ทะลุมิติทั้งครอบครัว - ตอนที่ 131
ท่านย่าหม่ายืนแหงนมองดูป้ายอยู่หน้าโรงเตี๊ยมเกาเซิง
นางไม่รู้จักตัวอักษรที่อยู่บนนั้น แต่เมื่อมองเห็นป้ายนั้นพริ้วไหวก็รู้สึกตื้นตันใจจนอยากจะร้องไห้ออกมา
ซ่งฝูไฉกับซ่งฝูสี่ รวมทั้งซ่งอิ๋นเฟิ่งที่เป็นพี่สาวคนโต ตอนนี้พวกเขาพลอยได้รับประโยชน์จากบัณฑิตไปด้วย พวกเขารู้สึกว่าเมื่อก่อนที่ต้องทนใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเพื่อส่งน้องสามไปเรียนนั้นช่างคุ้มค่า
ลุงใหญ่ของซ่งฝูเซิงก็ขอบตาแดงก่ำ มือไม้สั่นเทา จนป้าใหญ่สังเกตเห็น
ป้าใหญ่บ่นพึมพำเบาๆ “ท่านเป็นอะไร นี่ถ้าเป็นลูกชายแท้ๆ ของท่าน ข้าว่าท่านคงต้องตกใจได้จนไปพบท่านยมบาลแน่ๆ”
“เจ้าจะเข้าใจอะไร เป็นคนไม่เคยเข้าใจเหตุผลอะไรหรอก!” ลุงใหญ่ตำหนิภรรยา
เมื่อก่อนไม่ได้ออกมาข้างนอก ไม่ค่อยได้รู้อะไร
ตอนนี้ได้ออกมาเจอโลกภายนอกแล้ว เขาถึงได้คิดถึงฝูเซิง หลานชายแท้ๆ ของเขา มิน่าท่านพ่อถึงได้ชอบหลานชายคนนี้ เพราะมีแต่ฝูเซิงที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับวงศ์ตระกูลซ่ง
ซ่งหลี่เจิ้งรีบจับมือซ่งฝูเซิง “ฝูเซิง”
สถานการณ์ในตอนนี้ เขาอยากจะพูดคุยกับซ่งฝูเซิงเกี่ยวกับความคิดของเขา
แต่ซ่งฝูเซิงคุยกับเขาเกี่ยวกับปัญหาในตอนนี้ “ท่านปู่ เขาให้ห้องเก็บฟืนและคอกม้ากับพวกเราโดยไม่คิดเงิน น้ำร้อนกับฟืนก็สามารถใช้ได้ตามต้องการ พวกเราจะไม่ใช้จ่ายอะไรเลยก็คงไม่ได้ ข้าจึงใช้เงินไปครึ่งพวงเพื่อจองห้องพักหนึ่งห้อง ท่านก็คัดเลือกพาคนมีอายุกับพวกเด็กๆ เข้าไปพักซะ”
“ไม่ได้ ไม่ได้นะ!” ซ่งหลี่เจิ้งรีบพูดขึ้น “ครอบครัวฝูเซิงเข้าไปพักสิ เจ้าเป็นบัณฑิต จะมานอนห้องเก็บฟืนได้อย่างไร ต่อไปใครรู้เข้าจะหัวเราะเยาะได้”
ทุกคนต่างก็ไม่ยอมให้ซ่งฝูเซิงนอนในห้องเก็บฟืนกับคอกม้า แต่ละคนก็แสดงอารมณ์ภาคภูมิใจและรู้สึกมีชีวิตชีวาออกทางใบหน้า เหมือนเรื่องของเย็นนี้ที่นำพาชื่อเสียงมาให้พวกเขา
ซ่งฝูเซิงยิ้มออกมา เขาบอกกับทุกคน พวกเจ้าคิดว่าในครอบครัวเหล่านั้นไม่มีใครเรียนหนังสือหรือไง? มีสิ ยิ่งฐานะทางบ้านดีมาก ก็ยิ่งให้ความสำคัญกับการเรียนหนังสือ
เด็กหนุ่มของครอบครัวพวกนั้น บางทีอาจจะมีความรู้มากกว่าเขาก็ได้
เพียงเพราะข้ามีอายุมากกว่าพวกเขาและยังโชคดีกว่าพวกเขา ข้าไปทันการสอบสองช่วงสุดท้ายและสอบได้ถงเซิง
แต่พวกเขาถึงแม้จะเล่าเรียนมาเยอะ ถึงแม้จะมีความสามารถระดับจอหงวน แต่ก็ไม่ได้สอบ อีกอย่าง เมื่อไม่ใช่คนในพื้นที่นี้ ไม่มีตราประทับส่วนตัวของสำนักบัณฑิตในท้องถิ่นนี้ จึงไม่สามารถขอรับการดูแลแบบบัณฑิตได้ มิเช่นนั้นครอบครัวหนึ่งคงมีบัณฑิตหลายคน
