ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1 - ตอนที่ 921 เปิดม่าน (5) ตอนที่ 922 เปิดม่าน (6)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร เล่ม 1
- ตอนที่ 921 เปิดม่าน (5) ตอนที่ 922 เปิดม่าน (6)
ตอนที่ 921 เปิดม่าน (5) / ตอนที่ 922 เปิดม่าน (6)
ตอนที่ 921 เปิดม่าน (5)
หมอหลวงรีบวิ่งเข้ามาและมาถึงเร็วมาก หลังจากฮ่องเต้ทรงทราบข่าว พระองค์ก็ไม่อยู่ต้อนรับสยงป้ากับคนอื่นๆ อีกต่อไป ทรงตรงมาที่ตำหนักประทับของฮองเฮาพร้อมกับสยงป้าและคนของเขา จวินอู๋เสียที่ปลอมตัวเป็นชวีหลิงเย่ว์ก็ตามมาด้วย
ตอนที่พวกเขาเข้าไปก็เห็นหมอหลวงทั้งกลุ่มกำลังล้อมแท่นบรรทมของเหลยฝานที่นอนหน้าซีดขาวราวกับกระดาษอยู่
ฮ่องเต้พุ่งพระวรกายเข้าไปเหมือนเกาทัณฑ์เพื่อดูอาการเหลยฝานที่กำลังนอนอยู่แท่นบรรทม ใบหน้าที่เหมือนกับสตรีที่พระองค์รักมากที่สุด บัดนี้ปราศจากสีเลือด พระหฤทัยของพระองค์ก็เจ็บปวดขึ้นมา ภาพเมื่อตอนที่สตรีที่พระองค์รักมากที่สุดจากโลกนี้ไปหวนกลับมาในความทรงจำ ความเจ็บปวดในพระหฤทัยก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น
“องค์ชายสี่เป็นอะไรไป พวกเจ้ารักษากันเร็วๆ ไม่ได้หรือไง ถ้าพวกเจ้ารักษาองค์ชายสี่ไม่ได้ละก็ พวกเจ้าเตรียมถูกฝังไปพร้อมกับเขาทั้งกลุ่มได้เลย!” ฮ่องเต้ตวาดลั่นด้วยสีพระพักตร์เกรี้ยวกราด พระสุรเสียงของพระองค์เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
หมอหลวงทั้งกลุ่มตัวสั่นจากเสียงตวาดของฮ่องเต้ ทุกคนก้มหมอบแนบหน้าผากจรดพื้นวิงวอนขอความเมตตา
ฮองเฮาทรงพระกันแสงคร่ำครวญอยู่ข้างแท่นบรรทมอย่างหมดสภาพไม่เหลือมาดนางพญาอย่างที่เคยเป็น
“ฝ่าบาท! ช่วยลูกฝานด้วยเพคะ!”
ฮ่องเต้พยักพระพักตร์อย่างเศร้าหมอง
“เราจะไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับลูกฝานแน่”
สยงป้าแอบตกใจเมื่อเห็นเหลยฝาน เขามองไปทางจวินอู๋เสียโดยไม่ได้ตั้งใจ และเห็นจวินอู๋เสียยืนนิ่งเฉยเย็นชาไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่มีใครสังเกตว่ามีนางอยู่ด้วย แต่สยงป้ารู้สึกไม่สบายใจและกังวลมาก
ฮ่องเต้สั่งให้หมอหลวงตรวจอาการของเหลยฝานอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะเรียกพวกขันทีที่อยู่กับเหลยฝานเมื่อครู่มาถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอุทยานหลวง
พวกขันทีทุกคนต่างหวาดกลัวมากจากความพิโรธของฮ่องเต้ พวกเขาได้แต่คุกเข่าตัวสั่นด้วยความกลัวอยู่บนพื้นราวกับลูกเจี๊ยบเพิ่งเกิดที่ช่วยตัวเองไม่ได้ พร้อมกับเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอุทยานหลวงอย่างตะกุกตะกัก เมื่อฮ่องเต้ได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้น พระพักตร์ของพระองค์ก็ถมึงทึงทันที
เหลยฝานถูกโจมตีหลังจากไปถึงอุทยานหลวงได้ไม่นาน และเหลยฝานก็ถูกบังคับให้กลืนโอสถวิเศษอะไรก็ไม่รู้ต่อหน้าต่อตาทหารทั้งกลุ่ม นั่นเป็นเหมือนการตบพระพักตร์ฮ่องเต้อย่างพระองค์เลย!
