แต่น้อย เฉียวฉู่ฉีกยิ้มและหันกลับไปหาสหายของเขาทันที
ในใจเขาลบเลือนไปจนหมดสิ้นแล้วว่าก่อนหน้านี้จวินอู๋เย่าน่ากลัวมากแค่ไหน
จวินอู๋เย่าถือขากระต่ายย่างเอาไว้ และยื่นมันไปที่ปากของจวินอู๋เสีย