ทุกคนไม่ยอมฟังเรื่องนั้น
ทุกคนมองดูสถานการณ์จริง ตอนนี้มีบัณฑิตน้อยมาก ในขบวนนี้ครอบครัวที่ร่ำรวยมากก็เทียบไม่ได้กับซ่งฝูเซิง ซ่งฝูเซิงสามารถตามทันสองปีสุดท้ายเพื่อคว้าใบประกาศนียบัตรมาได้ ไม่ว่ามันจะเป็นใบประกาศนียบัตรอะไรก็ตาม มันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมแล้ว
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องการให้ซ่งฝูเซิงพักห้องมาตรฐาน
ซ่งฝูเซิงไม่มีวิธีการอื่น เขาหันมาสบตากับภรรยาโดยที่ไม่กล้าสบตาท่านแม่ เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวของเขาเอง เขาแอบไปจ่ายเงินเพื่อจองห้องพักอีกหนึ่งห้อง
เงินก็จ่ายไปแล้ว ไม่สามารถคืนเงินได้
ซ่งหลี่เจิ้งปวดใจ จ่ายเงินไปครึ่งพวงก็สามารถทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดได้ เขาจัดการคนเข้าที่พัก “ลุงใหญ่ของฝูเซิงและพวกที่ได้รับบาดเจ็บจากคมดาบ ตามข้าไปนอนที่ห้อง พวกเจ้าปูเสื่อนอนที่พื้น ข้าจะพาพวกเด็กๆ ไปด้วย พวกผู้หญิงวางใจได้ ข้าสามารถดูแลเด็กๆ ให้ได้”
ลุงใหญ่ของฝูเซิงไม่ใช่เด็กน้อยและไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่มีชื่อเขาให้ไปนอนที่ห้องมาตรฐานได้ก็เป็นเพราะเห็นแก่หน้าซ่งฝูเซิง
ซ่งฝูเซิงก็คอยจัดการห้องของเขา ให้ซ่งฝูหลิง เฉียนเพ่ยอิงพาหมี่โซ่วมานอนเบียดกันบนเตียงหนึ่ง ส่วนท่านแม่ ท่านยายเถียน ซ่งจินเป่านอนเบียดกันอีกเตียงหนึ่ง
ในห้องพักมีที่นั่งพักผ่อนอยู่ เขาก็พูดกับทางโรงเตี๊ยมให้ขนมาเพิ่มอีก นำมาวางไว้ให้ชิดกัน แล้วให้ต้ายาเอ้อร์ยานอนกันบนนั้น
เขามองเถาฮวา ซ่งฝูเซิงเกาหัวครุ่นคิด เขาไม่ได้ลำเอียงเลย แต่ตอนนี้จะจัดการให้เจ้าอย่างไรดี
ซ่งอิ๋นเฟิ่งบอกกับน้องสาม นางได้นอนที่ห้องนี้ก็ดีแล้ว ไม่โดนลม ข้ากับเถาฮวาจะปูเสื่อนอนบนพื้น ซ่งฝูเซิงได้แต่ตอบตกลง
บนพื้นนอกจากซ่งอิ๋นเฟิ่งกับเถาฮวาแล้ว ยังมีหลานชายต้าหลัง เอ้อร์หลัง หูจือ ซ่งฝูไฉและซ่งฝูเซิง
พี่ชายคนรองซ่งฝูสี่กับพี่เขยเถียนสี่ฟา มีสะใภ้สองคน เหล่าหนิว ซื่อจ้วง พวกเขาไปนอนที่ห้องเก็บฟืน
ไม่มีสถานที่อื่น ไม่มีวิธีอื่นแล้ว
พี่ชายคนโตซ่งฝูไฉจะออกไป แต่ซ่งฝูเซิงไม่ยอม
ตั้งแต่พี่ใหญ่ไปเอาน้ำครั้งนั้นแล้วได้รับบาดเจ็บที่แขนมา จนถึงวันนี้เขาก็ยังคงกัดฟันเข็นรถ
ส่วนตัวเขาก็ได้รับบาดเจ็บที่ไหล่จากโจรสองพี่น้อง ทาผงยาที่ปู่ให้ ก็ไม่รู้ว่าเป็นผงยารักษาอะไร บอกว่าลืมไปแล้ว น่าจะเป็นยาทาแก้แผลอักเสบ
ซ่งฝูเซิงกินยาแก้อักเสบของตนเอง และเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่
แต่พวกพี่ใหญ่ที่มีแผลจากคมดาบ ซื่อจ้วงได้ใช้ไฟลนปากแผลเพื่อหยุดเลือดไม่ให้ไหลออกมา