“ส่งคนไปปิดล้อมวังหลวงเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจับเจ้านักฆ่านั่นให้ได้!” ฮ่องเต้ตรัสรอดไรพระทนต์
พวกขันทีทำตามรับสั่งโดยไม่รอช้า พวกเขายังคงหวาดกลัวจนตัวสั่น
จากคำบอกเล่าของพวกขันที ฮ่องเต้ก็เข้าใจได้ว่า ‘ชวีหลิงเย่ว์’ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พระองค์จึงไม่ได้ตรัสอะไรกับนาง แต่ประทับนั่งลงที่ข้างแท่นบรรทมและทอดพระเนตรมองเหลยฝานด้วยความกังวลพระทัย
ตรงกันข้ามกับสยงป้าที่มองจวินอู๋เสียด้วยสายตาสงสัย นอกจากพวกเขาแล้ว ไม่มีใครรู้ว่า ‘ชวีหลิงเย่ว์’ ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคนนี้แท้จริงแล้วคือจวินอู๋เสียปลอมตัวมา
เรื่องทั้งหมดที่พวกขันทีเล่าเมื่อสักครู่ สยงป้าย่อมได้ยินอย่างชัดเจนด้วยเช่นกัน เหตุการณ์นี้ดูเหมือนไม่ได้เกี่ยวข้องกับจวินอู๋เสียเลยแม้แต่น้อย แต่ไม่รู้ทำไมสยงป้าอดรู้สึกไม่ได้ว่าเรื่องที่เหลยฝานถูกโจมตีนี้ต้องเกี่ยวข้องกับจวินอู๋เสียสักทาง
มันบังเอิญมากเกินไป ทุกครั้งที่เหลยฝานโดนทำร้ายเช่นนั้น มันต้องเกิดขึ้นหลังจากที่จวินอู๋เสียไปกับเขาแล้วพวกเขาก็ถูกโจมตีหลังจากนั้นไม่นาน
สยงป้าอดรู้สึกกระวนกระวายไม่ได้ เขายอมตกลงพาจวินอู๋เสียเข้าวังก็เพราะชวีหลิงเย่ว์ขอร้องและเป็นคำขอของเหลยเชิน แต่เขาไม่อยากเห็นฮ่องเต้พบว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับเมืองพันอสูรเลย
โชคดีที่ฮ่องเต้เชื่อพวกขันทีและไม่ได้สอบถามอะไรเพิ่มเติม นั่นทำให้สยงป้าโล่งใจมาก
ท่ามกลางสายพระเนตรวิตกกังวลของฮ่องเต้และดวงเนตรที่เต็มไปด้วยพระอัสสุชลของฮองเฮา ในที่สุดพวกหมอหลวงก็วินิจฉัยอาการเบื้องต้นของเหลยฝานเสร็จ และผลที่ได้ก็ทำให้ฮ่องเต้และฮองเฮาตกพระทัยเป็นอย่างมาก
“กราบทูลฝ่าบาท องค์ชายสี่ได้รับพิษสายโลหิตพ่ะย่ะค่ะ”
ตอนที่ 922 เปิดม่าน (6)
“พิษสายโลหิตหรือ” ฮ่องเต้เลิกพระขนง ทอดพระเนตรมองหมอหลวง พระองค์ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
หมอหลวงยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น เขาลอบกลืนน้ำลายก่อนจะกราบทูลไปว่า “มันเป็นพิษชนิดหนึ่งที่ทำให้เหยื่อเสียโลหิตปริมาณมากพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าฤทธิ์ของพิษชนิดนี้จะไม่รุนแรง แต่มันก็ทำให้บาดแผลของเหยื่อไม่สามารถปิดได้ โลหิตจะไม่แข็งตัวและไหลไม่หยุด ทำให้บาดแผลนั้นมีโลหิตออกมากกว่าที่ควรจะเป็นพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วมันหมายความว่าอย่างไรกันแน่” ฮองเฮาคิดว่าคำพูดของหมอหลวงฟังดูประหลาดพิกลนัก พระนางจึงตรัสถามขึ้นทันที
หมอหลวงรายงานต่อว่า “บาดแผลที่คอขององค์ชายสี่ไม่ร้ายแรงเลยพ่ะย่ะค่ะ แต่เพราะพิษสายโลหิตทำให้แผลไม่สมานและโลหิตไหลไม่หยุด เป็นผลให้เกิดอาการเสียโลหิตมากเกินไป…”
ฮองเฮาตกพระทัยมาก พระนางยกพระหัตถ์ขึ้นกุมไว้ที่พระอุระแน่น สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เองก็ทะมึนขึ้นเช่นกัน
“ไม่มีอะไรถอนพิษได้นี้ได้เลยหรือ” ฮ่องเต้รู้สึกเกลียดชังคนร้ายขึ้นมาจับพระทัย บาดแผลที่เหลยฝานได้รับนั้นเล็กน้อยมาก แต่เพราะโอสถพิษที่เขาได้รับทำให้บาดแผลเล็กๆ กลายเป็นบาดแผลที่ทำให้ถึงตาย!
หมอหลวงเหงื่อออกชุ่มโชก เขาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากแล้วพูดว่า “กระหม่อมได้ให้โอสถวิเศษแก้พิษกับองค์ชายไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่มันก็ช่วยบรรเทาอาการเสียโลหิตได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่การจะถอนพิษสายโลหิตได้แบบสมบูรณ์มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น! ชื่อพิษสายโลหิตก็ตั้งมาจากวิธีการถอนพิษของมันนั่นแหละพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็พูดมาเร็ว!” ฮ่องเต้รู้สึกอยากจะเตะหมอหลวงที่มัวแต่อ้ำอึ้งแรงๆ สักที
“มันต้องใช้…ผู้ที่มีสายโลหิตเดียวกับเหยื่อพ่ะย่ะค่ะ ใช้โลหิตของเขามาช่วยล้างพิษในโลหิตของเหยื่อ จากนั้นค่อยใช้โอสถวิเศษชนิดอื่นช่วยสนับสนุนก่อนที่มันจะได้ผล” พูดจบหมอหลวงก็โขกศีรษะลงกับพื้นสามครั้ง
“โลหิตของผู้ที่มีสายโลหิตเดียวกันอย่างนั้นหรือ” ฮ่องเต้ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพระองค์ก็ตรัสถามขึ้นทันทีว่า “โลหิตของพี่น้องใช้ได้หรือเปล่า”
หมอหลวงรีบตอบว่า “ถ้าใช้โลหิตของพี่น้อง จะต้องเป็นพี่น้องที่เกิดจากทั้งบิดาและมารดาเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ และคนที่ให้โลหิตได้ก็ต้องเป็นบุรุษด้วยถึงจะได้ผล”
คำพูดของหมอหลวงทำให้ฮ่องเต้นิ่งเงียบไป ขณะที่ทางฮองเฮาก็พระพักตร์ซีดเผือดทันที สายพระเนตรของพระนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก นอกจากความเป็นห่วงเหลยฝานแล้ว ตอนนี้ยังมีความหวาดกลัวจางๆ แฝงอยู่ในแววตาโดยไม่มีใครสังเกตเห็นเลยสักคน
หมอหลวงที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเริ่มตัวสั่นมากขึ้น ทุกคนรู้ดีว่าองค์ชายสี่เหลยฝานถือกำเนิดจากพระสนมที่เสียชีวิตไปแล้ว ฮ่องเต้และพระสนมมีพระโอรสด้วยกันเพียงพระองค์เดียวเท่านั้นนั่นคือเหลยฝาน ไม่มีพี่น้องร่วมสายโลหิตคนอื่นอีกแล้ว
ดังนั้นคนที่จะสามารถช่วยชีวิตเหลยฝานได้ก็มีแต่ฮ่องเต้พระองค์เดียวเท่านั้น!
ฮ่องเต้กำหมัดทั้งสองข้างแน่น เหลยฝานเป็นพระโอรสที่พระองค์รักมากที่สุด แม้ว่าพระองค์จะทรงห่วงใยความปลอดภัยของตัวเองมากแค่ไหนก็ตาม แต่พระองค์ก็ไม่ปรารถนาจะเห็นเหลยฝานเสียชีวิต
ฮ่องเต้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตรัสถามขึ้นว่า “ต้องใช้โลหิตเท่าไร”
หมอหลวงพูดว่า “สามชามพ่ะย่ะค่ะ และต้องป้อนลงไปในคอขององค์ชายสี่เพื่อให้เข้าสู่ร่างกายในทันที ถ้าชักช้ามันก็จะไม่ได้ผลพ่ะย่ะค่ะ”
โลหิตสามชาม มากพอที่จะส่งผลกระทบต่อร่างกายคนได้มาก ฮ่องเต้ขมวดพระขนงแน่น ขณะที่พระองค์กำลังจะอ้าพระโอษฐ์ตรัส ฮองเฮาที่พระพักตร์ซีดขาวก็เข้ามาคุกเข่าตรงหน้าฮ่องเต้ทันที!
“หม่อมฉันรู้ว่าฝ่าบาททรงรักลูกฝานมาก แต่ฝ่าบาทเป็นโอรสแห่งสวรรค์ พวกเราจะทำร้ายพระวรกายมังกรเพื่อเอาโลหิตออกมาได้อย่างไรเพคะ แถมยังต้องใช้โลหิตมากถึงสามชามด้วย ถ้าเป็นเช่นนี้พระวรกายของฝ่าบาทจะต้องแย่เอาแน่ๆ! หม่อมฉันขอร้อง ได้โปรดอย่าทำร้ายพระวรกายตัวเองเลยเพคะ” ฮองเฮาวิงวอนขอร้องอย่างน่าสงสาร