ไม่ต้องพูดถึงชายฉกรรจ์แต่ละคนที่รูปร่างใหญ่โต มองดูอยู่จากด้านข้างยังรู้สึกเจ็บแทน เขารีบกินยาแก้อักเสบจะได้ไม่ต้องใช้ไฟลน ตอนนี้มีเขาเพียงคนเดียวที่ไม่ถูกไฟลนแผล
พี่ใหญ่บาดเจ็บขนาดนี้แล้วจะไปอยู่ห้องเก็บฟืนได้อย่างไร ที่นั่นมีลมพัดเข้ามาได้ ซ่งฝูเซิงวางแผนว่าจะไปเอาน้ำร้อนมาชำระร่างกายและพันแผลให้ซ่งฝูไฉใหม่
แต่เมื่อเปิดประตูออกมา ซ่งฝูเซิงก็ต้องตกใจ เขาถามซื่อจ้วง “เจ้ายังไม่ไปห้องเก็บฟืนอีก เฝ้าอยู่หน้าประตูทำไมกัน”
ตอนอยู่ในห้องเขาก็กลัวจะเหยียบโดนคนอื่น พอเปิดประตูออกมาก็เกือบจะเหยียบซื่อจ้วง
ซื่อจ้วงพูดไม่ได้ เขาได้แต่เขยิบหลบไปอยู่ด้านข้าง
ซ่งฝูเซิงขมวดคิ้ว “กลับไปห้องเก็บฟืนซะ ไม่ว่าห้องเก็บฟืนจะเป็นอย่างไร แต่ก็มีสภาพดีกว่าที่ตรงนี้มาก ที่นั่นยังสามารถผิงไฟได้ ถ้าเจ้าอยู่หน้าประตูทั้งคืนแล้วถ้าเจ็บแผลขึ้นมาจะทำอย่างไร?”
ซื่อจ้วงทุบอกของตนเองหลายที
ซ่งฝูเซิงนิ่งอึ้ง
ตั้งแต่เจ้าหนุ่มคนนี้กินยาแก้อักเสบของเขาก็มีเรี่ยวแรงมากขึ้น ทำให้เขาคิดว่ายาแก้อักเสบที่เอาออกมาจากพื้นที่พิเศษนี้ไม่เหมือนกับยาอื่น แต่เมื่อตนเองกินไปกลับไม่ได้ผล
หนิงจั่งกุ้ยบอกกับเขา ตอนฆ่าวัวตัวสุดท้าย เกาถูฮู่ใช้มีดแทงวัวจนตายก่อน แล้วซื่อจ้วงก็แย่งงานของเกาถูฮู่ เขาควักเครื่องในของวัวออกมาทั้งหมดแล้วก็เข้าไปอยู่ในท้องวัว
ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร อาจจะเป็นเพราะในร่างกายของวัว “ยังมีสัญญาณชีพ” อยู่หรือ? ถึงได้ทำให้ร่างกายของซื่อจ้วงไม่มีอาการอักเสบ
ตั้งแต่ฆ่าวัวตัวนั้น ซื่อจ้วงก็ไม่มีอาการป่วยอีกเลย บาดแผลสมานกันอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ
“ช่างเถอะ อยากนอนตรงนี้ก็นอนเถอะ ข้าเถียงไม่ชนะเจ้า”
ตอนที่ซ่งฝูเซิงไปตักน้ำร้อน ซ่งฝูหลิงก็กำลังขัดขา “คันจัง” โดนความเย็นจนแข็ง
ไม่ได้มีเพียงแค่ซ่งฝูหลิง ต้ายา เอ้อร์ยา เถาฮวา เด็กสาวหลายคนที่อยู่ด้วยกันก็ยื่นมือออกมา มือแข็งจนไม่เหมือนมือของสาวน้อยแล้ว ซ่งฝูหลิงมือแข็งจนแดง คนพวกนั้นหลายคนผิวแห้งจนเป็นสีดำ
เมื่อผิวหนังโดนความเย็นมากจนผิวแห้งเป็นสีดำ มีบางคนใช้เวลาทั้งชีวิตก็รักษากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้
ต้าหลัง เอ้อร์หลัง หูจือ เด็กหนุ่มสามคนถอดรองเท้าออกมา เท้าของแต่ละคนก็บวมเป่ง แทบไม่ต้องพูดถึงมือเลย
ซ่งฝูไฉหลบซ่งฝูเซิง “ไม่ต้องดูหรอก แผลของข้าไม่เป็นอะไรแล้ว” น่าอายมาก พี่สาวอยู่ในห้อง น้องสะใภ้สามก็อยู่ในห้องนี้และยังมีหลานสาวอีกหลายคน น้องสามไม่สำรวมเลยสักนิด เข้ามาก็จะเปิดเสื้อของเขาอีกแล้ว